กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง สำหรับพระเอก "บอมบ์"ธนิน มนูญศิลป์ ที่สามารถทลายกำแพงกับภาพการแสดงฉายา "หินแกรนิต"

หลังสวมบทบาทเกย์ขี้วีน ในละคร "ชั่วโมงต้องมนต์" ทางช่อง 3 ของค่ายทีวีซีน ได้เนียน จนตอนนี้ใครๆ ต่างเรียกเจ้าตัวว่า "เจ๊ริชชี่"



บทบาท "ริชชี่" ในละคร "ชั่วโมงต้องมนต์" เป็นอย่างไรบ้าง?

บอมบ์- "เรียกว่าเป็นบทที่ไม่ใช่แค่พลิกคาแร็กเตอร์ แต่พลิกเพศเลยครับ ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้เล่น สุดยอดความท้าทาย ไม่ว่าจะเรื่องไหน ผมค่อนข้างกดดันตัวเอง แต่เรื่องนี้ ความกดดันยิ่งทวีคูณ เพราะเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก แต่พอมาเวิร์กช็อปกับพี่ฟิวส์-กิตติศักดิ์ ผู้กำกับฯ พี่เขาบอกอย่ากดดันมาก ใจเย็นๆ ทำได้ ค่อยๆ ทำ ก็เวิร์กช็อปก่อนถ่ายทำ 3 เดือนกว่า ตอนแรกจะน้อยกว่านี้ แต่ผมขอเวลาเพิ่ม อยากให้มันแน่น"



ตีความคาแร็กเตอร์ตัวละครยังไง?

บอมบ์- "ผมตีความคาแร็กเตอร์เป็นเพศที่เราต้องเป็นจริงๆ ถ้าเป็นแค่แสดงทำท่าทางให้เหมือนมันเล่นไม่ได้แน่ เพราะหนึ่งฉากมันยาว อารมณ์นักแสดงมันไม่ต่อเนื่อง เราต้องเป็นทั้งเลือดทั้งเนื้อถึงจะเข้าไปเล่นได้ ตอนแรกพี่ฟิวส์อยากให้ดูเป็นเกย์แมนกว่านี้ แต่พอนั่งคุยกัน เขาเห็นว่าแบบที่เราเป็นแบบนี้ที่ออนแอร์อยู่มันดูน่ารัก ผมชอบมากเลยที่ ผู้กำกับฯไม่ได้มีสิ่งที่ฟิกซ์ไว้ในหัว แต่เรามานั่งคุยกัน มาดูว่านักแสดงคนนี้มีเสน่ห์ตรงไหน น่าดึงออกมา สุดท้ายคาแร็กเตอร์ที่ออกมาก็เป็นอย่างในเรื่อง ชัดทุกอย่าง ท่าทาง แต่เขาไม่แต่งหญิง จะแต่งสไตล์เขา ค่อนข้างเนี้ยบ"



ได้ต้นแบบคาแร็กเตอร์จากใคร?

บอบม์ - "หลายคนมากๆ ผมรู้สึกว่าแต่ละคนจะมีเสน่ห์ในรูปแบบที่ต่างกัน คนที่เขาเป็นเพศนี้ ทั้งเกย์ ตุ๊ด ผมจะพยายามดูว่าเสน่ห์ของแต่ละคน เช่น พี่เอกกี้ ผมจำได้ว่าเวลาเจอเขา ความน่ารักมันอยู่ที่เวลาแกทิ้งคำก็จำมา เจอมะตูม ผมก็จำในแบบของแต่ละคนไว้ หรือดูทีวี ซีรีส์ต่างๆ อย่าง ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ แต่ละคนเล่นแล้วมีเสน่ห์ของตัวเอง ก็ดูเยอะๆ ก็ก๊อบปี้หลายๆ คนเลยครับ"



พอใจกับสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน?

บอมบ์ - "ตอนที่ถ่ายทำผมเล่นผมไปสุด และมารู้ว่าพอเลิกกอง มีคนบอกว่าบอมบ์แกรู้ปะ ตอนแกเล่นละคร นักแสดงเอ็กซ์ตร้าทุกคนมาถามหมดเลยว่าบอมบ์เป็นจริงๆ ใช่มั้ย ผมรู้สึกว่ากับประโยคนี้ ผมดีใจนะ ถ้าในกองยังเชื่อ คนอื่นก็น่าจะเชื่อ ดีใจที่คนเขาเชื่อในสิ่งที่ผมเป็น"

