วันนี้ผมจะเอาเลนส์ประวัติศาสตร์ตัวหนึ่งมาให้ดูกัน มันถือกำเนิดมาจาก ฟิล์มภาพยนต์ 35mm ที่นำมาใส่กล้องภาพนิ่งที่ถือไปไหนๆได้สะดวกขณะที่ทั้งโลกขณะนั้นมีแต่กล้องไอ้โม่งใช้กระจกไวแสงหรือไม่ก็กล้องเบนโลใส่ฟิล์มขนาด 120 ของโกดัก เรื่องนี้มันยาวไปถึงเมื่อร้อยปีก่อนตอนนั้นโลกทั้งใบยังไม่มีใครรู้จักสงครามโลกแต่กลิ่นของสงครามมันมาแล้ว เครื่องบินปีกสามชั้นที่บินช้ากว่ารถบนทางด่วนสมัยนี้ได้สร้างขึ้นมาบินว่อนไปในท้องฟ้ายุโรปและสิ่งที่ตามมาคือภาพถ่ายทางอากาศที่ถือว่าเป็นเท็กโนลียีสุดยอดในสมัยนั้น
ผมอยากจะเล่าประวัติเลนส์รุ่นนี้ให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรต้องย้อนกลับไปถึงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่1 ตอนนั้นเยอรมันและโซเวียตได้ทำโครงการหนึ่งร่วมกันคือ Weimar Republic and Bolshevist Russia ทำการสร้างและวิจัยอุปกรณ์ทางทหารโดยเฉพาะกล้องที่สามารถถ่ายภาพตรวจการทางอากาศได้ จะบอกว่ามันเป็น conspiracy theory ก็ว่าได้เพราะหลักฐานมันเลือนรางเต็มทีจากการโดนทำลายในสงครามโลกครั้งที่2 สิ่งที่ผมผ่านตาคือหนังสือที่เขียนเรื่อง Treaty of Brest-Litovsk and World War I เอาไว้ผมจะอ่านแล้วเล่าให้ฟัง
หลังจากนั้นเยอรมันได้ออกกล้อง Leica1,2 ออกมาเพื่อให้เป็นกล้องพกพาในการทหารเพื่อสอดแนมทางอากาศและสนามรบในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง มันคือกล้องที่ติดอยู่ในคอของพลปืนหลังเคื่องบินตรวจการสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แม้แต่ในคอของทหารนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสงบ ในช่วงหลังปี 1920 ก็ได้นำเอามาสร้างเป็นกล้องขายสู่ตลาดและมีการเปลี่ยนแปลงย่อยๆอีกหลายครั้ง
เลนส์ตัวนี้ Elmar ได้ดัดแปลงมาจาก Cooke triplet โดยมีเลนส์ 3กลุ่ม 4ชิ้น โดยลงกับกล้อง Leica1 แบบถอดเลนส์ไม่ได้ และได้ทำเป็น M39 ลงกับ Leica2 ในยุค30's และมันคือต้นแบบของเมาท์กล้อง RF ไปทั่วโลกไปอีกสี่สิบปี จนกลายมาเป็น M-mount ในช่วงยุค 50's
ช่วงการผลิตในยุคแรกเลนส์ตัวนี้ไม่มีโค๊ท แต่ผลิตแบบมีโค๊ทออกมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง แต่เหลือเลนส์มาผลิตขายน้อยมากในช่วงแรกเพราะรัสเซียขนเอาเลนส์ที่แช่ในอ่างน้ำยาเตรียมประกอบขายแต่ไปติดอยู่ฝั่งตะวันออกกลับไปทำ Industar 10 เลนส์ไลก้าคนจนเสียเกือบหมด เลนส์ที่ยังคงค้างในเยอรมันอยู่มีไม่มากจึงต้องเริ่มผลิตกันใหม่และได้ดัดแปลงใส้จากรุ่นแรกในเป็น 4 กลุ่ม 5 ชิ้นแต่คุณภาพไม่เคยตกสำหรับเลนส์ยี่ห้อนี้ จะบอกว่ารุ่น 5 elements Leitz Elmar เป็นการวางเลนส์แบบ Carl Zeiss Tessar คว้ามาได้ก็เอามาผลิตไว้ก่อนก็ได้เพราะเวลานั้นเยอรมันเหลือแต่ตูดขี้ก็ไม่เหลือเพราะโดนรัสเซียล้วงตูดเอาไปหมดตัวแล้ว
