จากข้อความนี้...
จากทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/37402872
ความคิดเห็นที่ 69
หาตั้งนาน..ว่ากระทู้ไหน ทำให้ถูกลบ.... ทู้นี้เอง..ผ่านมา 2 วันละยังตามมาดู........กระทู้นี้.มีป้ายเหลืองในเมนต์หลักรวมกัน 33 เมนต์ คิดเป็น 48.50%....... น่าจะทำลายสถิติ pantip แน่ ๆ
สมาชิกหมายเลข 4366288
ไม่รู้อะไรกันหนักหนาคะ...🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄
ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเล้ย...ปรับปรุงตัวเองกันบ้างเถอะค่ะ !!!
มาอ่านข่าวนี้นะคะ..👍👍👍👍👍👍👍👍👍
นักกฎหมายกระบวนการยุติธรรม วิเคราะห์ สนช.ไม่ผ่าน 7
กต. หากสะกัดจุดอ่อนจริงก่อนก็ดี กันโต้แย้งเมื่อมีคดี ก.ม.ตั้งมาตรฐานสูงคนผ่านเกณฑ์น้อย ลุ้นเลือกใหม่ปลดล็อค ?
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.61 "แหล่งข่าวนักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม" ได้วิเคราะห์ถึงประเด็น ที่ สนช.มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบผู้ได้รับคัดเลือก ว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน โดยมีการอ้างเหตุจากการลงมติลับในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่า ในการประชุม สนช.เป็นการประชุมลับ จึงยังไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง ว่า ที่ สนช.ไม่ลงคะแนนผ่านคัดเลือก กกต.ทั้ง 7 คน มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่ตนเห็นว่าหากเป็นในประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง7คน ไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง7คนมีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งมาจากผู้สมัครเลือกตั้งมาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาการเข้าดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
เช่นตัวอย่างคดีอาญานักการเมือง พิจารณาคดีจนใกล้จะตัดสิน แต่ต่อมาฝ่ายจำเลยโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติของ ป.ป.ช. ซึ่งก็มีให้เห็นหลายกรณี โดยเชื่อว่าจำเลยส่วนมากก็พร้อมจะสู้หมดจึงอาจมีปัญหาตามมา แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า เชื่อว่าหาก กกต. ชุดที่ถูกตีตกดังกล่าว ได้ผ่านเข้ามาทำหน้าที่ก็จะต้องถูกผู้สมัครร้องในประเด็นนี้อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าคนส่วนมาก เห็นว่า สนช.แก้ปัญหาได้ดี โดยการไม่ผ่านความเห็นชอบทั้ง 7คน และใช้การคัดสรรเข้ามาใหม่ ซึ่งการสรรหา กกต. ชุดใหม่ก็จะต้องกระทำภายใน 90 วัน ตามกฎหมาย เมื่อถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะต้องเปลี่ยนวิธีลงคะแนนลับจากเดิมหรือไม่หลังจากถูกพาดพิงว่ามีปัญหา
แหล่งข่าว กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าจะมีการพูดคุยตกลงกันอย่างไร แต่ผู้พิพากษาส่วนใหญ่เชื่อว่าคงจะต้องเปลี่ยนการลงคะแนนซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องมีการนำไปถกเถียงในที่ประชุมศาลฎีกาอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็เชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ในศาลฎีกาก็คงจะเปลี่ยนวิธีการสรรหาใหม่อย่างแน่นอนคงไม่ใช้วิธีการเดิม เพราะถ้าใช้วิธีการเดิมก็จะต้องมีปัญหาขึ้นมาอีก ในความเห็นส่วนตัวของตนที่มีการโต้แย้งเรื่องนี้มาก็ถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมามันคงมีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องใช้วิธีการลงคะแนนแบบที่มีปัญหาไป แต่เชื่อว่าต่อไปก็คงไม่มีปัญหา เรื่องนี้อีก เมื่อถามว่า หากอ้างว่าในสัดส่วนของสายศาลมีปัญหา ทำไมอีก 5 คน สนช.ถึงไม่ผ่าน
