จาก0หรือติดลบสู่ หลักสิบหลักร้อยล้าน มันไม่ง่ายแน่ๆใช่ไหมละครับ
ผมลองดูจากทุกคนที่บ่นว่า ขายไม่ได้ ยอดขายตก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ
แต่มันก็ยังมีเศรษฐีหน้าใหม่ เกิดขึ้นตลอด แม้เศรษฐกิจจะตกต่ำตม แค่ไหน
ผมมองดูแล้ว จะยกตัวอย่างเกือบทุกๆสินค้าที่ผมเจอะเจอที่มีทั้ง คนรวยและจน
1.คนขายกล้วยปิ้ง มีเยอะแยะไปหมด ขายมา5ปี10ปีก็ยังไม่ร่ำรวย แถมลำบากด้วยซ้ำ
ต่างจากอีกคน มีไอเดีย ฉลาด เปลี่ยนแพคเกตจิ้ง ทำส่งออก เปิดแฟรนไชส์ รายได้100ล./ปี
2.เนื้อปิ้งไก่ปิ้ง ก็มีเยอะแยะ ตามตลาดนัดบ้านเรา ทำมาหลายปีแต่ก็ไม่รวย
แต่คนที่ทำแล้วรวยเขาปรับปรุงสูตร และเปิดแฟรนไชส์ รายได้1ล้านบาท/ด
3.เฟรนฟราย ขายตลาดนัด ขายตามหน้า รร ใส่กล่องกระดาษสีขาว ธรรมดาๆ 20 บาท
รวยไหม ก็ไม่ แต่ต่างจากอีกคนทึ่ทำเฟรนฟราย แล้วมีสาขา มีแฟรนไชส์ ราย100ล./ปี
4.คนขายหมูปิ้ง อันนี้เยอะมากไปที่ไหนก็เจอได้ทุกที่ แต่ก็มีคนที่ลำบากขายมาหลายปี
ต่างจากคนรวย ทำธุรกิจหมูปิ้ง มีแฟรนไชส์ มีสาขา รายได้แตะ100ล./ปี
5.ซาลาเปา ก็มีเยอะแต่ที่เห็นรวยจริงๆ ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วขึ้นห้างแทบจะทุกห้าง รายได้ไม่ต้องพูดถึง
มีอีกหลายธุรกิจนะครับ ที่มีทั้งคนรวยคนจน ผมจึงคิดอยู่นานว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ที่ผมสรุปได้ก็คือ
ข้อแรกเลย ฉลาดไอเดีย ฉลาดการตลาด ฉลาดแก้ปัญหา ฉลาดบริหาร
ข้อสอง เปิดแฟรนไชส์ ขยายสาขา
ข้อสาม ความอร่อย หน้าตาอาหาร
ที่ผมยกให้หน้าตาอาหาร และความอร่อยอยู่ข้อสามเพราะทุกร้านที่บอกมาผมเคยไปกิน
เชื่อไหมครับ ความอร่อยไม่ได้อร่อยจนต้องไปกินอีก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่ (ไม่เชื่อลองไปชิม)
ข้อแรกเลย ฉลาดไอเดียในการสร้างแพคเกตจิ้ง ออกแบบเป็นที่น่าจดจำ
ฉลาดการตลาด คนพวกนี้การตลาดเก่งสุดยอด แม้ของจะไม่อร่อยสุด แต่การตลาดดีสุดๆ
ฉลาดแก้ปัญหาและบริหารแน่นอนอยู่แล้ว เพราะยิ่งพนักงานมากปัญหาเรื่องคนมีแน่นอน
ข้อสอง เปิดแฟรนไชส์ สังเกตุเลยคนพวกนี้รวยได้ส่วนใหญ่เพราะแฟรนไชส์ส่วนนึงเลย
ขยายสาขา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าสะดวกและง่ายขึ้น
ไม่รู้ว่าพวกคุณมีความคิดเหมือนผมไหม แต่ผมแค่อยากจะบอกสิ่งที่ผมสังเกตุเห็น
บางทีมันเป็นสินค้าที่ไม่น่าจะรายได้หลักสิบล้านด้วยซ้ำ แต่คนพวกนี้ก็ทำได้
สุดท้ายอยากจะบอกว่า ไม่ว่าสินค้าอะไรผมว่ามันก็รวยได้นะ ก๊วยเตี๋ยว ไก่ทอด ข้าวเหนียวหมู
ผมว่ามันอยู่ที่ไอเดีย และที่ขาดไม่ได้เลยคือเงินทุนอาจจะไม่เยอะเป็นแสน บางคนหลักพัน-หมื่นก็ทำได้แล้ว
