แฟนเราไปผ่าตัดต้อกระจกกับ รพ เอกชน อันดับต้นๆ ของไทย ก่อนหน้านี้ก็รักษาแผนกตากับ รพ นี้มาก่อนร่วม 3 ปี เพื่อรักษาต้อหิน ต้อกระจก และมีการตรวจติดตามอาการหลังผ่าตัดเรื่อยมา อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ จนปัญหามาเกิดเมื่อใช้ยาไปเดือนกว่า แล้วมีปัญหาการมองเห็น จึงโทรไป Call center ของ รพ เพื่อให้ตรวจสอบการรักษา ผ่าน ไปหลาย ชม ไม่มีใครโทรกลับ จึงไปหาหมอที่คลีนิคส่วนตัว หมอก็ตรวจตาให้ และขอดูยา หมอเห็นยาแล้วก็ตกใจ ยกมือไหว้คนไข้ขอโทษ และรีบหาสาเหตุว่าทำไมคนไข้มียาตัวนี้ใช้ หมอติดต่อผ่านกลุ่มไลน์ขอ รพ จนทราบว่า "หมอสั่งยาถูก แต่ยาที่รับจาก รพ มาเป็นยาอีกตัวหนึ่ง โดยชื่อหมอ ชื่อคนไข้ ชือยาหน้าซองและในซองตรงกันทุกอย่าง"
ทราบภายหลังว่าหมอตั้งใจสั่งยา ลดม่านยา แต่คนไข้ได้รับยา ขยายม่านตา (Atropine) กลับบ้านมาแทน ในจำนวน 6 กล่อง โดยคนไข้ก็ไม่ทราบว่ามีการจ่ายยาผิด เภสัชกรก็ไม่มีคำแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการขับรถ และจ่ายยามาพร้อมกับยารักษาต้อหิน
(ยาที่ได้รับมาผิด ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับตัวที่หมอต้องการสั่ง และการใช้ยา Atropine ควรหลีกลี่ยงการขับรถ)
การแก้ไขของ รพ คือ
- เอายาตัวที่ผิดคืนไป แล้วจ่ายยาตัวที่ถูกมา 6 กล่อง
- ฝ่ายเภสัชออกมาขอโทษ แต่ไม่มีคำแนะนำเรื่องผลกระทบของยา
- แผนกบริหารที่ดูแลแผนกตาและแผนกกระดูก บอกให้กลับมาตรวจตาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อาทิตย์ละครั้ง แต่ไม่มีรายละเอียดความรับผิดชอบเป็นเอกสาร และไม่เห็นมีแนวทางการรักษาที่คนไข้จะวางใจได้
- หมอให้หยอดน้ำตาเทียมทุก 4 ชม เพราะมีอาการตาแห้ง
- ระหว่างที่ตรวจตาอาทิตย์ละหน ทราบจากหมอว่าหมอไม่คิดค่าแพทย์กับทาง รพ และคนไข้เบิกแค่น้ำตาเทียมมา 2 กล่องเท่านั้น และพบปัญหาใหม่ คือ ความดันเลือดคนไข้ ขึ้นสูง ถึง 152/95 แต่เดิมคนไข้ไม่มีปัญหาความดัน หมอตาเลยส่งต่อให้แผนกหัวใจ เพราะเห็นว่าอาจเป็นผลกระทบจากยาที่ใช้ผิด แต่กลายเป็นว่าค่าตรวจหัวใจพยาบาลบอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายของคนไข้ต้องจ่ายเอง
- คนไข้ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ผู้อำนวยการ รพ แต่ไม่การตอบกลับและแสดงถึงความรับผิดชอบอะไร ไม่มีการเยียวยา หรือแสดงความห่วงใยต่อผู้ป่วย