แหล่งข่าว กล่าวว่า ตนคิดว่าในที่ประชุม สนช.ซึ่งเป็นการประชุมลับ คงมีการพูดคุยว่าจะโหวตไม่ผ่านเเค่บางคนหรือโหวตไม่ผ่านทั้งหมด ซึ่งเมื่อผลออกมาอย่างนี้ก็เชื่อว่า สนช.คงตกลงกันได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการไม่ผ่านทั้งหมด ถ้ามองในแง่ดีก็จะเป็นการกำจัดจุดอ่อน และเปิดให้บุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาชุดใหม่ว่าจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอในด้านประสบการณ์แค่ไหน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนคุณสมบัติของผู้ได้รับการสรรหาการเป็น กกต. สูงกว่า กกต. ชุดเดิม เเละเมื่อคุณสมบัติสูงมากขนาดนี้ บุคคลที่อยู่ในเงื่อนไขก็จะน้อยลง เมื่อถามว่า มองว่าการลงมติของ สนช. ในครั้งนี้ที่อ้างเรื่องการลงคะแนนลับของว่าที่ กกต. 2 คนสายศาลเป็นการหักหน้า ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาหรือไม่ เนื่องจากประธานศาลฎีกาเป็นทั้งประธานในที่ประชุมศาลฎีกาและประธานคณะกรรมการสรรหา กกต. ทั้งหมด
แหล่งข่าว กล่าวว่า การลงคะแนนลับดังกล่าว ที่ประชุมศาลฎีกาก็ยืนยันแล้วว่าเป็นการลงคะแนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อยืนยันไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาที่จะจัดการ ที่มีการกล่าวอ้างว่า สนช. ไม่ผ่านเพราะเรื่องการลงคะแนนลับมีปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการ เป็นการพูดไปเอง จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่น่ามีปัญหา แม้ว่าประธานศาลฎีกาจะเป็นประธานของทั้งสองคณะทำงานก็ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าสนช.ไม่ผ่านก็คัดเลือกใหม่เท่านั้นเอง ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีที่ศาลฎีกาส่งไปแล้วสภาไม่เอา โดยการที่ไม่เอาทั้ง 7 คนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก แต่การที่ สนช. มีมติออกมาลักษณะนี้เชื่อว่าเป็นการปลดล็อคกันข้อโต้แย้งข้อครหาที่อาจจะมาไม่จบสิ้น ก็มองว่าเป็นการเเก้ปัญหาที่ดี เมื่อถามต่อว่า คาดว่าในกลุ่มผู้พิพากษาเมื่อทราบมติ สนช. จะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
แหล่งข่าว กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้พิพากษามองว่าตรงนี้เป็นหน้าที่ใครหน้าที่มัน เพียงแต่ต้องกลับมาคัดเลือกใหม่ เริ่มต้นใหม่ และก็ต้องทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ตรงนี้ต่อไปการลงคะเเนนคงต้องมีการถกเถียงถึงวิธีการสรรหา วิธีการคัดเลือกลงคะแนนเสียง ทำให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม เเละเปิดเผยชัดเจนไม่ให้มีข้อครหา
http://www.nationtv.tv/main/content/378604586/
ต่ออีกข่าวหนึ่งค่ะ...👍👍👍👍👍👍👍
นักกฎหมายระบุสนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กกต.แก้ปัญหาได้ดี ป้องกันข้อครหาหลังเลือกตั้ง
นักกฎหมายระบุ สนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กกต.เเก้ปัญหาได้ดี หากปล่อยผ่านจัดการเลือกตั้ง เสี่ยงมีปัญหาร้องเรียนคุณสมบัติ-ที่มาสรรหากกต. เชื่อครั้งต่อไปที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเปลี่ยนวิธีลงคะเเนนใหม่กันปมครหา
วันนี้ (24 ก.พ.) แหล่งข่าวนักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมกล่าวถึง กรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบ 7 ว่าที่ กกต.เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ในการประชุม สนช.เป็นการประชุมลับ จึงยังไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง ว่า เหตุผลที่ สนช.ไม่ลงคะแนนให้ผ่านการคัดเลือก มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่เห็นว่าหากเป็นประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง 7 คนไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง 7 คน มีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง มาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
อย่างในคดีอาญานักการเมือง มีการพิจารณาคดีจนใกล้จะตัดสิน แต่ต่อมาทางฝ่ายจำเลยมีการโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติของ ป.ป.ช.ก็มีให้เห็นหลายกรณี เเละเชื่อว่าจำเลยส่วนมากก็พร้อมจะสู้หมดทุกประเด็นจึงอาจมีปัญหาตามมา