จาก 0 สู่ 50 -100ล.++ คนพวกนี้ประสบความสำเร็จ เพราะเขาฉลาดและอดทนจริงไหมครับ
ผมลองดูจากทุกคนที่บ่นว่า ขายไม่ได้ ยอดขายตก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ
แต่มันก็ยังมีเศรษฐีหน้าใหม่ เกิดขึ้นตลอด แม้เศรษฐกิจจะตกต่ำตม แค่ไหน
ผมมองดูแล้ว จะยกตัวอย่างเกือบทุกๆสินค้าที่ผมเจอะเจอที่มีทั้ง คนรวยและจน
1.คนขายกล้วยปิ้ง มีเยอะแยะไปหมด ขายมา5ปี10ปีก็ยังไม่ร่ำรวย แถมลำบากด้วยซ้ำ
ต่างจากอีกคน มีไอเดีย ฉลาด เปลี่ยนแพคเกตจิ้ง ทำส่งออก เปิดแฟรนไชส์ รายได้100ล./ปี
2.เนื้อปิ้งไก่ปิ้ง ก็มีเยอะแยะ ตามตลาดนัดบ้านเรา ทำมาหลายปีแต่ก็ไม่รวย
แต่คนที่ทำแล้วรวยเขาปรับปรุงสูตร และเปิดแฟรนไชส์ รายได้1ล้านบาท/ด
3.เฟรนฟราย ขายตลาดนัด ขายตามหน้า รร ใส่กล่องกระดาษสีขาว ธรรมดาๆ 20 บาท
รวยไหม ก็ไม่ แต่ต่างจากอีกคนทึ่ทำเฟรนฟราย แล้วมีสาขา มีแฟรนไชส์ ราย100ล./ปี
4.คนขายหมูปิ้ง อันนี้เยอะมากไปที่ไหนก็เจอได้ทุกที่ แต่ก็มีคนที่ลำบากขายมาหลายปี
ต่างจากคนรวย ทำธุรกิจหมูปิ้ง มีแฟรนไชส์ มีสาขา รายได้แตะ100ล./ปี
5.ซาลาเปา ก็มีเยอะแต่ที่เห็นรวยจริงๆ ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วขึ้นห้างแทบจะทุกห้าง รายได้ไม่ต้องพูดถึง
มีอีกหลายธุรกิจนะครับ ที่มีทั้งคนรวยคนจน ผมจึงคิดอยู่นานว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ที่ผมสรุปได้ก็คือ
ข้อแรกเลย ฉลาดไอเดีย ฉลาดการตลาด ฉลาดแก้ปัญหา ฉลาดบริหาร
ข้อสอง เปิดแฟรนไชส์ ขยายสาขา
ข้อสาม ความอร่อย หน้าตาอาหาร
ที่ผมยกให้หน้าตาอาหาร และความอร่อยอยู่ข้อสามเพราะทุกร้านที่บอกมาผมเคยไปกิน
เชื่อไหมครับ ความอร่อยไม่ได้อร่อยจนต้องไปกินอีก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่ (ไม่เชื่อลองไปชิม)
ข้อแรกเลย ฉลาดไอเดียในการสร้างแพคเกตจิ้ง ออกแบบเป็นที่น่าจดจำ
ฉลาดการตลาด คนพวกนี้การตลาดเก่งสุดยอด แม้ของจะไม่อร่อยสุด แต่การตลาดดีสุดๆ
ฉลาดแก้ปัญหาและบริหารแน่นอนอยู่แล้ว เพราะยิ่งพนักงานมากปัญหาเรื่องคนมีแน่นอน
ข้อสอง เปิดแฟรนไชส์ สังเกตุเลยคนพวกนี้รวยได้ส่วนใหญ่เพราะแฟรนไชส์ส่วนนึงเลย
ขยายสาขา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าสะดวกและง่ายขึ้น
ไม่รู้ว่าพวกคุณมีความคิดเหมือนผมไหม แต่ผมแค่อยากจะบอกสิ่งที่ผมสังเกตุเห็น
บางทีมันเป็นสินค้าที่ไม่น่าจะรายได้หลักสิบล้านด้วยซ้ำ แต่คนพวกนี้ก็ทำได้
สุดท้ายอยากจะบอกว่า ไม่ว่าสินค้าอะไรผมว่ามันก็รวยได้นะ ก๊วยเตี๋ยว ไก่ทอด ข้าวเหนียวหมู
ผมว่ามันอยู่ที่ไอเดีย และที่ขาดไม่ได้เลยคือเงินทุนอาจจะไม่เยอะเป็นแสน บางคนหลักพัน-หมื่นก็ทำได้แล้ว