.
.
สวัสดีค่า~
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะค้า ><
กระทู้นี้ ส้มตั้งใจจะเขียนนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาสักที
จนช่วงนี้ได้เจอเพื่อนเก่าๆบ่อยๆ
เพื่อนก็ทักกันหลายคนเลยว่าไปทำอะไรมา
ทำไมหน้าเปลี่ยนบ้างล่ะ สวยขึ้นบ้างล่ะ 55555
บ้างก็ว่าเราไปทำศัลยกรรมทั้งหน้า ไปนู่นนนน!
พอบอกว่าเราจัดฟันมา เลยหน้าเปลี่ยนนะ
ไอเราก็กลัวจะตอบแบบดาราเกินไป 55555
เลยได้โอกาสมาเขียนกระทู้นี้ให้ละเอียดไปเลยว่าเฮ้ย!
จัดฟันมันทำให้หน้าเปลี่ยนจริงๆ นะ เปลี่ยนยิ่งกว่าศัลยกรรมด้วยเลยล่ะ
เพราะมันเปลี่ยนได้ทั้งโครงหน้าเลย เพียงแต่มันค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด
วันนี้เลยถือโอกาสพลีชีพตัวเองด้วยมหกรรมขุดรูป ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนแน่นอน 55555
เริ่มที่รูปสมัยสัก 10 ปีที่แล้วก่อนเลย 55555
จริงๆแล้วก่อนที่จะจัดฟัน ส้มแทบจะไม่ค่อยถ่ายรูปยิ้มเห็นฟันเลย
ทำให้หารูปยากมากๆ เนื่องจากฟันเราแบบ เลวมากกกก
ต้องใช้คำนี้เลย 5555 ฟันเกแบบแทบทั้งปาก
แถมมีเขี้ยวข้างนึง ทำให้ฟันดูเหมือนหลอเลย T_T
ยิ่งเวลาถ่ายรูป ก็ต้องคอยเอาทั้งมือ ทั้งผมปิดหน้า
เนื่องจากหน้าใหญ่มากๆ ทั้งๆที่ตอนนั้น น้ำหนักน้อยกว่าตอนนี้เยอะเลย 5555
แต่ถ้าใครที่ยังคิดว่า
ไหนอ่ะ ฟันเลวตรงไหน ไม่เห็นจะน่าเกลียดเลย
ส้มจะพาไปพบกับฝันร้าย แบบอวสานอาหารค่ำกันเลย
แถ่นแทนนนนนน
รูปฟันแบบชัดๆ จะๆ กันเลยทีเดียว 555555
จะเห็นได้ว่า ฟันนี่แบบ ซิกแซกกันน่ารักเลย
มีซี่ไหนตรงบ้างมั้ยยยย บอกเลยว่าไม่มี !
ยิ่งถ้ามองมุมข้างๆ
จะเห็นได้ชัดเลยว่าฟันแบบซิกแซกออกมากเกินปาก
น่าเกลียดสุดๆง่ะ TT (อันนี้คือรูปเผลอเพื่อนถ่าย ถ้าไม่เผลอ ไม่มีทางยิ้มแบบนี้ออกมาแน่ๆ T_T)
ลองหาภาพที่คิดว่าสวยที่สุดในสมัยนั้นมาดู
จะได้มาหาว่าลำเอียง 55555
อันนี้เป็นภาพที่ไปถ่ายงาน
ซึ่งถ่ายในสตูดิโอ แบบจัดเต็มชุดใหญ่ไฟสตูมากกกกก
แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเด่นของฟันได้ 555555
แถมยิ่งรวบผมนะ เป็นอะไรที่แบบบ ตายยยยยยยยย
หน้าใหญ่มากกกก และมองชัดๆจะเห็นได้ว่า
