▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Snorkeling
โรงแรมรีสอร์ท
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวทะเล
[CR] POP REVIEW : Thulhagiri Island Resort Maldives 3 วัน 2 คืน โดยนายวิ้ง
วันนี้กระผมนายวิ้งจะพาทุกท่านไปเที่ยวรีสอร์ทกลางน้ำมัลดิฟส์ ที่ผมเลือกพักที่นี่จะมีอยู่สองข้อครับคือ
1. จุดถ่ายรูปสะพานโค้งบ้านกลางน้ำเวลาถ่ายภาพออกมาแล้วสวยงามมากๆ
2. ปะการังรอบเกาะติดหนึ่งในสิบปะการังที่สวยที่สุดในมัลดีฟส์
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1. ตัวเครื่องบิน ผมหาบินตรงราคาประหยัด ได้ตั๋วแอร์เอเชีย ขาไป กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 09:30 ส่วนขากลับ กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 12:35
2. ที่พัก ผมจองจากบริษัทที่รับจองทัวร์มัลดีฟส์โดยเฉพาะ แจ้งกับทางบริษัทว่าต้องการโรงแรมไหน กี่คืน ทางบริษัทก็จะทำการจองกับทางโรงแรมให้เมื่อได้รับการคอนเฟิร์ม ก็จะแจ้งให้เรามัดจำก่อน 30% และก่อนเดินทางหนึ่งเดือนจ่ายที่เหลืออีก 70% เมื่อจ่ายครบทางบริษัทจะส่งบัตรกำนัลซึ่งมีเลขยืนยันการจองและใบเสร็จมาให้ทางไปรษณีย์
3. เงิน ประเทศมัลดีฟส์ส่วนใหญ่รับเงิน US Dollar ดังนั้นผมแลกเงิน 50 กับ 5 US Dollar สำหรับใช้จ่ายและทิปพนักงาน
วันเดินทาง
ออกเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองก่อน 6:30 เพื่อเตรียมขึ้นเครื่อง 9:30 ใช้เวลานั่งเครื่องประมาณ 4:30 ดังนั้นก็จะถึงมัลดีฟส์เวลา 14:00 แต่เนื่องจากมัลดีฟส์ช้ากว่าประเทศไทยสองชั่วโมง เราก็จะถึง 12:00 พอดีสำหรับเวลามัลดีฟส์ เมื่อมาถึงสนามบินสิ่งแรกที่หุ่นจักรกลอย่างเราต้องทำคือหา Sim card 4G เผื่อเอาไว้ติดต่อกับยานแม่ ออกจากประตูสนามบินเลี้ยวขวา ผมเลือกซื้อ 16 USD ใช้ได้ 3 Gb 6 วัน
จากนั้นไปนั่งรอที่เคาน์เตอร์ของแต่ละโรงแรม ซึ่งหมายเลขเคาน์เตอร์ทางบริษัททัวร์ได้แจ้งมาแล้วตอนส่งเอกสารการจองมาให้ ทางพนักงานก็จะมาเช็กชื่อเรา เมื่อครบทุกคนเขาก็จะพาออกมานั่งเรือไปเกาะซึ่งอยู่หน้าสนามบินเลย
ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 20 นาทีก็จะถึงเกาะที่เราพัก เมื่อเราเดินเข้ามาถึงแผนกต้อนรับ พนักงานโรงแรมจะเดินเข้ามาขอพาสปอร์ตเพื่อเช็คอิน จากนั้นนำเครื่องดื่มต้อนรับมาให้ และเมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว (เนื่องจากผมจองแบบ All Inclusive) เขาจึงพาไปทานข้าวกลางวัน แต่เวลาก็เกือบบ่ายสองแล้วซึ่งใกล้เวลาปิดครัว เขาจึงแจ้งให้เราตักอาหารไว้ก่อนเลยเดี๋ยวครัวจะปิดแล้ว ที่นี่เขาจะให้เราเลือกโต๊ะอาหารไว้เลย และจะต้องนั่งตรงนี้ทุกมื้อ เพราะคนบริการเราจะเป็นคนเดิมเสมอ
เมื่ออิ่มแล้วพนักงานจะช่วยยกกระเป๋าและพาเราไปยังบ้านกลางน้ำของเรา เมื่อยกกระเป๋าเข้ามาวางในบ้านเรียบร้อย พนักงานก็จะทำการเปิดแอร์ให้ และอธิบายว่าเสื้อชูชีพอยู่ตรงไหน มุมไหนที่มีปะการังให้ดำน้ำเยอะ พออธิบายเสร็จก็ให้ทิปตามธรรมเนียม จากนั้นก็ถึงเวลากระผมออกมาถ่ายรูปเล่น ดำน้ำดูปะการัง ดีนะที่อัพเกรดมาโดนน้ำเลยไม่เป็นอะไร ลงบันไดหน้าห้องก็เห็นปลาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปลาไหน ปลาหมึก ปู และอื่นๆอีกเพียบเรียกไม่ถูก 555 ส่วนปะการังเขากวางจะเยอะมากสำหรับที่นี่ เล่นน้ำไปจนพระอาทิตย์ตกดิน
