กล้องฟิล์ม 135 จากอังกฤษ?
ให้นึกชื่อเราๆคงแทบนึกไม่อก ถึงนึกออกก็อาจจะไม่คิดซื้อหามาสะสมเนื่องจากกล้องจากอังกฤษก่อนการมมาถึงของกล้องญี่ปุ่นไม่ใช่ของที่มีคุณภาพในระดับทัดเทียมกับ contax Zeiss, Leica
แต่ที่จริงแล้วมี 1 ตัว และตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่าเหนือกว่าทั้ง Contax และ Leica
ILLFORD - WITNESS
เยอรมัน - ในปี 1933 หนุ่มยิวอายุ 18 Robert Sternberg ผู้ถุกมหาวิทยาลัยต่างๆปฏิเสธการให้เข้าศึกษาต่อ ด้วยข้อหารังเกียจยิวที่นาซีปลูกฝังไว้ คหบดีนาม Ernst Leitz II ผู้มองเห็นแววของหนุ่มยิวผุ้นี้จึงรับเข้าทำงานในแผนกออกแบบของบริษัทใน Wetzlar
ทำอยู่เพียง 3 ปี ในปี 1936 Sternberg ก็จำเป็นต้องลี้ภัยอกนอกประเทศก่อนถูกนาซีจับ
ด้วยบารมีของ Ernst Leitz II ผู้เมตตา เขาได้ช่วยเหลือทั้งพนักงานและวิศวกรให้อพยพอกนอกเยอรมันจนถึงปี 1939 ก่อนเยอรมันปิดพรมแดน โดยช่วยเหลือทั้งการจัดหาวีซ่าและเงินค่าครองชีพที่จำเป็นในประเทศต่างๆ
Ernst Leitz II นั้นยิ่งใหญ่ขนาดที่ตำรวจลับของนาซียังต้องทำเป็นไม่เห็นการช่วยเหลือนี้
ที่จริงแล้วการส่งบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องกล้องไม่เฉพาะแต่ leica, zeiss ออกนอกประเทศในช่วงนี้มีผลหลายอย่าง
หากศึกษาประวัติดูดีๆจะพบว่าไม่นานหลังสงคราม ทั้งอเมริกาและญี่ปุ่นได้พัฒนาเลนส์คุณภาพสูงขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนยุโรปนั้นบอบช้ำ เงินหมด ถึงเก่งก็ไปต่อลำบาก
ลอนดอน - ปี 1936 Robert Sternberg ในวัย 22 พร้อมจดหมายรับรองการทำงานจาก Dr.Leitz ก็ได้งานในบริษัท Ensign ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษ
Sternberg กับผู้อพยพชาวยิวอีกคนในวงการเดียวกันคือ Werner Julius Rothschild ผู้มาจาก Zeiss ก็มีไอเดียร่วมกันในการสร้างกล้องที่มาจากความถนัดของทั้งคู่คือ Leica และ Contax
โดยในปี 1947 Rothschild ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจบริษัท Northern Scientific Equipment ก็ได้ชวน Sternberg ไปคุยกับ Ilord เพื่อผลิตกล้อง
โดยใช้ชื่อ Daroth Camera โดยเลนส์ตัวแรกที่ Sternberg ออกแบบก็คือ Daron 5cm f/2.9
แต่ปัญหาที่ยากลำบากคือบริษัทไม่สามารถผลิตกล้องที่ออกแบบไว้ได้จนต้องส่งต่อให้กับทาง Peto Scot Electrical Instrument ซึ่งผู้ผลิตโทรทัศน์ ให้เป็นผู้ผลิตกล้องตัวนี้
ด้วยความไม่ถนัดดังกล่าว กว่ากล้องจะออกวางขายได้ก็ล่วงไปจนถึงปี 1953
ด้วยวาสนาลำบาก กล้องที่วางขายในอังกฤษที่สภาพเศรษกิจย่ำแย่ในราคาสูงถึงแม้จะดีเลิศ ถ้าเทียบตอนนี้คงคล้ายๆเปิดช็อปไลก้าในอำเภอแม่แจ่ม มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่ที่จะขายได้สักตัวถึงแม้จะลดราคามากเพื่อเทสต็อค