หน้าด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้ายมากด้วย
หน้าไม่เท่ากันนั่นเอง T_T
ตอนนั้นส้มก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องจัดฟันละ
รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เป็นปัญหาชีวิตมาก
เราอยากยิ้มแบบยิงฟันกว้างๆบ้าง
แต่ก็ไม่มั่นใจ เพราะอายฟันตัวเอง
รู้สึกว่าฟันที่ไม่สวย มันดูสกปรก ดูเหมือนคนไม่ดูแลตัวเองเลย
(อันนี้ความคิดส่วนตัวนะคะ)
แต่ตอนนั้นแม่ก็เป็นห่วง คือแกก็ไม่อยากให้จัดฟัน
เพราะแกก็กลัวบ้างว่าจะไม่ดี ฟันจะล้มมั้ย จะถอนฟันเยอะมั้ย
เราเลยต้องหาข้อมูลแบบเยอะมากกกกก จนกว่าแม่จะเข้าใจ
แต่โชคดีที่เราเจอคุณหมอเก่งแล้วก็ดีด้วยแหละ
ให้คุยปรึกษาจนแบบ แม่เข้าใจถ่องแท้ แม่ก็เลยโอเค ได้จัดฟันสมใจจจจ
เริ่มแรกเลยคือ พิมพ์ฟัน - X-ray ฟัน และ เคลียร์ช่องปากเรียบร้อย
จากนั้นก็เริ่มใส่เครื่องมีอ จะเห็นได้ว่าพอใส่เครื่องมือแล้ว
จะดูล้นปากหน่อยๆ 5555 ช่วงนี้ถ้ายิ้มแบบผิดปากนี่เป็ดชัดๆเลย 555
แต่ก็รู้สึกดีมากเลย เพราะว่าช่วงนี้เราสามารถยิ้มเห็นฟันได้แล้ว
เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันมันบังฟันที่น่าเกลียดออกหมดเลยจ้า5555555
ส่วนตรงบริเวณเขี้ยว ตอนแรกก็กังวลว่าจะทำยังไงกับมัน
แต่คุณหมอก็สามารถดึงลงมาได้ 555555
และสำหรับในเคสส้มนั้น ถอนฟันไปทั้งหมด 4 ซี่ค่ะ ไม่รวมฟันคุด
(คุณหมอเก่งมาก สามารถประเมินได้เลยว่าเราต้องแก้จุดไหน ถอนตรงไหนยังไงบ้าง)
ซึ่งตรงนี้ หลายๆคนอาจจะเป็นกังวล (เหมือนแม่ของเรา 555)
ว่าแบบ ฟันดีๆอยู่แล้วไปถอนทำไมล่ะ บลาๆ เดี๋ยวฟันไมาครบ 32 ซี่นะ เอิ่มมม
จะบอกก่อนเลยว่า จริงๆแล้วเนี่ย ฟันคนเราสามารถมีได้ถึง 32 ซี่
แต่ไม่จำเป็นต้องมีถึงก็ได้ค่าาาาา 55555 หลายๆคนที่เค้าฟันสวยๆอยู่แล้ว
หรือฟันเพิ่งมาสวยก็แล้วแต่ เค้าก็ไม่ได้มีฟันครบกันน้า
อย่างเพื่อนๆที่ลองอ่าน เคยนับฟันกันมั้ย ? (ซึ่งวันที่แม่บ่นเรา เราลองนับเลยนะ555)
มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีฟันครบ 32 อ่ะ ดังนั้นการมีฟันครบ 32 ซี่ มันไม่ใช่ประเด็นหลักเลยยยย
ประเด็นหลักคือ ฟันเรียงตัวสวย สบกันดี ไม่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวก็พอค่ะ!
