ขอเล่าคร่าวๆๆนะค่ะเราอายุ56ปีสายตายาวเพิ่งไปตรวจสายตาเมื่อ2ปีก่อนพร้อมตัดแว่นที่ร.พแถวปิ่นเกล้าไม่มีปัญหาไรเกี่ยวกับเรื่องสายตาอย่างอื่นนอกจากสายตายาวอย่างเดียว มาเมื่อปีที่แล้วตาข้างขวากะมักจะมีน้ำตาเอ่อตรงขอบตาบ่อย  ตาไม่แดงไม่อักเสบไม่กี่วันก็หายไปเอง เป็นอยู่หลายครั้ง  จนมาอาทิตยที่แล้วอยู่ดีๆๆตาข้างขวาก็แดงแล้วน้ำตาไหลตรงขอบตาไม่มาก แต่เป้นอยู่10วันก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตรงสมุทรสาครเพิ่อใช่สิทธิ30บาท
ก็ไปหาหมอแล้วบอกอาการตามข้างต้น หมอก็ตรวจให้แบบละเอียดเลย ล้างม่านตา วัดสายตา วัดความดันตา พอวัดความดันตาเสร็จหมอบอกว่าตาข้างขาวความดันตาสูงมาก38 แต่ข้างซ้ายปรกติและเลนสตาแคบ อาจจะเป้นต้อหินได้ให้มาตรวจพรุ่งนี้กับหมอที่ชำนาญด้านต้อหินจะได้ยิงเลเซอรให้ แต่ให้ยามาหยอดกับยากินก่อน วันรุ่งขึ้นเรากะไปตรวจ ก็ตรวจหมอบอกว่าต้องทำเลเซอรเพื่อขยายเลนส์ม่านตา เราบอกหมอว่าขอกินยากับหยอดตาไปก่อนได้ไหมเพื่อดูว่ามานจะลดไหม แต่หมอบอกว่าไม่ได้ต้องยิงเลเซอรเลย เลยโอเคให้ยิง พอยิงเสรจแล้วหมอบอกว่าอีก10วันมาตรวจแล้วจะต้องยิงเลเซอรอีกครั้งเพื่อให้มานกว้างขึ้นอีก และหมอบอกอีกว่าดีไม่ดีอาจะเป็นต้อกระจกอีก แต่ต้องรอดูอีก10วันตอนนี้เรารู้สึกว่าจะไปยิงอีกดีไหม มีใครเจอแบบนี้บ้างไหม  แต่แปลกจังเราเห็นคนไข้ที่มาหาหมอตาส่วนมากหมอจะให้ผ่าตัดทั้งนั้นเลยเราอยู่ในห้องตรวจรวมเวลาหมอพูดกับคนไข้กะจะได้ยินไปด้วย เลยสงสัยว่าคนที่มาหาหมอตา8ใน10คนหมอจะบอกว่าต้องผ่าตัดทั้งนั้น ส่วนมากหมอจะบอกว่าเป็นต้อกระจก แค่สงสัยเล่าสู่กันฟัง การยิงเลเซอรทิ้งระยะเวลาห่างกัน10วันจะเป็นไรไหมค่ะ  ทีจริงต้องให้กินยากับหยอดตาสักระยะไหมว่าความดันตามันลดลง  ใครรู้ช่วยเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