"ตอนนั้นผมรับละครเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะผมไม่น่าสวิตช์กลับมาเป็นผู้ชายได้เต็มร้อย ผมฝังไว้ลึกมาก เข้าว่ายากแล้ว ออกยากยิ่งกว่า ตอนเข้าผมลืมตาขึ้นมาจะเป็นผู้ชายแค่ตอนแปรงฟันล้างหน้า ลงกองปุ๊บ ผมไม่เป็นผู้ชายแล้วทั้งวันจนเลิกกอง เผลอๆ ถ่าย 3-4 วันติดก็เป็นต่อเนื่อง กลับไปบ้านมันติดตัวเรา แต่ปัญหาตอนที่ปิดกล้องทุกอย่างจบแล้ว ผมติดไปนานเลย ตอนแรกพี่ฟิวส์บอกไม่ต้องกังวล จบเรื่องนี้ 2 เดือนจะกลับไปเป็นปกติ แต่ของผมครึ่งปีครับ เรื่องนี้ถ่ายทำ 9 เดือน บวกเวิร์กช็อป 3 เดือน สรุปผมเป็นตุ๊ดอยู่ปีหนึ่ง เป็นทั้งสายเลือด เวลามีฉากที่ต้อง อิมโพรไวซ์ก็เล่นได้เลย คือเข้าใจเขาทุกอณูจริงๆ"



บทนี้ทลายกำแพงเราเลยไหม?

บอมบ์ - "จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบคำว่าทลายกำแพงเท่าไหร่ มันเหมือนเราเปิดโลกทรรศน์ใหม่ที่เราไม่เคยคิด ไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าชาตินี้จะมีโอกาสเข้าไปเข้าใจเขาจริงๆ ผมรู้สึกว่าโลกผมกว้างขึ้น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ในโลกใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน สามารถเล่นบทบาทหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้เล่น จะได้เป็น จะได้เข้าใจ รู้สึกว่าเราเปิดใจมากขึ้น เราเป็นนักแสดงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งก้าว ค่อยๆ เติมเต็มมันไปเรื่อยๆ"



ที่ผ่านมาคนโจมตีเรื่องการแสดงของเราว่าเล่นแข็ง?

บอมบ์ - "อันดับแรก ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องข่าวก่อนหน้านี้ ก่อนเรื่องเดือนประดับดาว ผมโดนว่าเยอะ บางทีในฐานะนักแสดงก็เล่นตามบทบาท ตั้งใจทุกเรื่อง เวิร์ก ช็อปทุกเรื่อง จริงๆ บางตัวละครก็เป็นลักษณะคาแร็กเตอร์ของเขา อย่างเดือนประดับดาว วรัท เขาก็เล่นแบบนี้ คนก็ชื่นชอบ อาจเป็นอีกมิติหนึ่ง อย่างเล่นบทมาเฟีย เขาก็คือมาเฟีย ไม่รู้สิ คนอาจจะไม่ค่อยชื่นชอบในคาแร็กเตอร์เราอย่างนั้นมั้ง"

"ยอมรับว่าเสียใจกับกระแสโจมตีที่ผ่านมา ทุกๆ ครั้งไม่ว่าจะเป็นงานละครหรืองานอะไรก็ตามอยากทำให้คนดูยิ้ม คนรอบข้างมีความสุข ผมรักคนดูนะ คนดูบางคนก็ใจร้ายเหลือเกิน เขารักคุณนะ แต่คุณกลับย่ำยีเขาด้วยการเมนต์ด่า แชร์สิ่งแย่ๆ คุณด่าเขา บางคนแคร์ บางคนไม่แคร์ พูดเลยว่าผมคือคนที่แคร์ พอแคร์เรารับความรู้สึกมาเราก็เสียใจ ผมไม่ได้ทำงานเพราะเอาเงินเป็นที่ตั้งผมบอกเลย แต่ผมอยากทำให้คนดูยิ้ม"



คุยกับตัวเองยังไงให้กลับมาฮึดสู้อีกครั้ง?

บอมบ์ - "ก็คุยกับหลายๆ คน ที่บ้านให้กำลังใจเยอะ ผมก็ค่อยๆ มาคิดกับตัวเอง เราต้องไปข้างหน้า ตราบใดที่ยังมีโอกาส ตอนเสียใจก็ใช้เวลานิดนึง แล้วกลับมาเอาใหม่ มีโอกาสอยู่ ผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา สู้ๆ สู้จนกว่าสักวันหนึ่งเขาจะไม่ให้โอกาสเราแล้ว"



ตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้เห็นพัฒนาการทาง การแสดงของตัวเองยังไง?

บอมบ์ - "ผมได้รู้จักอะไรเพิ่มขึ้นเยอะ ทุกบทบาทมันอาศัยความเข้าใจมากกว่าความจำ ผมเข้าใจอะไรเยอะขึ้นจากวันแรกที่เข้ามา และยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ"





"ริชชี่" ว่าพีกแล้ว ยังจะมีบทอะไรที่พีกได้กว่านี้อีก?