หลังจากจัดฟันไปประมาณหนึ่งปี ฟันก็เริ่มเข้าที่แล้วค่ะ
บอกกก่อนเลยว่าฟันส้มเนี่ย มีปัญหาค่อนข้างเยอะ
ฟันเกเยอะมาก ฟันไม่สบกัน แถมฟันคุดแบบฝังในด้วย ต้องผ่าเหงือก
แต่โชคดีที่ได้คุณหมอเก่งมากกกกก ขอพูดอีกที
(คุณหมอเฉพาะทาง จบจากมหิดลเลย)
ทำให้เคสของส้มจบไวมาก
(เพื่อนบางคนจัดมา 7-8 ปี ยังไม่ถอดเลยก็มี เง้อ)
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือต้องขยันไปพบคุณหมอให้ตรงนัด
อย่าเลท อย่าเบี้ยวค่ะ เพราะคุณหมอเค้าได้แพลนการจัดรูปฟันเราไว้ทุกเดือนแล้ว
หากเราไม่ไปตามนัด ก็จะทำให้แพลนนั้นคาดเคลื่อนออกไป แถมเสร็จช้าไปอีกด้วย
ตอนนี้เริ่มเข้าที่แล้ว ทำให้เวลายิ้มแบบไม่เห็นฟัน ก็แทบไม่รู้แล้วว่าจัดฟันอยู่
ปากยุบเข้าที่สวย เริ่มเห็นเค้าฟันลางๆแล้วว่าจะสวยยย งื้ออออ ><
ในส่วนของผลพลอยได้นั้นนนนน
หน้าเล็กลงค่ะ !!!! เล็กลงแบบจริงจัง แบบไม่รู้ตัวเลย
พอเอารูปมาเทียบๆ กัน เฮ้ย มันเล็กลงจริงๆ
อาจจะเห็นเพราะว่าเราถอนฟันไปด้วย 4 ซี่
แถมฟันที่บานๆ ก็หุบเข้า เรียงตัวสวย
ทำให้โครงหน้าเข้าที่ยิ่งขึ้น ตอนนี้กล้าถ่ายรูปมัดผม เปิดหน้าแล้วววว ><
แฮปปี้สุดๆเลยจ้าาาาา <3
และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง งึง งึงงงงงงง
ได้ถอดเครื่องมือแล้วค่าาาา เย้เย้ ><
นี่ฟันชั้นหรอเนี่ยยยย โอ้วววว
ความรู้สึกแรกที่ถอดเครื่องมือออกนี่แบบ คิดยังงั้นจริงๆนะ 555
คือไม่คิดว่าฟันจะสวยได้
รูปนี้ยังยิ้มเกร็งๆ ไม่ชินกับยิ้มเห็นฟันเท่าไหร่ ต้องฝึกกันสักพักเลย 555
ส่วนในเรื่องปัญหาระหว่างจัดฟัน
บางคนอาจจะมีคำถามว่า
- กินอาหารยากมั้ย
- เสียวฟันมั้ย
- ดูแลลำบากมั้ย
ให้ภาพตอบคำถามนะคะ 555555
กินแหลกเหมือนเดิมค่ะ ไม่ยากเลยยยย ปกติมาก
เพียงแต่ว่ากินเสร็จ ก็ต้องมาเช็คฟันหน่อย
เผื่อมีเศษอาหารติดเหล็ก จะดูไม่งาม
ส่วนเรื่องเสียวฟันก็ไม่มีค่ะ ดูแลรักษาก็ไม่ลำบาก
แปรงฟันตามปกติ คอยดูแลเรื่องเศษอาหารเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องความเจ็บ
มีบ้าง ช่วงเวลาที่คุณหมอดึงฟัน
แต่จะเป็นแค่ 2-3 วันแรกๆ ของเดือนที่ดึงฟันเท่านั้นค่ะ
ไม่ได้ลำบากอะไร กินแหลกเหมือนเดิม 55555
ผลพลอยได้ที่ได้รับ นอกจากฟันสวยแล้ว คือ
- หน้าเล็กลงมาก แบบไม่ต้องผ่ากรามให้เจ็บตัว 555
- หน้าดูเรียวยาวขึ้น มีคางขึ้น (อาจจะเพราะมีผลมาจากหน้าเล็กลงตามข้อบน)
- หน้าดูเด็กขึ้นนนนนน อันนี้จริงมาก ชอบมาก!
- มีความมั่นใจมากขึ้น เวลายิ้ม เวลาพูดคุยกับคนอื่นๆ ไม่ต้องเกร็ง หรืออายเรื่องฟันไม่สวยอีกแล้ว หัวเราะได้เต็มที่เลย!
