[CR] รีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare Elite+

กระทู้รีวิว
พอดีช่วงนี้สนใจแปรงสีฟันไฟฟ้า แน่นอนครับว่าผมหาข้อมูลก่อนในหลายๆ ยี่ห้อ

แต่ตอนแรกก็ยอมรับครับ ว่าไม่ได้สนใจในแปรงไฟฟ้าเลย เนื่องจากตอนเด็กๆ ก็เหมือนจะเคยใช้เป็นแบบหมุนๆ ราคาประมาณ 500 บาท
ซึ่งตอนนั้นอาจจะไม่ทน บวกกับการแปรงที่ไม่ถูกวิธี เลยรู้สึกว่า ยังไงมันก็ไม่ได้ดีกว่าแปรงเองหรอก !!

แต่ด้วยเพื่อนสนิทแนะนำมา ผมก็หาข้อมูลใน Pantip นี่หละ เลยรู้สึกว่ามันดีกว่าจริงๆแฮะ และหลังๆมา ผมทำงานดึกกลับมางัวเงียมาก
(เหมือนข้ออ้างอะ) แต่หลังๆมาก็ยอมรับจริงๆว่า แปรงได้ไม่เก่งและไม่ค่อยตั้งใจแปรงเท่าตอนแรกๆด้วย

หลักๆ เล็งไว้ 4 Brands ครับ คือ
-Oral B Braun
-Philips Sonicare
-Colgate Omron
-Xiaomi Soocare

ตอนแรกว่าจะซื้อมา 2 แปรง อีกแปรงนึงให้คุณแม่ใช้งาน
แต่สุดท้าย... ก็ได้เจ้า Philips Sonicare Elite+ มา 1 อัน เพราะแม่บอกไม่น่าจะสะอาด = - =


โดยผมได้มาราคา 1,590 บาท แถมหัวแปรงสำรองอีก 3 อัน ประกัน 2 ปี
ซึ่งผมดูในร้านออนไลน์ ราคาก็ 1,590 นี่หละ แต่ไม่แถมแปรง


โดยในตัวกล่องหลักมี ตัวแปรงสีฟัน, หัวแปรงสีฟันพร้อมที่คลอบ, แท่นชาร์ตไฟ, คู่มือ(มีภาษาไทยด้วย), และใบรับประกันครับ

เสียดายอย่างหนึ่งที่ไม่ได้แถม วิธีการแปรงฟันไฟฟ้ามาด้วย


เมื่ออยู่บนแท่นชาร์ตแล้ว ก็รู้สึกว่าดูดีมากเลยนะ ^^

โดยแปรงรุ่นนี้ จะมีแค่โหมดเดียวนะครับ ไม่มี Whitening หรือ Vibration แต่อย่างใด... แต่สำหรับคนใช้งานทั่วไป
ผมว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วนะ เข้าใจไม่ยากด้วย อีกทั้งตัวเครื่องยังกันน้ำ ถึงแม้จะไม่น่าจะมี IPX ต่างๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้อยู่

วิธีแปรงและปรับตัว ผมเองศึกษาวิธีแปรงมาบ้าง โดยให้แบ่งเป็น 4 ส่วนของช่องปาก
1.บนซ้าย ด้านข้างฟัน, ด้านล่าง และด้านใน
2.บนขวา ด้านข้างฟัน, ด้านล่าง และด้านใน
3.ล่างซ้าย ด้านข้างฟัน, ด้านล่าง และด้านใน
4.ล่างขวา ด้านข้างฟัน, ด้านล่าง และด้านใน

แต่ละส่วน แปรงจะให้เวลาเราประมาณ 30 วินาที แล้วจะมีเสียงปี้บ+หยุดชั่วคราว ให้เปลี่ยนส่วน