- รพ แจ้งว่าม่านตา ควรกลับมาปกติ ประมาณ 2 อาทิตย์หลังหยุดใช้ยา แต่นี่ ผ่านมา4-5 อาทิตย์แล้ว แต่ม่านตายังไม่ลงมาปกติ และยังต้องใช้น้ำตาเทียม ทุก 4 ชม เพราะตาแห้ง แต่ความดันกลับมาปกติเหมือนเดิมแล้ว และยังไม่ขับรถไม่ได้
ทุกวันนี้ยังกังวลว่าเมื่อม่านตาลงมาเท่าแกณฑ์ปกติของคนไข้แล้ว การมองจะปกติเหมือนเดิมหรือไม่
ส่วนตัว คิดว่า รพ กะว่าถ้าตาคนไข้ลงมาปกติ ก็เจ๊ากันไป
เมื่อ รพ เอกชน จ่ายยาหยอดตาผิดมาให้คนไข้ ใช้ผิดไปเดือนกว่าและมีปัญหาการมองเห็น รพ แก้ไขแบบนี้ยอมรับได้หรือไม่
ทราบภายหลังว่าหมอตั้งใจสั่งยา ลดม่านยา แต่คนไข้ได้รับยา ขยายม่านตา (Atropine) กลับบ้านมาแทน ในจำนวน 6 กล่อง โดยคนไข้ก็ไม่ทราบว่ามีการจ่ายยาผิด เภสัชกรก็ไม่มีคำแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการขับรถ และจ่ายยามาพร้อมกับยารักษาต้อหิน
(ยาที่ได้รับมาผิด ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับตัวที่หมอต้องการสั่ง และการใช้ยา Atropine ควรหลีกลี่ยงการขับรถ)
การแก้ไขของ รพ คือ
- เอายาตัวที่ผิดคืนไป แล้วจ่ายยาตัวที่ถูกมา 6 กล่อง
- ฝ่ายเภสัชออกมาขอโทษ แต่ไม่มีคำแนะนำเรื่องผลกระทบของยา
- แผนกบริหารที่ดูแลแผนกตาและแผนกกระดูก บอกให้กลับมาตรวจตาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อาทิตย์ละครั้ง แต่ไม่มีรายละเอียดความรับผิดชอบเป็นเอกสาร และไม่เห็นมีแนวทางการรักษาที่คนไข้จะวางใจได้
- หมอให้หยอดน้ำตาเทียมทุก 4 ชม เพราะมีอาการตาแห้ง
- ระหว่างที่ตรวจตาอาทิตย์ละหน ทราบจากหมอว่าหมอไม่คิดค่าแพทย์กับทาง รพ และคนไข้เบิกแค่น้ำตาเทียมมา 2 กล่องเท่านั้น และพบปัญหาใหม่ คือ ความดันเลือดคนไข้ ขึ้นสูง ถึง 152/95 แต่เดิมคนไข้ไม่มีปัญหาความดัน หมอตาเลยส่งต่อให้แผนกหัวใจ เพราะเห็นว่าอาจเป็นผลกระทบจากยาที่ใช้ผิด แต่กลายเป็นว่าค่าตรวจหัวใจพยาบาลบอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายของคนไข้ต้องจ่ายเอง
- คนไข้ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ผู้อำนวยการ รพ แต่ไม่การตอบกลับและแสดงถึงความรับผิดชอบอะไร ไม่มีการเยียวยา หรือแสดงความห่วงใยต่อผู้ป่วย
- รพ แจ้งว่าม่านตา ควรกลับมาปกติ ประมาณ 2 อาทิตย์หลังหยุดใช้ยา แต่นี่ ผ่านมา4-5 อาทิตย์แล้ว แต่ม่านตายังไม่ลงมาปกติ และยังต้องใช้น้ำตาเทียม ทุก 4 ชม เพราะตาแห้ง แต่ความดันกลับมาปกติเหมือนเดิมแล้ว และยังไม่ขับรถไม่ได้
ทุกวันนี้ยังกังวลว่าเมื่อม่านตาลงมาเท่าแกณฑ์ปกติของคนไข้แล้ว การมองจะปกติเหมือนเดิมหรือไม่
ส่วนตัว คิดว่า รพ กะว่าถ้าตาคนไข้ลงมาปกติ ก็เจ๊ากันไป