กระทู้นี้ก็น่าจะไขข้อข้องใจสำหรับหลายๆคนได้นะคะ
ว่าจัดฟันแล้ว สวยขึ้นจริงมั้ย ? ให้ภาพตอบคำถามไปแล้วเนอะ 55555
และนอกจากนั้น ก็หวังว่ากระทู้นี้จะให้คำแนะนำสำหรับใครที่กำลังติดสินใจ
อยากจะจัดฟันอยู่ได้ด้วยนะคะ
ส่วนคลีนิกที่ส้มจัดฟัน คือคลีนิค Smile Loft Dental Clinic
อยู่ที่ Century ชั้น 4 นะคะ **อันนี้ส้มจ่ายเอง ไม่ได้ค่ารีวิวใดๆ**
แต่อยากให้ความดีความชอบ >< เพราะคุณหมอเก่งมากๆ
ให้คำแนะนำดีมากกกกก แบบอธิบายเข้าใจหมดเลย
ช่วยคุยกับคุณแม่ให้ แถมมือเบามาก ไม่เจ็บ ไม่กลัวหมอฟันอีกเลย
และพี่ๆพนักงานก็น่ารัก เป็นกันเอง ให้ข้อมูลดีมาก จัดระบบคิวได้ดีด้วยค่ะ
และที่อยากจะฝากสำหรับใครที่กำลังอยากจะจัดฟันนะคะ
สิ่งที่สำคัญคือต้องจัดฟันกับคุณหมอที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะคะ !
โดยเฉพาะถ้าได้คุณหมอที่เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันด้วย สำคัญมากๆ
อย่าคิดจะไปจัดฟันกับคลีนิกเถื่อน เหมือนไม่ได้มาตรฐานเด็ดขาด!!
และคลีนิกเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับสมัยก่อนแล้ว
ที่สำคัญคือจัดฟันสมัยนี้ราคาไม่แพงเลย มีทั้งผ่อนชำระ แบ่งจ่าย ฯลฯ
ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับแล้ว จัดฟันกับคลีนิกที่ได้มาตรฐานคุ้มกว่าแน่นอนค่ะ !
[CR] พลีชีพพพพ~ ให้ภาพตอบคำถาม ว่าจัดฟันหน้าเปลี่ยนจริงมั้ย !
.
.
สวัสดีค่า~
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะค้า ><
กระทู้นี้ ส้มตั้งใจจะเขียนนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาสักที
จนช่วงนี้ได้เจอเพื่อนเก่าๆบ่อยๆ
เพื่อนก็ทักกันหลายคนเลยว่าไปทำอะไรมา
ทำไมหน้าเปลี่ยนบ้างล่ะ สวยขึ้นบ้างล่ะ 55555
บ้างก็ว่าเราไปทำศัลยกรรมทั้งหน้า ไปนู่นนนน!
พอบอกว่าเราจัดฟันมา เลยหน้าเปลี่ยนนะ
ไอเราก็กลัวจะตอบแบบดาราเกินไป 55555
เลยได้โอกาสมาเขียนกระทู้นี้ให้ละเอียดไปเลยว่าเฮ้ย!
จัดฟันมันทำให้หน้าเปลี่ยนจริงๆ นะ เปลี่ยนยิ่งกว่าศัลยกรรมด้วยเลยล่ะ
เพราะมันเปลี่ยนได้ทั้งโครงหน้าเลย เพียงแต่มันค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด
วันนี้เลยถือโอกาสพลีชีพตัวเองด้วยมหกรรมขุดรูป ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนแน่นอน 55555
เริ่มที่รูปสมัยสัก 10 ปีที่แล้วก่อนเลย 55555
จริงๆแล้วก่อนที่จะจัดฟัน ส้มแทบจะไม่ค่อยถ่ายรูปยิ้มเห็นฟันเลย
ทำให้หารูปยากมากๆ เนื่องจากฟันเราแบบ เลวมากกกก
ต้องใช้คำนี้เลย 5555 ฟันเกแบบแทบทั้งปาก
แถมมีเขี้ยวข้างนึง ทำให้ฟันดูเหมือนหลอเลย T_T
ยิ่งเวลาถ่ายรูป ก็ต้องคอยเอาทั้งมือ ทั้งผมปิดหน้า
เนื่องจากหน้าใหญ่มากๆ ทั้งๆที่ตอนนั้น น้ำหนักน้อยกว่าตอนนี้เยอะเลย 5555
แต่ถ้าใครที่ยังคิดว่า
ไหนอ่ะ ฟันเลวตรงไหน ไม่เห็นจะน่าเกลียดเลย
ส้มจะพาไปพบกับฝันร้าย แบบอวสานอาหารค่ำกันเลย
แถ่นแทนนนนนน
รูปฟันแบบชัดๆ จะๆ กันเลยทีเดียว 555555
จะเห็นได้ว่า ฟันนี่แบบ ซิกแซกกันน่ารักเลย
มีซี่ไหนตรงบ้างมั้ยยยย บอกเลยว่าไม่มี !
