เดือดน้อยถึงเดือดมาก 10 อันดับเกมสุดมันในตำนานยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

นับตั้งแต่ที่ศึกชิงแชมป์ถ้วยใหญ่ของสโมสรยุโรป เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อ 25 ปีที่แล้วก็มีสุดยอดเกมได้เกิดขึ้นและเป็นที่จดจำมากมาย และนี่คือ 10 เกมที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

10. เรอัล มาดริด 4-1 แอตเลติโก มาดริด

รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2013/14

มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เกมรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป หรือรายการ ยูโรเปียน คัพ ต้องเล่นกันสองนัด นั่นคือเกมรอบชิงเมื่อปี 1974 โดยคราวนั้น บาเยิร์น มิวนิต ตีเสมอ แอตเลติโก มาดริด ได้ในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา โดยในตอนนั้นไม่มีการยิงจุดโทษ ทำให้เกมต้องมาเล่นกันใหม่ ก่อนที่จะเป็นทีม “เสือใต้” ที่ไล่ถล่ม 4-0 ในสองวันให้หลัง จากนั้นพวกเขาก็เดินหน้ากวาดแชมป์รายการนี้สามสมัยซ้อน

แอตเลติโก มาดริด เหมือนนกับทีมต้องคำสาป เช่นเดียวกับในปีดังกล่าว ทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อาจจะได้แชมป์ ลา ลีกา เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 แต่ที่พวกเขาไม่รู้ตัวก็คือ บาดแผลจากการที่ไม่ชนะทีมคู่ปรับร่วมเมืองรายนี้มานาน 14 ปีติดซึ่งดูเหมือนจะหมดพิษสงไปแล้ว ดันมากำเริบเอาในเกมที่สำคัญที่สุดของสโมสรนี้พอดี

อาการบาดเจ็บแฮมสตริงของ ดีเอโก้ คอสต้า ในเกมนัดตัดสินแชมป์ ลา ลีกา ที่พวกเขาบุกไปยันเสมอ บาร์เซโลน่า และคว้าแชมป์ได้สำเร็จยังไม่ทุเลา ทำให้นัดชิงชนะเลิศของเขาจบลงเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้น แต่ โลส โกลโชเนโร่ กลับเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ ดีเอโก้ โกดิน ที่เป็นฮีโร่จากเกมที่คัมป์นู เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า

เกมรับกำลังจะทำให้พวกเขาได้แชมป์แต่ว่าในนาทีที่ 92 กับอีก 48 วินาที เซร์คิโอ รามอส ก็นำฝ้นร้ายในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปกลับมาเยือนอีกครั้งเมื่อโหม่งประตูตีเสมอ ส่งเกมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ แกเรธ เบล , มาร์เซโล่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะยิงคนละประตูพาทีม ”ราชันชุดชาว” คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 10 และภาพปิดเกมก็คือภาพที่ โรนัลโด้ ถอดเสื้อโชว์กล้ามหลังยิงประตูตอกฝาโลงดับความหวังของทีม “ตราหมี”


9. แวร์เดอร์ เบรเมน 5-3 อันเดอร์เลชท์

รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 1993/94

สถานการณ์ดูไม่เป็นใจให้กับ เบรเมน เมื่อเกมผ่านไป 24 นาทีพวกเขาตามหลัง แชมป์จากเบลเยี่ยม 3-0 แต่ว่า อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล ยังคงเชื่อมั่นในทีม เพราะว่าเขามี วินตัน รูเฟอร์ อยู่ในทีม . ดาวเตะขาว นิวซีแลนด์ อาจจะไม่ใช่แข้งระดับบิ๊กเนม แต่ว่า เรห์ฮาเกล นั้นชอบเขามาก โดยในการซ้อมครั้งแรกเขาได้ถามกับ รูเฟอร์ ว่า “ฝีเท้าระดับนี้ทำไมแกไม่ได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด วะเนี่ย?”