"เชื่อว่าหาก กกต. ชุดที่ถูกตีตกดังกล่าว ได้ผ่านเข้ามาทำหน้าที่ก็จะต้องถูกผู้สมัครร้องในประเด็นนี้อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าคนส่วนมาก เห็นว่า สนช.แก้ปัญหาได้ดี โดยการไม่ผ่านความเห็นชอบทั้ง 7 คน และสรรหาเข้ามาใหม่ ซึ่งการสรรหา กกต. ชุดใหม่ก็จะต้องกระทำภายใน 90 วันตามกฎหมาย"
เมื่อถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะต้องเปลี่ยนวิธีลงคะแนนลับจากเดิมหรือไม่หลังถูกพาดพิงว่าอาจมีปัญหา
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าจะมีการพูดคุยตกลงกันอย่างไร แต่ผู้พิพากษาส่วนใหญ่เชื่อว่าคงจะต้องเปลี่ยนการลงคะแนนซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องมีการนำไปถกเถียงในที่ประชุมศาลฎีกาอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็เชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ในศาลฎีกาก็คงจะเปลี่ยนวิธีการสรรหาใหม่อย่างแน่นอน คงไม่ใช้วิธีการเดิม เพราะถ้าใช้วิธีการเดิมก็จะต้องมีปัญหาขึ้นมาอีก ในความเห็นส่วนตัวของตนที่มีการโต้แย้งเรื่องนี้มาก็ถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมามันคงมีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องใช้วิธีการลงคะแนนแบบที่มีปัญหาไป แต่เชื่อว่าต่อไปก็คงไม่มีปัญหาเรื่องนี้อีก
เมื่อถามว่า หากอ้างว่าในสัดส่วนของว่าที่กกต.สายศาลมีปัญหา ทำไมอีก 5 คน สนช.ถึงไม่ผ่าน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตนคิดว่าในที่ประชุม สนช.ซึ่งเป็นการประชุมลับ คงมีการพูดคุยว่าจะโหวตไม่ผ่านเเค่บางคนหรือโหวตไม่ผ่านทั้งหมด เมื่อผลออกมาอย่างนี้ก็เชื่อว่า สนช.คงตกลงกันได้ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการไม่ผ่านทั้งหมด ถ้ามองในแง่ดีก็จะเป็นการกำจัดจุดอ่อน และเปิดให้บุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาชุดใหม่ว่าจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอในด้านประสบการณ์แค่ไหน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนคุณสมบัติของผู้ได้รับการสรรหาเป็น กกต. สูงกว่า กกต. ชุดเดิม เเละเมื่อคุณสมบัติสูงมากขนาดนี้ บุคคลที่อยู่ในเงื่อนไขก็จะน้อยลง
เมื่อถามว่า การลงมติของ สนช. ในครั้งนี้ที่อ้างเรื่องการลงคะแนนลับของว่าที่ กกต.สองคนสายศาลเป็นการหักหน้า ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาหรือไม่ เนื่องจากประธานศาลฎีกาเป็นทั้งประธานในที่ประชุมศาลฎีกาและประธานคณะกรรมการสรรหา กกต. ทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงคะแนนลับดังกล่าว ทางที่ประชุมศาลฎีกาก็ยืนยันแล้วว่าเป็นการลงคะแนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อยืนยันไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาที่จะจัดการ ที่มีการกล่าวอ้างว่า สนช. ไม่ผ่านเพราะเรื่องการลงคะแนนลับมีปัญหา นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการ เป็นการพูดไปเอง จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่น่ามีปัญหา แม้ว่าประธานศาลฎีกาจะเป็นประธานของทั้งสองคณะทำงาน ก็ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าสนช.ไม่ผ่านก็คัดเลือกใหม่เท่านั้นเอง ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีที่ศาลฎีกาส่งไปแล้วสภาไม่เอา แต่การที่ไม่เอาทั้ง 7 คน ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก แต่การที่ สนช. มีมติออกมาลักษณะนี้เชื่อว่าเป็นการปลดล็อคกันข้อโต้แย้ง ข้อครหา ที่อาจจะมาไม่จบสิ้นก็มองว่าเป็นการเเก้ปัญหาที่ดี
เมื่อถามว่า ในกลุ่มผู้พิพากษาเมื่อทราบมติ สนช. จะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้พิพากษามองว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน เพียงแต่ต้องกลับมาคัดเลือกใหม่ เริ่มต้นใหม่ และก็ต้องทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ตรงนี้ต่อไปการลงคะเเนนคงต้องมีการถกเถียงถึงวิธีการสรรหา วิธีการคัดเลือกลงคะแนนเสียง ทำให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม เเละเปิดเผยชัดเจนไม่ให้มีข้อครหา
https://mgronline.com/crime/detail/9610000019036
นักกฎหมายว่าอย่างนี้...คนโจมตีสนช.จะว่าอย่างไรคะ..?
