จากหลายๆกระทู้ที่ชายแท้บอกว่าจะไม่รังเกียจการมาชอบของเพศที่สามแต่จะขอคบเป็นเพื่อนแทน พอได้อ่านก็รู้สึกว่าการยอมรับกันมันก็เป็นเรื่องดีครับ แต่วันดีคืนดี สนิทกันมากๆแล้วฝ่ายชายไม่แท้ที่เขายอมเป็นแค่เพื่อนสนิทกับชายแท้ หรือแค่ยอมรับแต่ไม่สนิทก็ตาม เขาเกิดอยากทำอะไรที่กว่าเพื่อนสนิทเขาทำกันหล่ะครับ อย่าคิดลึกครับ ผมหมายถึง การจับมือถือแขน การกอด การโอบกอด การลูบหัว การหยิกแก้ม การมีความต้องการที่จะมองตาด้วยนานๆ การที่อยากอยู่ด้วย เพ้อ รำพึงรำพัน คิดถึงห่วงหา
อาวรณ์ถึงฝ่ายชายตลอดเวลาหล่ะครับ หนักสุดก็คงเป็นอยากประทับรอยจูบไว้บนริมฝีปากอีกฝ่ายทันที
(แต่ไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน เพราะพูดถึงเรื่องหัวใจไม่ใช่ร่างกายครับ) นี้คือสิ่งคนๆนึงจะคิดจะทำได้คนที่เป็นแฟนถูกไหมครับ แล้วสิ่งที่กำลังเป็นคือเพื่อนกันไม่ใช่แฟน ฝ่ายเพศที่สามจึงรู้ดีว่าสิ่งที่คิดทั้งหมดนั้นเป็นไปได้ยากหรือไม่ได้เลย สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายที่แอบชอบแต่ทำไรไม่ได้ คือความทุกข์ใจครับ ถ้ายิ่งฝ่ายชายกำลังจะมีแฟน ความทุกข์จะทวีคูณไปอีกครับ
ถ้าให้เห็นภาพ ก็คงเป็นคนสองคนกำลังยืนยิ้มให้กัน แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามที่จะเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย แต่มันมีกำแพงใสๆที่หนามากๆกั้นอยู่อะครับ คืออยู่ตรงหน้าเรา แต่ทำอะไรไม่ได้ เศร้าใจสิครับ คนๆเดียวยกกำแพงนี้ออกไม่ไหวแน่ครับ ถ้าอีกฝ่ายยังมัวแต่ยืนยิ้มแล้วยังต้องการให้กำแพงนี้อยู่ต่อไป มันเป็นไปได้ไหมครับ คุณผู้ชายทั้งหลาย ที่จะเปิดรับเพศเหล่านี้ให้พวกเขาได้มีโอกาสที่จะลองมัดใจพวกคุณดูบ้าง ถ้ายังเห็นใจและอยากช่วยพวกเขาเหล่านี้อยู่ ช่วยเขายกกำแพงที่หนาเตอะนั้นออกไปซะ แต่ยังไม่ต้องรีบคว้ามือเขามากุมเหรอกครับ แค่ยิ้มให้มากกส่าเดิท คุยกับเขาให้มากกว่าเดิม ถ้าสังเกตุดีๆ คุณจะรู้ว่าเขากำลังพยายามทำให้คุณมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับเขา ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรับไว้ทั้งหมดหรือคุณจะรับไว้เพียงส่วนเดียว ใครจะไปรู้ว่าถ้าคุณรับมาทั้งหมดแล้วนำมาคิด คุณอาจจะโอเคกับสิ่งที่ได้รับมาก็ได้ มันจึงที่มาของประโยค "รักคนที่เขารักเรา" คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเขาในที แค่ลองให้เขาได้มัดใจคุณ ถ้าคุณโอเคและค่าความดีในตัวเขา ให้โอกาสเขาได้คบกับคนที่เขารักจริงๆซะทีเถอะครับ แต่ถ้าในอนาคตข้างหน้า หลายสิ่งอย่างมันไม่ใช่ มันไม่เหมือน ค่อยว่ากันอีกครับ ตอนนี้แค่ให้โอกาสเขาก็พอ
