ทำไม เมื่อเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากๆเวลาของเราจะช้ากว่าปกติครับ??

เมื่อวันก่อนผมได้ดู สารคดี THE UNIVERSE ตอน ความเร็วแสง
ละมีช่วงหนึ่งที่คาใจมาก สารคดีได้บอกไว้ว่า
สมมุติ    ถ้าผมปั่นจักรยานด้วยความเร็วแสง ละมีตากล้องคนหนึ่ง(รุ่นเดียวกัน)ยืนถ่ายภาพ หลังจากการเดินทางเสร็จคนที่ปั่นจักรยานดูไม่เปลี่ยนไปเลยแต่ตากล้องกลับแก่เป็นรุุ่นพ่อของคนปั่นจักรยานเลยซะงั้น

เข้าคำถามเลยนะครับ
ทำไมเวลาถึงไม่เท่ากันได้ครับ


ปล.สารคดี THE UNIVERSE ตอน ความเร็วแสง นาทีที่ 27.19
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ขอเสริมให้กับ จขกท.อีกหน่อยนะครับ  เสริมในเรื่องการใช้งานจริงของทฤษฏีสัมพัทธภาพ

จากโจทย์เดิม ....
ถ้าผมปั่นจักรยานด้วยความเร็วแสง ละมีตากล้องคนหนึ่ง(รุ่นเดียวกัน)ยืนถ่ายภาพ
หลังจากการเดินทางเสร็จคนที่ปั่นจักรยานดูไม่เปลี่ยนไปเลยแต่ตากล้องกลับแก่เป็นรุุ่นพ่อของคนปั่นจักรยานเลยซะงั้น

จริง ๆ แล้ว  หากอ่านแค่นี้ยังถือว่า ไม่สมบูรณ์  และ งง ไปหน่อยครับ  เพราะไม่ได้บอกว่าปั่นไปนานเท่าใด  
อีกทั้งโจทย์ยังยกตัวอย่างไม่ค่อย work เท่าไหร่

ผมจึงขอยกตัวอย่างโจทย์ใหม่  ดังนี้
นาย A เดินทางไปยังระบบดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่ห่างออกไป 10 ปีแสง  ด้วยความเร็ว 99.999% ของความเร็วแสง
จากความเร็วนี้  สิ่งที่จะเกิดขึ้นชัดเจนมากก็คือ Time dilation  ซึ่ง หากเอาความเร็ว 99.999% ของความเร็วแสง
ไปคำนวณใส่สูตรแล้ว  ก็จะได้ factor ออกมา = 22.37  นั่นก็คือ  คนบนโลกจะเห็นนาย A เดินทางไป-กลับ ดาวดวงนั้น
ใช้เวลา = 20/0.999 = 20.02 ปี .... แต่ นาย A จะรู้สึก และ เห็นว่านาฬิกา และ ปฏิธินในยานจะผ่านไปแค่
20/22.37 = 0.894 ปี  หรือ  10 เดือน  22 วัน  เท่านั้นเองครับ   นั่นก็คือ  เมื่อนาย A กลับมายังโลก  เวลาที่โลก
จะผ่านไป 20.02 ปี  เพื่อนนาย A จะแก่ลงไป 20.02 ปี  แต่นาย A ยังร่างกายเหมือนเดิมเพราะเวลานาย A เพิ่งผ่านไปแค่
10 เดือน  22 วัน  เท่านั้นเองครับ

นี่เองคือความหมายของการ แก่ช้ากว่า ของนาย A

ภาพของตารางเทียบ Factor ของ Time dilation



   Time dilation ตามทฤษฏีสัมพัทธภาพของ Einstein นี้เกิดขึ้นทุกวันเลยนะครับ
ทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ และ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของ Einstein นั้น  มีผลจริง และ ถูกนำมาใช้จริง
กับระบบ GPS มานานแล้วครับ  กล่าวคือดาวเทียม GPS นั้นโคจรรอบโลกด้วยความเร็วสูง 4 กิโลเมตร/วินาที  
จากความเร็วขนาดนี้ทำให้เกิดค่าของ Velocity time dilation ขึ้น  โดยมีผลให้นาฬิกาภายใน GPS เดินช้าลง
7 Microsecond ต่อวัน เทียบกับนาฬิกาบนโลก

ขณะเดียวกัน ... แรงโน้มถ่วงในอวกาศ ณ  ตำแหน่งที่ดาวเทียม GPS โคจรอยู่จะมีค่าน้อยลงเทียบกับบนโลก  
นาฬิกาภายในดาวเทียม GPS ก็จะเดินเร็วกว่าบนโลก 45.9 Microsecond ต่อวัน (จากผลของ Gravitational time dilation)  

   ซึ่งจะเห็นว่าอิทธิพลของ Time dilation จาก 2 อย่างนี้จะส่งผล ตรงกันข้าม กัน เกิดเป็นผลต่างได้ว่า
นาฬิกาบน GPS จะเร็วกว่าบนโลก 38 Microsecond ..... ดังนั้น  ระบบเวลาของ GPS จะต้องปรับให้ถูกต้องทุกวัน
จากผลของ time dilation นี้เองครับ  มิฉะนั้นระบบ GPS ก็จะใช้งานไม่ได้เพราะ เวลา ในอวกาศ - โลก ไม่เท่ากันนั่นเอง  
ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการระบุตำแหน่งวันละประมาณ 11 กิโลเมตร ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องนี้  เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติตามทฤษฏีสัมพัทธภาพของ Einstien ครับ