หน้าที่ใครหน้าที่มัน...นี่คือหน้าที่ของสนช.ที่ต้อวรับผิดชอบ
นักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม" ได้วิเคราะห์ถึงประเด็น ที่ สนช.มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบผู้ได้รับคัดเลือก ว่า......
ที่สนช.ไม่ลงคะแนนผ่านคัดเลือก กกต.ทั้ง 7 คน มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่ตนเห็นว่าหากเป็นในประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง7คน ไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง7คนมีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งมาจากผู้สมัครเลือกตั้งมาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาการเข้าดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
ก็ดีค่ะ...ถ้ามีปัญหาก็จะยุ่งกันอีก.....ทำให้รอบคอบดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้เกิดปัญหา
☔🌂~มาลาริน~ใบเหลือง 33 เมนต์ คิดเป็น 48.50% แผ่เมตตายังหยุดไม่อยู่..ระบุสนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กว่าที่กกต.แก้ปัญหาได้ดี
จากทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/37402872
ความคิดเห็นที่ 69
หาตั้งนาน..ว่ากระทู้ไหน ทำให้ถูกลบ.... ทู้นี้เอง..ผ่านมา 2 วันละยังตามมาดู........กระทู้นี้.มีป้ายเหลืองในเมนต์หลักรวมกัน 33 เมนต์ คิดเป็น 48.50%....... น่าจะทำลายสถิติ pantip แน่ ๆ
สมาชิกหมายเลข 4366288
ไม่รู้อะไรกันหนักหนาคะ...🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄
ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเล้ย...ปรับปรุงตัวเองกันบ้างเถอะค่ะ !!!
มาอ่านข่าวนี้นะคะ..👍👍👍👍👍👍👍👍👍
นักกฎหมายกระบวนการยุติธรรม วิเคราะห์ สนช.ไม่ผ่าน 7 กต. หากสะกัดจุดอ่อนจริงก่อนก็ดี กันโต้แย้งเมื่อมีคดี ก.ม.ตั้งมาตรฐานสูงคนผ่านเกณฑ์น้อย ลุ้นเลือกใหม่ปลดล็อค ?
