พอดีเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ค่ะ เป็นงานในโรงงานอาหาร ทำในส่วนออฟฟิต แต่บางทีต้องมีลงไลน์ผลิตบ้าง เริ่มทำมาได้ 1อาทิตย์แล้ว เดินทางใกล้บ้านนั่งรถ2ต่อ รถเมล์ แล้วต่อวินมาหน้าโรงงาน เหตุผลที่ตัดสินใจเปลี่ยนงานมาทำที่นี่ เพราะปัญหาสุขภาพจากงานเดิม ทำให้เป็นภูมิแพ้หนักมาก และที่เก่าเป็นบริษัทครอบครัว ใช้งานค่อนข้างจับฉ่าย ไม่มีระบบ เดินทางค่อนข้างไกล ตอนนั้นหลังจากมาสัมภาษณ์ที่ใหม่ที่นี่ ก็ยังลังเลอยู่ โดยเฉพาะส่วนตัวไม่ชอบทำงานโรงงาน เคยทำมาแล้วครั้งนึง แต่ไม่รอด ด้วยระยะทางที่เปลี่ยวและรู้สึกว่าสังคมโรงงานค่อนข้างไม่เหมือนกับบริษัทเอกชนทั่วไปในความรู้สึกเรา ตอนนั้นหลังจากวันสัมภาษณ์ที่นี่เหมือนชีวิตเดินมาถึงทางแยก555 ไม่รู้จะไปต่อหรืออยู่ที่เดิม แต่เราก็ได้ตัดสินใจว่า เลือกที่ใหม่แหละ เพราะตำแหน่งงานดี ได้เป็นหัวหน้าทั้งที่ประสบการณ์เรายังมีแค่นี้ ไปทำหาประสบการณ์ ใกล้บ้านขึ้นมาหน่อย เงินเดือนเพิ่มจากที่เดิมมา 1พันบาท มีเงินเก็บเพิ่มต่อเดือนขึ้นมา2พัน แต่ต้องทำงานจ-ส เราก็พยายามฮึดในใจว่า เอาวะ เลือกแล้ว ชีวิตต้องไปต่อนะ แต่ในใจลึกๆก็อดคิดไม่ได้ว่า มันดีจริงๆแล้วหรอที่ตัดสินใจมา เพราะด้วยกลัวจะซ้ำรอยเดิมจากที่เคยทำงานโรงงานครั้งก่อน พอมาเริ่มงานจริงๆความรู้สึกเดิมๆตอนนั้นกลับมาเลยค่ะ5555 รู้สึกว่ารายละเอียดงานโอเค แต่สภาพแวดล้อมไม่โอเคด้วยเรื่องคน ด้วยความกดดันหลายอย่าง เราเข้าไปเป็นหัวหน้า ซึ่งมีหัวหน้าคนเดิมอยู่ๆแล้ว เราแค่ไปช่วยเขาในตำแหน่งเดียวกับเขา เขาแทบจะไม่สอนงานเราเลย ให้เรานั่งอ่านหนังสือเกือบอาทิตย์ สอนเราเปิดใบ PO อย่างเดียว แล้วทิ้งเราไว้ในห้องคนเดียว แล้วเขาก็ไปเข้าไลน์กับลูกน้องอีกคนทั้งวัน เราแบบรู้สึกเบื่อมาก ร่างกายเหมือนไม่ได้ขยับ เปื่อย กลายเป็นเข้าสภาวะเฉื่อยเลย โทรศัพท์ก็จับไม่ค่อยได้ เขาเคลมไว้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานเลยว่า ห้ามเล่นโทรศัพท์นะ คอมไม่มีเน็ต ห้ามเข้าเฟส ห้ามชาร์จแบต จะรับสายต้องขออนุญาตก่อนประมาณนี้ เราก็มีแอบจับบ้างด้วยความที่มันน่าเบื่อจริงๆ อ่านหนังสือจนจบหลายเล่มหลายวันแล้ว555 โดยนิสัยส่วนตัว เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมากก ทำให้บางทีแอบกลัวเวลาต้องทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ แต่ทุกครั้งเราพยายามเข้าหานะ ถึงจะใช้พลังงานมากในการไม่เป็นตัวเองแต่เราก็พยายามค่ะ ชวนคุยในทุกเรื่องที่คิดออก