ยิ่งถ้ามองมุมข้างๆ
จะเห็นได้ชัดเลยว่าฟันแบบซิกแซกออกมากเกินปาก
น่าเกลียดสุดๆง่ะ TT (อันนี้คือรูปเผลอเพื่อนถ่าย ถ้าไม่เผลอ ไม่มีทางยิ้มแบบนี้ออกมาแน่ๆ T_T)
ลองหาภาพที่คิดว่าสวยที่สุดในสมัยนั้นมาดู
จะได้มาหาว่าลำเอียง 55555
อันนี้เป็นภาพที่ไปถ่ายงาน
ซึ่งถ่ายในสตูดิโอ แบบจัดเต็มชุดใหญ่ไฟสตูมากกกกก
แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเด่นของฟันได้ 555555
แถมยิ่งรวบผมนะ เป็นอะไรที่แบบบ ตายยยยยยยยย
หน้าใหญ่มากกกก และมองชัดๆจะเห็นได้ว่า
หน้าด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้ายมากด้วย
หน้าไม่เท่ากันนั่นเอง T_T
ตอนนั้นส้มก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องจัดฟันละ
รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เป็นปัญหาชีวิตมาก
เราอยากยิ้มแบบยิงฟันกว้างๆบ้าง
แต่ก็ไม่มั่นใจ เพราะอายฟันตัวเอง
รู้สึกว่าฟันที่ไม่สวย มันดูสกปรก ดูเหมือนคนไม่ดูแลตัวเองเลย
(อันนี้ความคิดส่วนตัวนะคะ)
แต่ตอนนั้นแม่ก็เป็นห่วง คือแกก็ไม่อยากให้จัดฟัน
เพราะแกก็กลัวบ้างว่าจะไม่ดี ฟันจะล้มมั้ย จะถอนฟันเยอะมั้ย
เราเลยต้องหาข้อมูลแบบเยอะมากกกกก จนกว่าแม่จะเข้าใจ
แต่โชคดีที่เราเจอคุณหมอเก่งแล้วก็ดีด้วยแหละ
ให้คุยปรึกษาจนแบบ แม่เข้าใจถ่องแท้ แม่ก็เลยโอเค ได้จัดฟันสมใจจจจ
เริ่มแรกเลยคือ พิมพ์ฟัน - X-ray ฟัน และ เคลียร์ช่องปากเรียบร้อย
จากนั้นก็เริ่มใส่เครื่องมีอ จะเห็นได้ว่าพอใส่เครื่องมือแล้ว
จะดูล้นปากหน่อยๆ 5555 ช่วงนี้ถ้ายิ้มแบบผิดปากนี่เป็ดชัดๆเลย 555
แต่ก็รู้สึกดีมากเลย เพราะว่าช่วงนี้เราสามารถยิ้มเห็นฟันได้แล้ว
เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันมันบังฟันที่น่าเกลียดออกหมดเลยจ้า5555555
ส่วนตรงบริเวณเขี้ยว ตอนแรกก็กังวลว่าจะทำยังไงกับมัน
แต่คุณหมอก็สามารถดึงลงมาได้ 555555
และสำหรับในเคสส้มนั้น ถอนฟันไปทั้งหมด 4 ซี่ค่ะ ไม่รวมฟันคุด
(คุณหมอเก่งมาก สามารถประเมินได้เลยว่าเราต้องแก้จุดไหน ถอนตรงไหนยังไงบ้าง)
ซึ่งตรงนี้ หลายๆคนอาจจะเป็นกังวล (เหมือนแม่ของเรา 555)
ว่าแบบ ฟันดีๆอยู่แล้วไปถอนทำไมล่ะ บลาๆ เดี๋ยวฟันไมาครบ 32 ซี่นะ เอิ่มมม