รูเฟอร์ ยิงประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 66 หลังจากนั้นก็ตามด้วยลูกโขกของ เรเน่ บราตเซธ ใน 6 นาทีให้หลัง และมหกรรมการถล่มประตูก็มาอย่างต่อเนื่องปิดท้ายด้วย ลูกยิงของ รูเฟอร์

ตำนานปาฏิหาริย์ที่แม่น้ำ เวเซอร์ เส้นเลือดสำคัญที่หล่อเลี้ยงเมือง เบรเมน เริ่มต้นจากจุดนี้


8. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 มาลาก้า

รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง ฤดูกาล 2012/13

หลังจากที่เอาตัวรอดจากกลุ่มสุดโหดที่มีทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด ตามด้วยการปราบ ชัคเตอร์ โดเนสตค์ ในรอบ 16 ทีมาสุดท้าย ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเจอกับ มาลาก้า ทีมที่เพิ่งมาเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก ภายใต้การคุมทัพของ มานูเอล เปเยกรินี่ ที่ได้เม็ดเงินจากเศรษฐีกาตาร์คอยอัดฉีดให้พวกเขามาถึงจุดนี้ พร้อมด้วยตัวเก๋าอย่าง เฌเรมี่ ตูลาล็อง , ฆัวกิน และ โรเก้ ซานตา ครูซ แต่ว่าที่เด็ดที่สุดก็คือดาวรุ่งพุ่งแรงในช่วงนั้นอย่าง อิสโก้

เกมนัดแรกที่ สเปน นั้นจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 แต่ว่าในเกมนัดที่สองนั้นกลายเป็นเกมสุดมันส์ ฆัวกิน ยิงให้ มาลาก้า ออกนำไปก่อน หลังจากนั้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็มาตีเสมอให้กับทีมได้สำเร็จก่อนพักครึ่ง ในช่วงครึ่งหลัง ดอร์ทมุนด์ ทำท่าว่าจะตกรอบ เมื่อ เอลิเซว ยิงประตูขึ้นนำให้กับทีมเยือน และเมื่อมีกฎประตูทีมเยือนค้ำคอ นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องยิงสองประตูในเวลาที่เหลืออีก 8 นาที เพื่อที่จะเข้ารอบ

ใช่แล้ว 8 นาที กับช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกเล็กน้อย

มาร์โก รอยส์ ตีเสมอให้กับทีมได้ในช่วงทดเวลา ก่อนที่ เฟลิเป้ ซานตาน่า จะมายิงประตูชัยให้ทีมในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูนี้สร้างความเดือดดาลให้กับนักเตะ มาลาก้า เป็นอย่างมากกับการที่ธงล้ำหน้าไม่ถูกยกขึ้น (ซึ่ง ซานตาน่า ล้ำหน้าจริง ๆ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมอีกเป็นฝูง) ส่วน เจอร์เก้น คล็อปป์ ? แน่นอน เขาหลุดโลกไปเลยกับชัยชนะครั้งนี้


7. ยูเวนตุส 2-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ฤดูกาล 1998/99

มันเป็นเกมที่เรียกได้ว่าดีที่สุดของ รอย คีน ในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้

ตอนที่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิงให้ ยูเว่ ขึ้นนำ 2-0 หลังผ่านไปเพียงแค่ 11 นาที ให้ ยูเว่ นำ 3-1 ในสกอร์รวมสองนัด คีโน่ เป็นคนเรียกขวัญและกำลังใจของทีมกลับมาด้วยการยิงประตูสำคัญได้ แม้เขาจะโดนใบเหลืองซึ่งส่งผลให้เขาต้องพลาดการลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ แต่ว่า ก็เป็นคนขับเคลื่อนเกมได้อย่างน่าทึ่ง ก่อนที่ ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล จะยิงคนละประตู ช่วยให้ทีม “ปีศาจแดง” คว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ