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.61 "แหล่งข่าวนักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม" ได้วิเคราะห์ถึงประเด็น ที่ สนช.มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบผู้ได้รับคัดเลือก ว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน โดยมีการอ้างเหตุจากการลงมติลับในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่า ในการประชุม สนช.เป็นการประชุมลับ จึงยังไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง ว่า ที่ สนช.ไม่ลงคะแนนผ่านคัดเลือก กกต.ทั้ง 7 คน มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่ตนเห็นว่าหากเป็นในประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง7คน ไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง7คนมีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งมาจากผู้สมัครเลือกตั้งมาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาการเข้าดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
เช่นตัวอย่างคดีอาญานักการเมือง พิจารณาคดีจนใกล้จะตัดสิน แต่ต่อมาฝ่ายจำเลยโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติของ ป.ป.ช. ซึ่งก็มีให้เห็นหลายกรณี โดยเชื่อว่าจำเลยส่วนมากก็พร้อมจะสู้หมดจึงอาจมีปัญหาตามมา แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า เชื่อว่าหาก กกต. ชุดที่ถูกตีตกดังกล่าว ได้ผ่านเข้ามาทำหน้าที่ก็จะต้องถูกผู้สมัครร้องในประเด็นนี้อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าคนส่วนมาก เห็นว่า สนช.แก้ปัญหาได้ดี โดยการไม่ผ่านความเห็นชอบทั้ง 7คน และใช้การคัดสรรเข้ามาใหม่ ซึ่งการสรรหา กกต. ชุดใหม่ก็จะต้องกระทำภายใน 90 วัน ตามกฎหมาย เมื่อถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะต้องเปลี่ยนวิธีลงคะแนนลับจากเดิมหรือไม่หลังจากถูกพาดพิงว่ามีปัญหา
แหล่งข่าว กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าจะมีการพูดคุยตกลงกันอย่างไร แต่ผู้พิพากษาส่วนใหญ่เชื่อว่าคงจะต้องเปลี่ยนการลงคะแนนซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องมีการนำไปถกเถียงในที่ประชุมศาลฎีกาอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็เชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ในศาลฎีกาก็คงจะเปลี่ยนวิธีการสรรหาใหม่อย่างแน่นอนคงไม่ใช้วิธีการเดิม เพราะถ้าใช้วิธีการเดิมก็จะต้องมีปัญหาขึ้นมาอีก ในความเห็นส่วนตัวของตนที่มีการโต้แย้งเรื่องนี้มาก็ถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมามันคงมีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องใช้วิธีการลงคะแนนแบบที่มีปัญหาไป แต่เชื่อว่าต่อไปก็คงไม่มีปัญหา เรื่องนี้อีก เมื่อถามว่า หากอ้างว่าในสัดส่วนของสายศาลมีปัญหา ทำไมอีก 5 คน สนช.ถึงไม่ผ่าน
แหล่งข่าว กล่าวว่า ตนคิดว่าในที่ประชุม สนช.ซึ่งเป็นการประชุมลับ คงมีการพูดคุยว่าจะโหวตไม่ผ่านเเค่บางคนหรือโหวตไม่ผ่านทั้งหมด ซึ่งเมื่อผลออกมาอย่างนี้ก็เชื่อว่า สนช.คงตกลงกันได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการไม่ผ่านทั้งหมด ถ้ามองในแง่ดีก็จะเป็นการกำจัดจุดอ่อน และเปิดให้บุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาชุดใหม่ว่าจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอในด้านประสบการณ์แค่ไหน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนคุณสมบัติของผู้ได้รับการสรรหาการเป็น กกต. สูงกว่า กกต. ชุดเดิม เเละเมื่อคุณสมบัติสูงมากขนาดนี้ บุคคลที่อยู่ในเงื่อนไขก็จะน้อยลง เมื่อถามว่า มองว่าการลงมติของ สนช. ในครั้งนี้ที่อ้างเรื่องการลงคะแนนลับของว่าที่ กกต. 2 คนสายศาลเป็นการหักหน้า ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาหรือไม่ เนื่องจากประธานศาลฎีกาเป็นทั้งประธานในที่ประชุมศาลฎีกาและประธานคณะกรรมการสรรหา กกต. ทั้งหมด