โดยบริษัทได้ตัดสินใจเล่นรุ่นราคาถูก Advocate แทนตัวพรีเมี่ยมที่เจ็บตัวอย่าง Witness
ความลำบากเรื่องถัดมาคืออุปกรณ์เสริม Witness ถึงจะดีแค่ไหนก็ไม่มีอุปกรณ์ในระบบรองรับเท่าZeiss, Leica
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อการคว่ำบาตรสินค้าเยอรมันผ่อนคลายลง ปี1954 ไลก้าออก M3 ตอนนั้นคงไม่มีใครมอง Witness อีก แถมหลังจากนั้นไม่นาน nikon F เปิดตัว กล้องยุโรปก็ถึงเวลาพักผ่อนยาวนาน
Witness ใช้เลนส์มาตรฐานติดกล้องคือ Daron 50/2.9 มี option คือ Dallmeyer 1.9 กับเลนส์พรีเมี่ยม Dallmeyer Septac Super Six 1.5
ส่วน Advocate ก็ใช้ Dallmeyer นะครับ เป็น RF ตอนนี้ราคาในอ่าวหมื่นกว่าบาทพอหาตัดงาได้ full frame ราคานี้ถ้าไม่ติว่าแคบไปหน่อย ( f/3.5-4.5) ก็น่าสนใจ
ราคาเทสต็อคสุดท้ายผมว่ามีสัก 100 ปอนด์ตอนนั้นก็คงพอหาซื้อได้ทั้งกล้องเลนส์ครบๆตามนี้ แต่ตอนนี้กล้องทั้ง 350ตัว (เลนส์ยิ่งน้อยกว่า) ราคาจับไม่ติดจริงๆ แค่กล้องพร้อม Super Six ต่ำกว่า 1 ล้านบาทนี่แทบเรียกว่าราคาดีมากแล้ว
Sternberg ออกแบบเม้าท์ไว้ดีมากคือเป็นM39 แบบตัดเว้นช่องเหมือนเม้าท์เขี้ยว ทำให้ถอดใส่เลนส์ได้เร็ว แถมยังใส่ M39 ของไลก้าปกติได้ด้วย
ใต้กล้องด้านใน มีกลไก slow sync flash ตั้งหน่วงได้ 0-30 ms สุดยอดของความล้ำ
กล้องที่โลกลืม แต่ทำไมมันแพงจัง
ให้นึกชื่อเราๆคงแทบนึกไม่อก ถึงนึกออกก็อาจจะไม่คิดซื้อหามาสะสมเนื่องจากกล้องจากอังกฤษก่อนการมมาถึงของกล้องญี่ปุ่นไม่ใช่ของที่มีคุณภาพในระดับทัดเทียมกับ contax Zeiss, Leica
แต่ที่จริงแล้วมี 1 ตัว และตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่าเหนือกว่าทั้ง Contax และ Leica
ILLFORD - WITNESS
เยอรมัน - ในปี 1933 หนุ่มยิวอายุ 18 Robert Sternberg ผู้ถุกมหาวิทยาลัยต่างๆปฏิเสธการให้เข้าศึกษาต่อ ด้วยข้อหารังเกียจยิวที่นาซีปลูกฝังไว้ คหบดีนาม Ernst Leitz II ผู้มองเห็นแววของหนุ่มยิวผุ้นี้จึงรับเข้าทำงานในแผนกออกแบบของบริษัทใน Wetzlar
ทำอยู่เพียง 3 ปี ในปี 1936 Sternberg ก็จำเป็นต้องลี้ภัยอกนอกประเทศก่อนถูกนาซีจับ
ด้วยบารมีของ Ernst Leitz II ผู้เมตตา เขาได้ช่วยเหลือทั้งพนักงานและวิศวกรให้อพยพอกนอกเยอรมันจนถึงปี 1939 ก่อนเยอรมันปิดพรมแดน โดยช่วยเหลือทั้งการจัดหาวีซ่าและเงินค่าครองชีพที่จำเป็นในประเทศต่างๆ
Ernst Leitz II นั้นยิ่งใหญ่ขนาดที่ตำรวจลับของนาซียังต้องทำเป็นไม่เห็นการช่วยเหลือนี้
ที่จริงแล้วการส่งบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องกล้องไม่เฉพาะแต่ leica, zeiss ออกนอกประเทศในช่วงนี้มีผลหลายอย่าง