6. โมนาโก 3-1 เรอัล มาดริด

รอบก่อนรองชนะเลิศนัดที่สอง ฤดูกาล 2003/04

ในวงการฟุตบอลยุคใหม่ คุณมักจะไม่ฉลองประตูใส่ทีมเก่ายิ่งถ้าหากว่าคุณยังอยู่ในช่วงยืมตัวโดยที่ทีมนั้นจ่ายเงินเดือน 65 เปอร์เซ้นต์ ให้กับคุณ

แต่สำหรับ เฟร์นานโด มอริเอนเตส แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น โมนาโก ตามหลัง เรอัล มาดริด 5-2 จากสกอร์รวมสองนัด ต่อทีมที่มีทั้ง โรนัลโด้ , ราอูล และ ซีเนอดีน ซีดาน โดยเวลาเหลืออีกเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น แต่ว่า มอริเอนเตส ก็ทำให้เกิดการคัมแบ็กครั้งใหญ่ขึ้น เริ่มจากการ แอสซิสต์ ให้กับ ลูโดวิช ชูลี่ ตามด้วยลูกโขกพร้อมด้วยการฉลองแบบไม่มีเม้ม ก่อนที่ ชูลี่ จะมายิงอีกประตู เขี่ย เรอัล มาดริด ตกรอบไปในที่สุด

“ผมอยากจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้” เขากล่าวหลังจากจบเกม ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ


5. เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 4-0 เอซี มิลาน

รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง ฤดูกาล 2003/04

ไม่เคยมีทีมไหนที่พลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรอง 3 ประตูพลิกกลับมาเข้ารอบ แบบเดียวกับที่ เดปอร์ติโบ ทำได้ หลังจากที่พวกเขาพ่ายให้กับ มิลาน 4-1 หลังจากจบเกมนัดแรก

ทีมของ ฆาเบียร์ อิร์รูเรต้า เล่นในฟอร์มที่เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มการเล่นในฝันจากการรัวยิงประตูเป็นชุดจาก”เอล ไรเฟิล”วอลเตอร์ ปันดิอานี่ , ฆวน คาร์ลอส บาเลรอน และ อัลเบิร์ต ลูเก้ ให้ทีมนำ 3-0 เมื่อจบครึ่งแรก ตามด้วย ประตูที่ 4 จาก ฟราน ในช่วงก่อนหมดเวลา 14 นาที สร้างความตื่นตะลึงให้กับทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“มันคือการพลิกเกมแบบที่ผมฝันเอาไว้เลยทีเดียว” อิร์รูเรต้า กล่าวหลังจากจบเกม “มันเกือบจะเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าเราเล่นกันได้อย่างสุดยอดตั้งแต่ครึ่งแรก และก็ได้สามประตูที่พวกเราต้องการ”


4. เอซี มิลาน 4-0 บาร์เซโลน่า

รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 1993/94

“แกเหนือกว่าพวกนั้น” โยฮัน ครัฟฟ์ กุนซือของ บาร์เซโลน่า กล่าวกระตุ้นลูกทีมของตัวเองก่อนลงสนาม “พวกแกจะชนะ”

ทีมของเขาคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อสองปีก่อน และคว้าแชมป์ ลา ลีกา มา 4 ปีตืดต่อกัน ก็รับฟังคำพูดของโค้ชของพวกเขาเป็นอย่างดี “ตอนนั้นเรามั่นใจมาก ซึ่งมันมากเกินไป” อัลเบิร์ต เฟร์เรร์ แบ็กขวาตัวเก่งของทีมยอมรับกับ โฟร์โฟร์ทู “เราคิดว่ามันจะเป็นเกมที่ง่าย เล่นแค่ 60-70 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นฝ่ายชนะ”