ทฤษฏีสัมพัทธภาพได้กล่าวใว้ว่า  ความเร็วของแสงนั้นจะมีค่าเท่าเดิมเสมอ
ไม่ว่าจะถูกสังเกตุในกรอบอ้างอิงแบบใหน  และโดยใคร  จากข้อบังคับนี้เองที่ทำให้การเดินทางในอวกาศ
ด้วยความเร็วสูงมาก ๆ นั้น เวลา จะเปลี่ยนแปลงได้ครับ  เราเรียกว่า Time dilation .... การที่เวลาเปลี่ยนแปลงได้
เนื่องมาจากกฏธรรมชาติที่ว่า แสงจะมีความเร็วเท่ากันในทุกผู้สังเกตุ  ซึ่งมันขัดกับหลักการทางฟิสิกส์แบบ Classic
ที่เราเรียนกันในระดับมัธยมครับ

การที่บอกว่า แสงมีความเร็วเท่าเดิมเสมอ  ขอยกตัวอย่างดังนี้ ....
1. เมื่อเรายืนเฉย ๆ  และฉายไฟออกไป  เราจะเห็นแสงวิ่งออกไปด้วยความเร็ว 300,000 กม./วินาที  (OK อันนี้ไม่สงสัยอะไร)
2. แต่ ... เมื่อเราอยู่บนยานที่วิ่งเร็ว 100,000 กม./วินาที  และมีคนฉายไฟไล่หลังเรามา
   เราน่าจะเห็นแสงวิ่งแซงเราไปด้วยความเร็ว 200,000 กม./วินาที  ใช่ใหม ? ... ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ
   เราจะเห็นแสงวิ่งแซงเราไปด้วยความเร็ว 300,000 กม./วินาที  เท่าเดิม  นี่เองที่มันขัดสามัญสำนึกของคนเรา

และจากทั้ง 2 ข้อข้างบน  ทำให้การเดินทางด้วยความเร็วใกล้แสงมาก ๆ เวลา จะช้าลง  เพื่อรักษากฏเหล็กอันนี้ครับ

Time dilation นี้  จะมีผลต่อ ผู้เดินทาง เท่านั้นครับ  หมายความว่าคนที่อยู่ในยานอวกาศที่เดินทางเร็วมาก ๆ ใกล้ความเร็วแสง  
เวลาของเขาจะเดินช้าลงจนแทบหยุดนิ่งเลย  ในขณะที่เวลาบนโลกก็จะผ่านไปตามปกติ ..... หากจะอธิบายให้เห็นภาพก็คือ  
หากคนบนโลกสามารถมองเข้าไปในยานได้  ก็จะเห็นว่าทุกอย่างบนยานลำนั้น เชื่องช้า ไปหมดเลย  ซึ่งกรณีนี้จะเกิดขึ้น
ต่อเมื่อความเร็วของยานมากใกล้เคียงแสงเท่านั้น   ส่วนเวลาของคนบนโลก และ เวลาของคนบนยานก็จะเดินไปตามปกติ  
ก็คือคนบนยานเมื่อมองนาฬิกาในยานก็จะเห็นว่าเข็มกระดิกเร็วเป็นปกติครับ  แต่คนบนโลกหากมองเข้าไปในยาน  ก็จะเห็น
นาฬิกากระดิกช้าลง  และเห็นคนในยานเคลื่อนไหวช้าลง  นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผมทราบดีว่ามันฝืนสามัญสำนึกของเรามากครับ  แต่มันคือเรื่องจริงที่สามารถใช้ฟิสิกส์อธิบายได้
โดยใช้คุณสมบัติของ แสง ที่กล่าวไปแล้วว่ามันจะมีความเร็วคงที่เสมอในทุกกรอบอ้างอิง  อธิบายได้ตามภาพนี้ครับ


นี่คือภาพเคลื่อนไหว  กรณีแรก  ที่ยานหยุดนิ่ง  แสงจากแหล่งแดง และ น้ำเงิน
วิ่งไปสะท้อนและกลับมาจุดเดิม  ด้วยเวลาเท่ากัน


กรณียานวิ่งเร็ว  จะเห็นว่าแสงจากแหล่งน้ำเงินใช้เวลาสะท้อนกลับมา มากกว่าแดง
นี่เอง  ที่เวลาในยานจะ มากขึ้น - ขยายออก - ช้าลง


และจากภาพที่อธิบายการ ยืดออก ของเวลา  เราสามารถนำมาเขียนเป็น Lorentz factor ได้ตามภาพนี้ครับ

ค่าของ  Lorentz factor ที่ดูยุ่งเหยิงจากการพิสูจน์ที่ผมวาดมให้ดู  เราอาจไม่ต้องสนใจก็ได้
โดยเรานำเอาสมการของ  Lorentz factor นี้ไปใช้งานเลยก็ได้ครับ  ก็คือตามที่ จขกท.บอกใว้ ว่า
หากคน ๆ นึง ปั่นจักรยานด้วยความเร็วใกล้แสง  เวลาของคนปั่นจะช้าลง เท่าไหร่
ก็เอาความเร็วของการปั่นมาแทนลงในสูตรนี้ได้เลย  ก็จะได้ตัวเลยความต่างของเวลาออกมาเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่