บอมบ์ - "ผมดูหนังค่อนข้างเยอะ แต่บทบาทหนึ่งที่อยู่ในหัว ผมอยากเล่นลักษณะค่อนข้างเครซี่หน่อย เช่น แจ๊ก สแปร์โรว์ เรื่อง ไพเรต ออฟ เดอะคาริบเบียน เขาเล่นเก่งมาก อยากลองเล่นบทเหมือน แจ๊ก สแปร์โรว์ เหมือนที่จอห์นนี่ เดปป์ เล่นไว้ ผมเชื่อว่าถ้าเกิดไม่ใช่เขาเล่น มันจะเล่นได้ ไม่น่าดู ไม่น่ารักแบบนี้ เป็นคนบ้าๆ เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ แต่ทุกคนดูแล้วมองว่าเขาน่ารัก เท่ ทำได้ยังไง ผมรู้สึกอยากเข้าใจ อยากทำได้ อยากเล่นบทที่ไกลๆ ตัวไปเยอะๆ บทริชชี่ ก็ไกลมาก มันเหมือนไกลตัว เราไปทางขวา ผมก็อยากเล่นบทที่ไกลตัวเรา แต่ไปทางซ้ายบ้าง มันมีไกลตัวหลายรูปแบบ"



วางแผนชีวิตในวงการไว้ยังไง?

บอมบ์ - "อยากทำหลายอย่าง เราจบการตลาดมา ก็อยากทำเบื้องหลังเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ตอนนี้ในฐานะนักแสดงก็อยากรับบทบาทที่เปลี่ยนไปแตกต่างมากขึ้น ในอนาคตสมมติสัก 10 ปี ถ้าเป็นไปได้อยากเขียนบทประพันธ์ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเล่นเกม รู้จักคาแร็กเตอร์แปลกๆ เยอะ ชอบจินตนาการเรื่องราวและคาแร็กเตอร์แปลกๆ แต่ยังไม่ได้เขียนจริงจัง คิดไว้เล่นๆ อยากลองจินตนาการสักเรื่องขึ้นมาสนุกๆ เผื่อจะมีบทประพันธ์ดีๆ ให้ใครสักคนไว้เล่น"



6 ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิงได้เรียนรู้อะไรบ้าง?

บอมบ์ - "ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก สุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง คิดว่าจะมีใครในประเทศที่โดนด่าขนาดนี้ โดนชาวเน็ตเอาภาพไปล้อ รูปมองบน พูดตรงๆ ไม่ซีเรียสเลยจนกระทั่งภาพล้อเหล่านี้มันทำลายงานผม เขาแค่แคปไปล้อเล่น กลายเป็นว่าคุณมาจริงจังกับภาพล้อเล่น งานผมก็พังสิ เกิดภาพลักษณ์ไม่ดี คนมองผมเล่นละครไม่ตั้งใจ เป็นคนมั่วซั่ว ทำไมอยู่ดีๆ คุณมาตัดสินผม มันไม่แฟร์ ผมไม่ใช่คนที่รับมือกับปัญหาได้ดี ผมไม่เคยเจอเรื่องหนักเท่านี้มาก่อนในชีวิต พอเจอก็ร้องไห้ เสียใจ แต่ไม่ค่อยบอกใคร ค่อยๆ อยู่กับมัน ค่อยๆ เรียนรู้ ณ ตอนนั้นทุกคนก็บอกว่ามันจะผ่านไป มันจะดีขึ้น ผมไม่เคยเข้าใจนะ จนกระทั่งพอมันเริ่มดีขึ้น ผมก็เริ่มเข้าใจ"

"แต่ผมก็ปรารถนาให้ใครก็ตาม อย่าเจออะไรอย่างที่ผมเจอ คุณเชื่อเหอะ มันเจ็บมาก"



ใจเหงา!สถานะโสด-รับสมัครสาวข้างกาย

โสดมาร่วมครึ่งปี สำหรับพระเอกหนุ่ม"บอมบ์-ธนิน" หลังคบสาวมาปี กว่าและเพิ่งเลิกกันไปไม่นานนี้ โดยเจ้าตัวเปิดใจว่า "ปีที่แล้วมีคนคุยอยู่ แต่ก็เลิกกันไปช่วงกันยาฯ-ตุลาฯ ยาวนานถึงตอนนี้"

"ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่จะไม่ชอบใคร ไม่จีบใคร มีชอบ มีเข้าไปคุย แต่เขาไม่คุย พูดตรงๆ เขากลัวเราจากข่าว ปีนี้ปี 2018 นานแล้วนะ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ เขาคิดว่าเราชั่ว สายตาที่เขามองเราเหมือนสายตาที่เขามองคนที่เคยก่ออาชญากรรม ผมไม่รู้จะต้องเอาอะไรไปพิสูจน์ ไม่รู้ต้องทำยังไง คงต้องทำใจมั้ง"