พอเล่นน้ำเหนื่อยก็ขึ้นบันไดมาเข้าประตูทางห้องน้ำได้เลย เหนื่อยแล้วก็หิวรอเวลาอาหารเย็น 19:30 พอได้สัมผัสรสชาติอาหารมื้อที่สองรู้เลยว่า อาหารเหมือนกันทุกวัน อาหารจะออกแนวอินเดีย รสชาติไม่ถูกปากคนไทยส่วนใหญ่แน่ๆ อาหารส่วนใหญ่เป็นเนื้อไก่ เนื้อ เนื้อปลา(แข็งเหมือนไก่เปะ) ผักต่างๆ เลี่ยนมากๆ ถ้าใครจะไปเที่ยวแนะนำเตรียมพริกน้ำปลา น้ำจิ้มแจ่ว หรือ น้ำจิ้มซีฟู๊ด มาจะช่วยให้กินอาหารได้คล่องขึ้น ส่วนซอสพริกกับซอสมะเขือเทศขอพนักงานได้
เนื่องจากในแพคเกจมีให้เลือกว่าจะไปดำน้ำดูปะการังหรือไปตกปลา กระผมไปสำรวจที่แผนกต้อนรับ ก็พบว่ามีกระดานให้เราลงชื่อ โดยจะมีบอกว่าดำน้ำมีเฉพาะวันนี้ เวลานี้ ถ้าตกปลาก็จะเป็นอีกช่วงเวลา ผมก็ลงชื่อดำน้ำไว้ โดยตารางแจ้งว่า พรุ่งนี้ 9:30 – 11:30
หลังจากอิ่มแล้วทางรีสอร์ทเขามีเปิดเพลงให้ฟังก็ไปนั่งฟังเพลงกับจิบของมึนเมานิดหน่อย ซักพักก็กลับห้องไปนอนตากลมดูดาวกลางทะเล อยากบอกว่าฟินมาก มองเห็นดาวชัดมาก แถมลมทะเลก็ไม่เหนียวตัวเหมือนทะเลไทย นอนเพลินมาก
วันที่สองตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปและเตรียมตัวไปทานอาหารเช้าตอน 7:30 มื้อเช้าเน้นขนมปังปิ้งทาเนย กินอิ่มซักพักก็นั่งรอไปดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเรือพาเราไปไม่ไกลจากเกาะนั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงจุดดำน้ำตื้น พอดำน้ำเสร็จก็กลับที่พัก ส่วนกิจกรรมช่วงบ่ายก็ ถ่ายรูป ดำน้ำ วนไป แต่วันนี้หลังทานอาหารค่ำมีกิจกรรมแข่งเดินปูเสฉวนลุ้นรางวัลเป็นเบียร์ด้วยนะครับ
วันที่สามเป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับบนเกาะ เนื่องจากมื้อเช้าจะเป็นมื้อสุดท้ายบนเกาะ และเรือกลับสนามบินมีรอบ 13:00 วันนี้ผมเลยทานข้าวเช้าสายหน่อยคือประมาณ 9:30 (ครัวเช้าปิด 10:00) หลังจากอิ่ม เนื่องจากเป็นมื้อสุดท้ายก็มีทิปพนักงานที่บริการโต๊ะเราเป็นประจำ จากนั้นก็ถ่ายรูปวนไป เล่นโต๊ะบอล ปิงปอง ช็อปปิ้ง จากนั้นเช็คเอาท์ห้องตอนเที่ยงแล้วรอขึ้นเรือกลับสนามบินตอนบ่ายโมง หลายคนอาจจะงงเครื่องกลับรอบ 12:35 จะทันหรือ ทันครับเพราะผมจองขากลับวันถัดไป ไม่ใช่วันนี้ 5555 (และได้ทำการจองที่พักใกล้สนามบินไว้ผ่าน Agoda เรียบร้อยแล้ว)
หลังจากที่เรือจากรีสอร์ทมาส่งที่สนามบิน ผมเดินตรงไปที่ Information ของสนามบิน เพื่อกดโทรหาโรงแรมที่จองไว้ ทางโรงแรมก็ส่งรถมารับที่สนามบินเพื่อพาไปยังโรงแรมใกล้สนามบิน ที่โรงแรมที่ผมพักติดทะเล อยากบอกว่าจุดนี้ลงไปเดินดูปะการังได้เหมือนกัน แต่ทั้งปะการังและปลาจะตัวเล็กหน่อยๆ แต่ก็สวยไม่แพ้กัน
แวะออกมาทานอาหารริมทะเลสั่งซีฟู๊ด เพราะมายังไม่ได้กินอาหาทะเลเลย มื้อนี้โดนไปจุกเหมือนกันราคาไม่ค่อยสมกับหน้าตาอาหาร
วันที่สี่เป็นวันสุดท้ายในมัลดีฟส์ ทางโรงแรมมีอาหารเช้าให้กินนิดหน่อย ก็จัดขนมปังปิ้งทาเนยไปตามระเบียบ จากนั้นก็ออกเดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ก่อนจากกันขอฝากภาพหมู่เกาะมัลดิฟส์จากบนเครื่องบิน
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
1. แพคเกจ Thulhagiri Island Resort 28,300(ถ้าเป็น Low Season หรือโปรโมชั่น ราคาไม่ถึง 20,000)
2. ตั๋วเครื่องบิน Air Asia ไปกลับ 6,600
3. ที่พักโรงแรมสนามบิน 900
4. ค่ารถรับส่งสนามบินโรงแรม 450
5. อาหารทะเล 1000
6. ทิปพนักงาน 300
อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายรูปตัดต่อวิดีโอ
1. Iphone7Plus
2. กล้องกันน้ำ Olympus tough tg 810
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น