แหล่งข่าว กล่าวว่า การลงคะแนนลับดังกล่าว ที่ประชุมศาลฎีกาก็ยืนยันแล้วว่าเป็นการลงคะแนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อยืนยันไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาที่จะจัดการ ที่มีการกล่าวอ้างว่า สนช. ไม่ผ่านเพราะเรื่องการลงคะแนนลับมีปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการ เป็นการพูดไปเอง จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่น่ามีปัญหา แม้ว่าประธานศาลฎีกาจะเป็นประธานของทั้งสองคณะทำงานก็ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าสนช.ไม่ผ่านก็คัดเลือกใหม่เท่านั้นเอง ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีที่ศาลฎีกาส่งไปแล้วสภาไม่เอา โดยการที่ไม่เอาทั้ง 7 คนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก แต่การที่ สนช. มีมติออกมาลักษณะนี้เชื่อว่าเป็นการปลดล็อคกันข้อโต้แย้งข้อครหาที่อาจจะมาไม่จบสิ้น ก็มองว่าเป็นการเเก้ปัญหาที่ดี เมื่อถามต่อว่า คาดว่าในกลุ่มผู้พิพากษาเมื่อทราบมติ สนช. จะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
แหล่งข่าว กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้พิพากษามองว่าตรงนี้เป็นหน้าที่ใครหน้าที่มัน เพียงแต่ต้องกลับมาคัดเลือกใหม่ เริ่มต้นใหม่ และก็ต้องทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ตรงนี้ต่อไปการลงคะเเนนคงต้องมีการถกเถียงถึงวิธีการสรรหา วิธีการคัดเลือกลงคะแนนเสียง ทำให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม เเละเปิดเผยชัดเจนไม่ให้มีข้อครหา
http://www.nationtv.tv/main/content/378604586/
ต่ออีกข่าวหนึ่งค่ะ...👍👍👍👍👍👍👍
นักกฎหมายระบุสนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กกต.แก้ปัญหาได้ดี ป้องกันข้อครหาหลังเลือกตั้ง
นักกฎหมายระบุ สนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กกต.เเก้ปัญหาได้ดี หากปล่อยผ่านจัดการเลือกตั้ง เสี่ยงมีปัญหาร้องเรียนคุณสมบัติ-ที่มาสรรหากกต. เชื่อครั้งต่อไปที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเปลี่ยนวิธีลงคะเเนนใหม่กันปมครหา
วันนี้ (24 ก.พ.) แหล่งข่าวนักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมกล่าวถึง กรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบ 7 ว่าที่ กกต.เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ในการประชุม สนช.เป็นการประชุมลับ จึงยังไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง ว่า เหตุผลที่ สนช.ไม่ลงคะแนนให้ผ่านการคัดเลือก มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่เห็นว่าหากเป็นประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง 7 คนไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง 7 คน มีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง มาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
อย่างในคดีอาญานักการเมือง มีการพิจารณาคดีจนใกล้จะตัดสิน แต่ต่อมาทางฝ่ายจำเลยมีการโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติของ ป.ป.ช.ก็มีให้เห็นหลายกรณี เเละเชื่อว่าจำเลยส่วนมากก็พร้อมจะสู้หมดทุกประเด็นจึงอาจมีปัญหาตามมา
"เชื่อว่าหาก กกต. ชุดที่ถูกตีตกดังกล่าว ได้ผ่านเข้ามาทำหน้าที่ก็จะต้องถูกผู้สมัครร้องในประเด็นนี้อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าคนส่วนมาก เห็นว่า สนช.แก้ปัญหาได้ดี โดยการไม่ผ่านความเห็นชอบทั้ง 7 คน และสรรหาเข้ามาใหม่ ซึ่งการสรรหา กกต. ชุดใหม่ก็จะต้องกระทำภายใน 90 วันตามกฎหมาย"
เมื่อถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะต้องเปลี่ยนวิธีลงคะแนนลับจากเดิมหรือไม่หลังถูกพาดพิงว่าอาจมีปัญหา
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าจะมีการพูดคุยตกลงกันอย่างไร แต่ผู้พิพากษาส่วนใหญ่เชื่อว่าคงจะต้องเปลี่ยนการลงคะแนนซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องมีการนำไปถกเถียงในที่ประชุมศาลฎีกาอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็เชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ในศาลฎีกาก็คงจะเปลี่ยนวิธีการสรรหาใหม่อย่างแน่นอน คงไม่ใช้วิธีการเดิม เพราะถ้าใช้วิธีการเดิมก็จะต้องมีปัญหาขึ้นมาอีก ในความเห็นส่วนตัวของตนที่มีการโต้แย้งเรื่องนี้มาก็ถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมามันคงมีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องใช้วิธีการลงคะแนนแบบที่มีปัญหาไป แต่เชื่อว่าต่อไปก็คงไม่มีปัญหาเรื่องนี้อีก