โดยวิธีแปรงให้เอาแปรงแนบกับฟันพอนะครับ อย่าไปกดมัน จากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนไปช้าๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
และวน Loop ไปตาม4ข้อที่ผมบอกมา โดยแปรงจะหยุดเองถ้าเราแปรงครบ 2 นาที

แต่ปัญหาที่ผมเจอคือ ผมบีบยาสีฟันลงแปรงแล้วแปรงไม่ได้ครับ.... ด้วยแรงสั่นสะเทือน ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการ
บีบยาสีฟันแล้วแปรงคร่าวๆ ให้ยาสีฟันทั่วฟันก่อนเปิดเครื่องใช้งานครับ ซึ่งก็ได้ผลดีนะๆ

พอแปรงเสร็จผมก็กดเปิดอีกครั้งเพื่อแปรงลิ้น และล้างน้ำในขณะเปิดเครื่องอยู่ จากนั้นก็ปิดเครื่องเช็ดให้แห้งครับ

จากนั้นรู้สึกว่า ฟันสะอาดขึ้นมากๆ เลย เสียงกึ้ดๆ เหมือนเวลาล้างจานเลย ซึ่งแปรงธรรมดา ยังรู้สึกว่าสะอาดได้ไม่เท่านะ
ส่วนหัวแปรงประมาณ 3 เดือนเปลี่ยนครั้งครับ หัวแปรงล้มยาก เพราะเราไม่ได้ถูแปรงไปมา
หัวแปรงในเนตราคาตก 50 บาทต่อหัว แต่ถ้าซื้อแท้ๆ ในไทยราคาสูงมากเลย
ผมว่าคุ้มค่านะที่ซื้อมาใช้ มันสะอาดกว่าจริงๆ ถ้าใครบอกว่าแปรงธรรมดาก็สะอาดเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็จริงครับ...
แต่เราไม่สามารถแปรงให้สะอาดสุดขีดได้ทุกวัน แปรงสีฟันเลยมีประสิทธิ์ภาพที่มากกว่าครับ เพราะถ้าแปรงตามสูตร
มันก็สะอาดทุกครั้งนะครับ

ตัว Battery ชาร์ต 24 ชม อยู่ได้ 2 วันครับ (แปรงวันละ 2รอบ)
แต่แบทรุ่นนี้เป็น Ni-MH ซึ่งเสียดายถ้าเป็น Li-ion จะทนกว่า


ที่ชาร์ตเป็นแท่งขึ้นมา แนะนำให้เช็คให้แห้งก่อนเสมอนะครับๆ

ส่วนหัวแปรงที่แถมมาเป็นยาง 3 สีให้เปลี่ยนครับ สำหรับครอบครัวที่ใช้กันหลายคน สลับกันใช้ได้ครับ ^^

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สุดท้ายเป็นคลิปตอนเปิดใช้งานครับ เสียงมีในระดับนึงแต่ไม่ดังเท่า Oral B และด้ามจับยังไม่ค่อยซับแรงเท่าไร แขนขาๆ

แต่ราคานี้ถือว่าคุ้มมากครับ 1,590 บาท

ส่วนตัวอื่นที่ SPEC สูงกว่า ราคามันโดดไปเยอะครับ เลยคิดว่า ถ้าอยากได้ SPEC มากกว่านี้ หลายๆ Function
ให้มอง Xiaomi Soocare X3 จะดีกว่า แต่ผมก็ยังไม่ได้ไปดูราคานะ ว่ามันเท่าไร ในเนตประมาณ 1,500-2,000 แต่ผมติดตรงประกันนี่หละ

โดยสรุปครับ แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare Elite+ แปรงฟันได้สะอาดกว่าเดิมมากจริงๆครับ การลงทุนนี้ผมถือว่าคุ้มครับ
แล้วก็อย่าลืมไปหาหมอฟัน เช็คสุขภาพฟัน และขูดหินปูนกันด้วยนะครับบบ
ชื่อสินค้า:   Philips Sonicare Elite+
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่