จะบอกว่าไลก้าจำใจต้องเอาระบบ Tessar มาใช้ก็ไม่ใช่ เพราะแผนการผลิต 4กลุ่ม 5ชิ้นมันมีมาตั้งแต่สงครามยังไม่จบแล้วที่รัสเซียขนไปทำ Industar10 นั่นมันเป็น 5 elements Leitz Elmar ล้วนๆ เลนส์รุ่นไม่โค๊ทก่อนสงครามของรัสเซียคือ 3กลุ่ม 4ชิ้นที่เหมือนกับ 4 elementsLeitz Elmar พอสงครามเลิกก็เหมือนตัว 5 elements Leitz Elmar พร้อมกับ Leica ต้นฉบับมันบังเอิญเกินไปนอกจากไปปล้นเขามาทั้งโรงงาน
ตัวที่ผมเอามารีวิวถือว่าเป็นเจนเนเรชั่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ลงเลนส์โค๊ทแล้วและปรับ F-stop f4.5, f6.3.มาเป็น f4, f5.6 ตามลำดับของ F สมัยใหม่ กล้องที่ใช้รีวิวยังคงเป็นอีปู่ GH1 ตัวเก่งอยู่เหมือนเดิม เอาไว้ GX7 ออกมาคงได้เจอกันแน่ แต่อย่าหวังเลยว่าอีแพงจะเสนอหน้ามาในรีวิวของผม เพราะ OMD มันทำแสบกับผมไว้รูปเป็นพลาสติกเว่อร์ไปหมดครั้งหนึ่งต้องกลับไปถ่ายซ่อมด้วยพานาเหมือนเดิม
รูปรีวิววันนี้เป็นครั้งแรกที่มีแขกรับเชิญมาเดินกับผมด้วย จะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่คนในห้องกล้องเห็นหน้าผมตัวเป็นๆ ยกเว้นแต่น้าป้อม Super Mop ที่รู้จักกันมาก่อนนอกห้องกล้องคนนี้ไม่นับ
เลนส์เก่าเราลืม #44 Leitz Elmar 50mm f3.5 Collapsible เลนส์ที่แจ้งเกิดให้กล้องไลก้าและฟิล์ม 135
ผมอยากจะเล่าประวัติเลนส์รุ่นนี้ให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรต้องย้อนกลับไปถึงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่1 ตอนนั้นเยอรมันและโซเวียตได้ทำโครงการหนึ่งร่วมกันคือ Weimar Republic and Bolshevist Russia ทำการสร้างและวิจัยอุปกรณ์ทางทหารโดยเฉพาะกล้องที่สามารถถ่ายภาพตรวจการทางอากาศได้ จะบอกว่ามันเป็น conspiracy theory ก็ว่าได้เพราะหลักฐานมันเลือนรางเต็มทีจากการโดนทำลายในสงครามโลกครั้งที่2 สิ่งที่ผมผ่านตาคือหนังสือที่เขียนเรื่อง Treaty of Brest-Litovsk and World War I เอาไว้ผมจะอ่านแล้วเล่าให้ฟัง