มิเกล อังเคล นาดาล ปราการหลังตัวเก่งของทีม ย้อนความหลังว่า เพื่อนร่วมทีมนั้นแทบเชื่อว่า ชัยชนะได้รับการการันตีเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีคู่กองหน้าที๋โหดที่สุดของวงการอย่าง ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ และ โรมาริโอ . แต่ว่า ฟาบิโอ คาเปลโล่ เทรนเนอร์ของ มิลาน นั้นมีเหตุผลที่จะให้ตัวเองผ่อนคลายมากขึ้นกับการที่ ครัฟฟ์ ไม่เลือก ไมเคิล เลาดรู๊ป ลงสนาม เนื่องจากว่าเรื่องของ โควตา นักเตะต่างชาติ . รอสโซเนรี่ นั้นเป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่า บาร์เซโลน่า อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในรายการของ มาร์กแซล เดอไซญี่ ที่เป็นเหมิอนอาวุธทำลายล้างใส่เกมแดนกลางของ บาร์เซโลน่า รวมถึงยิงประตูปิดท้ายสู่ชัยชนะครั้งใหญ่ หลังจากที่ ดานิเอเล่ มาสซาโร่ ที่ยิงสองประตู รวมถึง เดยัน ซาวิเซวิช ที่ยิงประตูสุดงามจนเป็นที่จดจำ

“ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กับการที่ เดยัน คือนักเตะที่มีเรื่องกับผมบ่อยที่สุดแล้ว” คาเปลโล่ ย้อนความหลังถึงเรื่องนี้เมื่อปี 2008 “เขาเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการซ้อม และเมื่อเขาอยู่ในสนามเพื่อนร่วมทีมต้องวิ่งมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงก็คือพรสวรรค์ของเขามันน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก”

ประตูของเขา มันทำให้ บาร์ซ่า ไม่สามารถกลับมาสู่เกมได้ และดรีมทีมของ ครัฟฟ์ ก็ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย


3. บาร์เซโลน่า 6-1 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง ฤดูกาล 2016/17

บรรยายภาพ ประตูจาก เซร์กิ โรแบร์โต้ ที่ทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

“นี่เป็นกีฬาสำหรับคนบ้า” หลุยส์ เอ็นริเก้ นายใหญ่ของ บาร์เซโลน่า กล่าวหลังจบเกม “ผมอยากจะร้องไห้ แต่ว่าน้ำตามันก็ไม่ไหลออกมา”

ทุกอย่างมันน่าจะจบลงไปแล้ว บาร์ซ่า แพ้ไปก่อนในเกมนัดแรก 4-0  ในช่วงสามสัปดาห์ก่อนหน้าที่ฝรั่งเศส โดยในเกมนัดที่สองพวกเขาออกนำ 3-0 จากประตูของ หลุยส์ ซัวเรซ , การทำเข้าประตูตัวเองของ เลแว็ง คูร์ซาว่า และ จุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่

ความหวังของพวกเขาแทบพินาศสิ้นเมื่อ เอดินสัน คาวานี่ ยิงประตูสำคัญให้กับทีมเยือน เท่ากับว่า บาร์ซ่า ต้องการอีก 3 ประตู หากหวังจะเข้ารอบ

เวลาเหลืออีกเพียงแค่ 5 นาที ปรากฎว่าพวกเขาทำได้จริงจากสอปงระตูของ เนย์มาร์ และ เซร์กิ โรแบร์โต้ ในช่วงวินาทีสุดท้าย ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกคนแทบคุมสติไม่อยู่ มีเพียงแค่ เคราร์ด ปิเก้ เท่านั้นที่รู้ว่าควรทำอย่างไร

“คืนนี้จะเต็มไปด้วยการร่วมรัก” ปราการหลังคนดังพูดแบบติดตลก ... เดี๋ยวเราขอเช็กข่าวซุบซิบบันเทิงก่อนนะว่าลูกคนที่ 3 กับ ชากีร่า นักร้องดังมารึยัง


credit : www.fourfourtwo.com/th (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่