สรุปว่า สิ่งที่ผมพรรนณามาเนี่ย มันเป็นไปได้กับคู่ๆนึงมากน้อยแค่ไหนครับเพื่อนๆ
มีโอกาสไหมที่ชายแท้จะยอมคบกับเพศที่3ที่มาแอบชอบและขอคบ
อาวรณ์ถึงฝ่ายชายตลอดเวลาหล่ะครับ หนักสุดก็คงเป็นอยากประทับรอยจูบไว้บนริมฝีปากอีกฝ่ายทันที
(แต่ไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน เพราะพูดถึงเรื่องหัวใจไม่ใช่ร่างกายครับ) นี้คือสิ่งคนๆนึงจะคิดจะทำได้คนที่เป็นแฟนถูกไหมครับ แล้วสิ่งที่กำลังเป็นคือเพื่อนกันไม่ใช่แฟน ฝ่ายเพศที่สามจึงรู้ดีว่าสิ่งที่คิดทั้งหมดนั้นเป็นไปได้ยากหรือไม่ได้เลย สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายที่แอบชอบแต่ทำไรไม่ได้ คือความทุกข์ใจครับ ถ้ายิ่งฝ่ายชายกำลังจะมีแฟน ความทุกข์จะทวีคูณไปอีกครับ
ถ้าให้เห็นภาพ ก็คงเป็นคนสองคนกำลังยืนยิ้มให้กัน แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามที่จะเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย แต่มันมีกำแพงใสๆที่หนามากๆกั้นอยู่อะครับ คืออยู่ตรงหน้าเรา แต่ทำอะไรไม่ได้ เศร้าใจสิครับ คนๆเดียวยกกำแพงนี้ออกไม่ไหวแน่ครับ ถ้าอีกฝ่ายยังมัวแต่ยืนยิ้มแล้วยังต้องการให้กำแพงนี้อยู่ต่อไป มันเป็นไปได้ไหมครับ คุณผู้ชายทั้งหลาย ที่จะเปิดรับเพศเหล่านี้ให้พวกเขาได้มีโอกาสที่จะลองมัดใจพวกคุณดูบ้าง ถ้ายังเห็นใจและอยากช่วยพวกเขาเหล่านี้อยู่ ช่วยเขายกกำแพงที่หนาเตอะนั้นออกไปซะ แต่ยังไม่ต้องรีบคว้ามือเขามากุมเหรอกครับ แค่ยิ้มให้มากกส่าเดิท คุยกับเขาให้มากกว่าเดิม ถ้าสังเกตุดีๆ คุณจะรู้ว่าเขากำลังพยายามทำให้คุณมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับเขา ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรับไว้ทั้งหมดหรือคุณจะรับไว้เพียงส่วนเดียว ใครจะไปรู้ว่าถ้าคุณรับมาทั้งหมดแล้วนำมาคิด คุณอาจจะโอเคกับสิ่งที่ได้รับมาก็ได้ มันจึงที่มาของประโยค "รักคนที่เขารักเรา" คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเขาในที แค่ลองให้เขาได้มัดใจคุณ ถ้าคุณโอเคและค่าความดีในตัวเขา ให้โอกาสเขาได้คบกับคนที่เขารักจริงๆซะทีเถอะครับ แต่ถ้าในอนาคตข้างหน้า หลายสิ่งอย่างมันไม่ใช่ มันไม่เหมือน ค่อยว่ากันอีกครับ ตอนนี้แค่ให้โอกาสเขาก็พอ
สรุปว่า สิ่งที่ผมพรรนณามาเนี่ย มันเป็นไปได้กับคู่ๆนึงมากน้อยแค่ไหนครับเพื่อนๆ