หลังจากนั้นเยอรมันได้ออกกล้อง Leica1,2 ออกมาเพื่อให้เป็นกล้องพกพาในการทหารเพื่อสอดแนมทางอากาศและสนามรบในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง มันคือกล้องที่ติดอยู่ในคอของพลปืนหลังเคื่องบินตรวจการสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แม้แต่ในคอของทหารนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสงบ ในช่วงหลังปี 1920 ก็ได้นำเอามาสร้างเป็นกล้องขายสู่ตลาดและมีการเปลี่ยนแปลงย่อยๆอีกหลายครั้ง
เลนส์ตัวนี้ Elmar ได้ดัดแปลงมาจาก Cooke triplet โดยมีเลนส์ 3กลุ่ม 4ชิ้น โดยลงกับกล้อง Leica1 แบบถอดเลนส์ไม่ได้ และได้ทำเป็น M39 ลงกับ Leica2 ในยุค30's และมันคือต้นแบบของเมาท์กล้อง RF ไปทั่วโลกไปอีกสี่สิบปี จนกลายมาเป็น M-mount ในช่วงยุค 50's
ช่วงการผลิตในยุคแรกเลนส์ตัวนี้ไม่มีโค๊ท แต่ผลิตแบบมีโค๊ทออกมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง แต่เหลือเลนส์มาผลิตขายน้อยมากในช่วงแรกเพราะรัสเซียขนเอาเลนส์ที่แช่ในอ่างน้ำยาเตรียมประกอบขายแต่ไปติดอยู่ฝั่งตะวันออกกลับไปทำ Industar 10 เลนส์ไลก้าคนจนเสียเกือบหมด เลนส์ที่ยังคงค้างในเยอรมันอยู่มีไม่มากจึงต้องเริ่มผลิตกันใหม่และได้ดัดแปลงใส้จากรุ่นแรกในเป็น 4 กลุ่ม 5 ชิ้นแต่คุณภาพไม่เคยตกสำหรับเลนส์ยี่ห้อนี้ จะบอกว่ารุ่น 5 elements Leitz Elmar เป็นการวางเลนส์แบบ Carl Zeiss Tessar คว้ามาได้ก็เอามาผลิตไว้ก่อนก็ได้เพราะเวลานั้นเยอรมันเหลือแต่ตูดขี้ก็ไม่เหลือเพราะโดนรัสเซียล้วงตูดเอาไปหมดตัวแล้ว
จะบอกว่าไลก้าจำใจต้องเอาระบบ Tessar มาใช้ก็ไม่ใช่ เพราะแผนการผลิต 4กลุ่ม 5ชิ้นมันมีมาตั้งแต่สงครามยังไม่จบแล้วที่รัสเซียขนไปทำ Industar10 นั่นมันเป็น 5 elements Leitz Elmar ล้วนๆ เลนส์รุ่นไม่โค๊ทก่อนสงครามของรัสเซียคือ 3กลุ่ม 4ชิ้นที่เหมือนกับ 4 elementsLeitz Elmar พอสงครามเลิกก็เหมือนตัว 5 elements Leitz Elmar พร้อมกับ Leica ต้นฉบับมันบังเอิญเกินไปนอกจากไปปล้นเขามาทั้งโรงงาน
ตัวที่ผมเอามารีวิวถือว่าเป็นเจนเนเรชั่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ลงเลนส์โค๊ทแล้วและปรับ F-stop f4.5, f6.3.มาเป็น f4, f5.6 ตามลำดับของ F สมัยใหม่ กล้องที่ใช้รีวิวยังคงเป็นอีปู่ GH1 ตัวเก่งอยู่เหมือนเดิม เอาไว้ GX7 ออกมาคงได้เจอกันแน่ แต่อย่าหวังเลยว่าอีแพงจะเสนอหน้ามาในรีวิวของผม เพราะ OMD มันทำแสบกับผมไว้รูปเป็นพลาสติกเว่อร์ไปหมดครั้งหนึ่งต้องกลับไปถ่ายซ่อมด้วยพานาเหมือนเดิม
รูปรีวิววันนี้เป็นครั้งแรกที่มีแขกรับเชิญมาเดินกับผมด้วย จะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่คนในห้องกล้องเห็นหน้าผมตัวเป็นๆ ยกเว้นแต่น้าป้อม Super Mop ที่รู้จักกันมาก่อนนอกห้องกล้องคนนี้ไม่นับ