จะบอกก่อนเลยว่า จริงๆแล้วเนี่ย ฟันคนเราสามารถมีได้ถึง 32 ซี่
แต่ไม่จำเป็นต้องมีถึงก็ได้ค่าาาาา 55555 หลายๆคนที่เค้าฟันสวยๆอยู่แล้ว
หรือฟันเพิ่งมาสวยก็แล้วแต่ เค้าก็ไม่ได้มีฟันครบกันน้า
อย่างเพื่อนๆที่ลองอ่าน เคยนับฟันกันมั้ย ? (ซึ่งวันที่แม่บ่นเรา เราลองนับเลยนะ555)
มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีฟันครบ 32 อ่ะ ดังนั้นการมีฟันครบ 32 ซี่ มันไม่ใช่ประเด็นหลักเลยยยย
ประเด็นหลักคือ ฟันเรียงตัวสวย สบกันดี ไม่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวก็พอค่ะ!
หลังจากจัดฟันไปประมาณหนึ่งปี ฟันก็เริ่มเข้าที่แล้วค่ะ
บอกกก่อนเลยว่าฟันส้มเนี่ย มีปัญหาค่อนข้างเยอะ
ฟันเกเยอะมาก ฟันไม่สบกัน แถมฟันคุดแบบฝังในด้วย ต้องผ่าเหงือก
แต่โชคดีที่ได้คุณหมอเก่งมากกกกก ขอพูดอีกที
(คุณหมอเฉพาะทาง จบจากมหิดลเลย)
ทำให้เคสของส้มจบไวมาก
(เพื่อนบางคนจัดมา 7-8 ปี ยังไม่ถอดเลยก็มี เง้อ)
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือต้องขยันไปพบคุณหมอให้ตรงนัด
อย่าเลท อย่าเบี้ยวค่ะ เพราะคุณหมอเค้าได้แพลนการจัดรูปฟันเราไว้ทุกเดือนแล้ว
หากเราไม่ไปตามนัด ก็จะทำให้แพลนนั้นคาดเคลื่อนออกไป แถมเสร็จช้าไปอีกด้วย
ตอนนี้เริ่มเข้าที่แล้ว ทำให้เวลายิ้มแบบไม่เห็นฟัน ก็แทบไม่รู้แล้วว่าจัดฟันอยู่
ปากยุบเข้าที่สวย เริ่มเห็นเค้าฟันลางๆแล้วว่าจะสวยยย งื้ออออ ><
ในส่วนของผลพลอยได้นั้นนนนน
หน้าเล็กลงค่ะ !!!! เล็กลงแบบจริงจัง แบบไม่รู้ตัวเลย
พอเอารูปมาเทียบๆ กัน เฮ้ย มันเล็กลงจริงๆ
อาจจะเห็นเพราะว่าเราถอนฟันไปด้วย 4 ซี่
แถมฟันที่บานๆ ก็หุบเข้า เรียงตัวสวย
ทำให้โครงหน้าเข้าที่ยิ่งขึ้น ตอนนี้กล้าถ่ายรูปมัดผม เปิดหน้าแล้วววว ><
แฮปปี้สุดๆเลยจ้าาาาา <3
และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง งึง งึงงงงงงง
ได้ถอดเครื่องมือแล้วค่าาาา เย้เย้ ><
นี่ฟันชั้นหรอเนี่ยยยย โอ้วววว
ความรู้สึกแรกที่ถอดเครื่องมือออกนี่แบบ คิดยังงั้นจริงๆนะ 555
คือไม่คิดว่าฟันจะสวยได้
รูปนี้ยังยิ้มเกร็งๆ ไม่ชินกับยิ้มเห็นฟันเท่าไหร่ ต้องฝึกกันสักพักเลย 555
ส่วนในเรื่องปัญหาระหว่างจัดฟัน
บางคนอาจจะมีคำถามว่า
- กินอาหารยากมั้ย
- เสียวฟันมั้ย
- ดูแลลำบากมั้ย