ส่วนสาเหตุที่ต้องเลิกกับสาวที่คบ บอมบ์เผยว่า "ก็หลายอย่าง เราไปต่อด้วยกันไม่ได้ ตอนนี้โสดหาคนคุยไม่ได้ คนที่ชอบก็ไม่คุยกับเรา แล้วอีกประโยคหนึ่งที่ทุกคนจะพูดเหมือนกัน "โอ้โห อย่างบอมบ์ผู้หญิงเข้าหาเพียบเลยสิ" ขออนุญาตแถลงไขตรงนี้ เอาจริงๆ นะ ผู้หญิงเข้ามาจีบครั้งสุดท้ายผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ ไม่เห็นจะมีเลย"

สำหรับสเป๊กสาวที่จะกุมหัวใจหนุ่มที่ชื่อ "บอมบ์-ธนิน" เจ้าตัวว่า "ผมไม่ได้วางสเป๊กอะไรไว้เยอะ ขอแค่เข้าใจเปิดใจ ขอแค่มองหน้ากันแล้วไม่ใช้สายตามองเหมือนเราไปฆ่าใครตาย มันแย่ขนาดนั้นจริงๆ นี่คือสิ่งที่ผมเจอมา และเพิ่งเจอไม่นานนี้ด้วย ผมถึงไปโผล่บ้านคุณชาลิดา(วิจิตรวงษ์ทอง) ตลอดเวลา มิ้นต์ก็บอกว่า "บอมบ์น่าสงสารเนาะ ฉันเองก็ไม่รู้จะแนะนำใครให้แกรู้จัก เพราะคนที่รู้จักก็มีแฟนหมดแล้ว" ก็บอกมิ้นต์ไปว่าไม่เป็นไร แกอยู่เป็นเพื่อนฉันก็พอแล้ว ผมก็จะอยู่กับกลุ่มมิ้นต์ ภูผา(เตชะณรงค์) อยู่ด้วยกันตลอด ไปเที่ยวกัน"

ไปเที่ยวกับคู่ "มิ้นต์-ภูผา" บ่อยๆ รู้สึกอิจฉาหรือเหงา อยากมีคู่ของตัวเองไหม "มิ้นต์กับภูผาผมเฉยๆ นะ แต่พอไปทริปกันหลายๆ คนเป็นสิบ ผมมีกล้องชอบสแนปรูปคน ทุกคนมีคู่หมดเลย ก็มีเหงานิดหนึ่งตามช่วงจังหวะชีวิต อายุ 28 ปีแล้ว เวลาไปเที่ยวถ้ามีคนรู้ใจสักคนไปเที่ยวด้วยกันคงจะดี ตอนนี้ก็เปิดรับสมัครสาวครับ"

ถ้ามีรักครั้งใหม่จะเปิดตัวบอกสื่อไหม "เปิดครับ ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงทำให้เราเปิด ไม่พาดพิงถึงครั้งเก่าด้วย ถ้าสมมติตอนนี้มีคนคุยปุ๊บ โอเคตกลงคบกัน ก็เป็นไปตามธรรมชาติ"

กับสาวที่เพิ่งเลิกเมื่อปลายปีที่แล้ว คบกันนานไหม บอมบ์เล่าว่า "ประมาณปีกว่า แต่ช่วงนั้นไม่ค่อยได้ออกงาน ผมก็ไม่ได้ปิดนะ ไปไหนก็ไปกับเขาตลอด คนเห็นก็เยอะ แต่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ ช่วงนั้นละครยังไม่ออนแอร์ คนถามก็ตอบ ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เราก็ไม่ได้ปิด มันเป็นไปตามจังหวะชีวิต และไม่ได้คิดว่าต้องคบคนในหรือนอกวงการ"

"คำว่าพระเอกมันมีประโยชน์กับเรื่องงาน แต่คำนี้มันไม่ได้ช่วยผมในเรื่องความรักเลย แต่ผมไม่ได้เศร้า ไม่ได้โหยหา แต่ก็อยากมี มีก็ดี ผู้ชายตัวใหญ่กับใจเหงาๆ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า อาจจะโสดแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ ก็ไม่รู้" บอมบ์กล่าว

****** จากการที่อ่าน เราไม่เคยรู้เลยว่า เค้าต้องเก็บงำซ่อนความรู้สึกความเจ็บปวดไว้มากมายขนาดนี้ เพราะบอมไม่เคยแสดงออกมาให้เห็น นับถือใจนายจริงๆ บอมธนิน
ขอบคุณเครดิต[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObGJuUXdNVEU0TURJMk1RPT0=§ionid=TURNeE1nPT0=&day=TWpBeE9DMHdNaTB4T0E9PQ==