หากศึกษาประวัติดูดีๆจะพบว่าไม่นานหลังสงคราม ทั้งอเมริกาและญี่ปุ่นได้พัฒนาเลนส์คุณภาพสูงขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนยุโรปนั้นบอบช้ำ เงินหมด ถึงเก่งก็ไปต่อลำบาก
ลอนดอน - ปี 1936 Robert Sternberg ในวัย 22 พร้อมจดหมายรับรองการทำงานจาก Dr.Leitz ก็ได้งานในบริษัท Ensign ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษ
Sternberg กับผู้อพยพชาวยิวอีกคนในวงการเดียวกันคือ Werner Julius Rothschild ผู้มาจาก Zeiss ก็มีไอเดียร่วมกันในการสร้างกล้องที่มาจากความถนัดของทั้งคู่คือ Leica และ Contax
โดยในปี 1947 Rothschild ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจบริษัท Northern Scientific Equipment ก็ได้ชวน Sternberg ไปคุยกับ Ilord เพื่อผลิตกล้อง
โดยใช้ชื่อ Daroth Camera โดยเลนส์ตัวแรกที่ Sternberg ออกแบบก็คือ Daron 5cm f/2.9
แต่ปัญหาที่ยากลำบากคือบริษัทไม่สามารถผลิตกล้องที่ออกแบบไว้ได้จนต้องส่งต่อให้กับทาง Peto Scot Electrical Instrument ซึ่งผู้ผลิตโทรทัศน์ ให้เป็นผู้ผลิตกล้องตัวนี้
ด้วยความไม่ถนัดดังกล่าว กว่ากล้องจะออกวางขายได้ก็ล่วงไปจนถึงปี 1953
ด้วยวาสนาลำบาก กล้องที่วางขายในอังกฤษที่สภาพเศรษกิจย่ำแย่ในราคาสูงถึงแม้จะดีเลิศ ถ้าเทียบตอนนี้คงคล้ายๆเปิดช็อปไลก้าในอำเภอแม่แจ่ม มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่ที่จะขายได้สักตัวถึงแม้จะลดราคามากเพื่อเทสต็อค
โดยบริษัทได้ตัดสินใจเล่นรุ่นราคาถูก Advocate แทนตัวพรีเมี่ยมที่เจ็บตัวอย่าง Witness
ความลำบากเรื่องถัดมาคืออุปกรณ์เสริม Witness ถึงจะดีแค่ไหนก็ไม่มีอุปกรณ์ในระบบรองรับเท่าZeiss, Leica
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อการคว่ำบาตรสินค้าเยอรมันผ่อนคลายลง ปี1954 ไลก้าออก M3 ตอนนั้นคงไม่มีใครมอง Witness อีก แถมหลังจากนั้นไม่นาน nikon F เปิดตัว กล้องยุโรปก็ถึงเวลาพักผ่อนยาวนาน
Witness ใช้เลนส์มาตรฐานติดกล้องคือ Daron 50/2.9 มี option คือ Dallmeyer 1.9 กับเลนส์พรีเมี่ยม Dallmeyer Septac Super Six 1.5
ส่วน Advocate ก็ใช้ Dallmeyer นะครับ เป็น RF ตอนนี้ราคาในอ่าวหมื่นกว่าบาทพอหาตัดงาได้ full frame ราคานี้ถ้าไม่ติว่าแคบไปหน่อย ( f/3.5-4.5) ก็น่าสนใจ
ราคาเทสต็อคสุดท้ายผมว่ามีสัก 100 ปอนด์ตอนนั้นก็คงพอหาซื้อได้ทั้งกล้องเลนส์ครบๆตามนี้ แต่ตอนนี้กล้องทั้ง 350ตัว (เลนส์ยิ่งน้อยกว่า) ราคาจับไม่ติดจริงๆ แค่กล้องพร้อม Super Six ต่ำกว่า 1 ล้านบาทนี่แทบเรียกว่าราคาดีมากแล้ว
Sternberg ออกแบบเม้าท์ไว้ดีมากคือเป็นM39 แบบตัดเว้นช่องเหมือนเม้าท์เขี้ยว ทำให้ถอดใส่เลนส์ได้เร็ว แถมยังใส่ M39 ของไลก้าปกติได้ด้วย
ใต้กล้องด้านใน มีกลไก slow sync flash ตั้งหน่วงได้ 0-30 ms สุดยอดของความล้ำ