ให้ภาพตอบคำถามนะคะ 555555
กินแหลกเหมือนเดิมค่ะ ไม่ยากเลยยยย ปกติมาก
เพียงแต่ว่ากินเสร็จ ก็ต้องมาเช็คฟันหน่อย
เผื่อมีเศษอาหารติดเหล็ก จะดูไม่งาม
ส่วนเรื่องเสียวฟันก็ไม่มีค่ะ ดูแลรักษาก็ไม่ลำบาก
แปรงฟันตามปกติ คอยดูแลเรื่องเศษอาหารเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องความเจ็บ
มีบ้าง ช่วงเวลาที่คุณหมอดึงฟัน
แต่จะเป็นแค่ 2-3 วันแรกๆ ของเดือนที่ดึงฟันเท่านั้นค่ะ
ไม่ได้ลำบากอะไร กินแหลกเหมือนเดิม 55555
ผลพลอยได้ที่ได้รับ นอกจากฟันสวยแล้ว คือ
- หน้าเล็กลงมาก แบบไม่ต้องผ่ากรามให้เจ็บตัว 555
- หน้าดูเรียวยาวขึ้น มีคางขึ้น (อาจจะเพราะมีผลมาจากหน้าเล็กลงตามข้อบน)
- หน้าดูเด็กขึ้นนนนนน อันนี้จริงมาก ชอบมาก!
- มีความมั่นใจมากขึ้น เวลายิ้ม เวลาพูดคุยกับคนอื่นๆ ไม่ต้องเกร็ง หรืออายเรื่องฟันไม่สวยอีกแล้ว หัวเราะได้เต็มที่เลย!
กระทู้นี้ก็น่าจะไขข้อข้องใจสำหรับหลายๆคนได้นะคะ
ว่าจัดฟันแล้ว สวยขึ้นจริงมั้ย ? ให้ภาพตอบคำถามไปแล้วเนอะ 55555
และนอกจากนั้น ก็หวังว่ากระทู้นี้จะให้คำแนะนำสำหรับใครที่กำลังติดสินใจ
อยากจะจัดฟันอยู่ได้ด้วยนะคะ
ส่วนคลีนิกที่ส้มจัดฟัน คือคลีนิค Smile Loft Dental Clinic
อยู่ที่ Century ชั้น 4 นะคะ **อันนี้ส้มจ่ายเอง ไม่ได้ค่ารีวิวใดๆ**
แต่อยากให้ความดีความชอบ >< เพราะคุณหมอเก่งมากๆ
ให้คำแนะนำดีมากกกกก แบบอธิบายเข้าใจหมดเลย
ช่วยคุยกับคุณแม่ให้ แถมมือเบามาก ไม่เจ็บ ไม่กลัวหมอฟันอีกเลย
และพี่ๆพนักงานก็น่ารัก เป็นกันเอง ให้ข้อมูลดีมาก จัดระบบคิวได้ดีด้วยค่ะ
และที่อยากจะฝากสำหรับใครที่กำลังอยากจะจัดฟันนะคะ
สิ่งที่สำคัญคือต้องจัดฟันกับคุณหมอที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะคะ !
โดยเฉพาะถ้าได้คุณหมอที่เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันด้วย สำคัญมากๆ
อย่าคิดจะไปจัดฟันกับคลีนิกเถื่อน เหมือนไม่ได้มาตรฐานเด็ดขาด!!
และคลีนิกเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับสมัยก่อนแล้ว
ที่สำคัญคือจัดฟันสมัยนี้ราคาไม่แพงเลย มีทั้งผ่อนชำระ แบ่งจ่าย ฯลฯ
ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับแล้ว จัดฟันกับคลีนิกที่ได้มาตรฐานคุ้มกว่าแน่นอนค่ะ !