เมื่อถามว่า หากอ้างว่าในสัดส่วนของว่าที่กกต.สายศาลมีปัญหา ทำไมอีก 5 คน สนช.ถึงไม่ผ่าน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตนคิดว่าในที่ประชุม สนช.ซึ่งเป็นการประชุมลับ คงมีการพูดคุยว่าจะโหวตไม่ผ่านเเค่บางคนหรือโหวตไม่ผ่านทั้งหมด เมื่อผลออกมาอย่างนี้ก็เชื่อว่า สนช.คงตกลงกันได้ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการไม่ผ่านทั้งหมด ถ้ามองในแง่ดีก็จะเป็นการกำจัดจุดอ่อน และเปิดให้บุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาชุดใหม่ว่าจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอในด้านประสบการณ์แค่ไหน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนคุณสมบัติของผู้ได้รับการสรรหาเป็น กกต. สูงกว่า กกต. ชุดเดิม เเละเมื่อคุณสมบัติสูงมากขนาดนี้ บุคคลที่อยู่ในเงื่อนไขก็จะน้อยลง
เมื่อถามว่า การลงมติของ สนช. ในครั้งนี้ที่อ้างเรื่องการลงคะแนนลับของว่าที่ กกต.สองคนสายศาลเป็นการหักหน้า ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาหรือไม่ เนื่องจากประธานศาลฎีกาเป็นทั้งประธานในที่ประชุมศาลฎีกาและประธานคณะกรรมการสรรหา กกต. ทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงคะแนนลับดังกล่าว ทางที่ประชุมศาลฎีกาก็ยืนยันแล้วว่าเป็นการลงคะแนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อยืนยันไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาที่จะจัดการ ที่มีการกล่าวอ้างว่า สนช. ไม่ผ่านเพราะเรื่องการลงคะแนนลับมีปัญหา นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการ เป็นการพูดไปเอง จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่น่ามีปัญหา แม้ว่าประธานศาลฎีกาจะเป็นประธานของทั้งสองคณะทำงาน ก็ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าสนช.ไม่ผ่านก็คัดเลือกใหม่เท่านั้นเอง ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีที่ศาลฎีกาส่งไปแล้วสภาไม่เอา แต่การที่ไม่เอาทั้ง 7 คน ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก แต่การที่ สนช. มีมติออกมาลักษณะนี้เชื่อว่าเป็นการปลดล็อคกันข้อโต้แย้ง ข้อครหา ที่อาจจะมาไม่จบสิ้นก็มองว่าเป็นการเเก้ปัญหาที่ดี
เมื่อถามว่า ในกลุ่มผู้พิพากษาเมื่อทราบมติ สนช. จะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้พิพากษามองว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน เพียงแต่ต้องกลับมาคัดเลือกใหม่ เริ่มต้นใหม่ และก็ต้องทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ตรงนี้ต่อไปการลงคะเเนนคงต้องมีการถกเถียงถึงวิธีการสรรหา วิธีการคัดเลือกลงคะแนนเสียง ทำให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม เเละเปิดเผยชัดเจนไม่ให้มีข้อครหา
https://mgronline.com/crime/detail/9610000019036
นักกฎหมายว่าอย่างนี้...คนโจมตีสนช.จะว่าอย่างไรคะ..?
หน้าที่ใครหน้าที่มัน...นี่คือหน้าที่ของสนช.ที่ต้อวรับผิดชอบ
นักกฎหมายระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม" ได้วิเคราะห์ถึงประเด็น ที่ สนช.มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบผู้ได้รับคัดเลือก ว่า......
ที่สนช.ไม่ลงคะแนนผ่านคัดเลือก กกต.ทั้ง 7 คน มาจากสาเหตุประเด็นการลงคะแนนลับของศาลฎีกาใช่หรือไม่ แต่ตนเห็นว่าหากเป็นในประเด็นนี้จริง ทาง สนช. ก็อาจจะตัดสินใจถูกและเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากผ่านความเห็นชอบว่าที่ กกต.ทั้ง7คน ไป ก็จะมีจุดอ่อนมากมาย เนื่องจาก กกต.ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ทั้ง7คนมีการชูใบแดงหรือใบเหลืองให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อไปเมื่อมีคดีความก็อาจมีการโต้แย้งมาจากผู้สมัครเลือกตั้งมาที่แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และสุดท้ายศาลเองก็จะต้องออกมาวินิจฉัยเรื่องที่มาการเข้าดำรงตำแหน่งของ กกต.อีกว่า ชอบหรือไม่ชอบ
ก็ดีค่ะ...ถ้ามีปัญหาก็จะยุ่งกันอีก.....ทำให้รอบคอบดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้เกิดปัญหา