พยายามถามนั่นถามนี่เรื่องงานให้รู้ว่า เออ เราแอคทีฟนะ ซื้อขนมมาแล้วชวนกิน แต่ที่ได้กลับมาคือ ยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้า บางคนยิ้มให้ก็ทำหน้าตึงใส่เรา รู้สึกเฟลอ่ะ เหมือนเราพยายามเข้าหาแต่เขามีกำแพง ในขณะที่ถ้าเราเป็นคนเก่าแล้วมีเด็กใหม่มา เราจะกลายเป็นคนเฮฮาทันที ยิ่งถ้ามีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยแล้วนะ เปิดคณะตลกได้เลย555 เราชอบชวนน้องใหม่คุยก่อนนะ ถามนู่นถามนี่ เอนเตอร์เทน ให้เขาไม่เกร็ง ให้เขารีแล็กซ์ ให้รู้สึกว่าที่นี่น่าอยู่นะ เพราะเราเข้าใจว่า การทำงาน ต่อให้งานยากหรือเยอะแค่ไหน คือถ้ามีเพื่อนดี เราก็อยู่ได้ ทุกวันที่มาทำงานก็ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองว่า เราจะมีเงินเก็บมากขึ้นนะ หรือถึงจะได้เงินไม่มาก แต่อย่างน้อยถ้าทำที่นี่ได้สักระยะ เราเอาตำแหน่งไปต่อยอดในอนาคตได้นะ เพื่ออนาคตๆๆ แต่อีกใจก็แอบเถียงตัวเองเบาๆว่า หรอ ใช่หรอ แถมทำงานทุกเสาร์ เวลาชีวิตเราหายไปเลย หยุดวันอาทิตย์ เราก็อยากพัก ตื่นมาทำอะไรแปบๆ อ้าว จะหมดวันอีกแล้ว ยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย แถมไม่มีเวลาให้ครอบครัวด้วย เพราะชีวิตมีแต่งานๆๆ ทุกครั้งที่เรารู้สึกไม่โอเค เราจะรู้สึกว่าอยากหางานใหม่ คิดว่าหรือจะค่อยๆลาไปสัมภาษณ์จนกว่าจะเจองานที่เราอยากทำ และหยุดส-อาดี แต่ในใจก็เสียดายตำแหน่งนี้มากๆ แค่ตำแหน่งอย่างเดียวจริงๆ บางทีก็เหมือนตัวเองเป็นไบโพล่าร์อ่ะ เดี๋ยวดีขึ้น เดี๋ยวก็เฟล55555 หรืออาจจะเป็นที่เราโลกส่วนตัวสูง หรืออาจจะมีอคติเดิมที่ไม่ดีกับงานโรงงานไปแล้วตั้งแต่แรก หรืออาจจะเพราะเราอดทนไม่พอก็ไม่รู้ แต่เราไม่มีควมสุขเลยทุกวันที่มา ไม่สบายใจ คิดเยอะ คิดถึงเพื่อนที่ทำงานเก่า คิดถึงความสุขช่วงนั้น วันๆทำงานไปหัวเราะไปทั้งวัน ซื้อขนมชวนกันกินจนน้ำหนักขึ้นมาหลายโล แต่ตอนนี้อยากเร่งเวลาให้เลิกงานไวๆทุกวัน จะได้เป็นตัวของตัวเอง เพราะการเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นมันเหนื่อยมาก555 มันทำให้เรา อยากหาอะไรทำเยอะๆเพื่อเวลาจะได้ผ่านไวๆ แต่ก็ได้แค่นั่งจ๋องง๋องกับกองหนังสือคนเดียวในห้อง โทรศัพท์ก็ต้องแอบจับ TT เราเลยอยากรู้ว่าถ้าเป็นเพื่อนๆจะตัดสินใจยังไง แชร์ประสบการณ์ที่เคยเจอกันได้นะคะ เราอยากมีเพื่อนร่วมแชร์ความรู้สึกเยอะๆ55555
ระหว่างงานตำแหน่งก้าวหน้า ใกล้บ้าน เหลือเงินเก็บเยอะขึ้นนิดหน่อย แต่ต้องทำวันเสาร์ กับ หางานที่หยุด ส-อา เลือกอะไรคะ?