เที่ยวฮอกไกโด ขับรถเอง -17 องศา Lake Shikaribetsu
กระทู้นี้ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อความบันเทิงในการติดตามและให้ข้อมูลในการท่องเที่ยวตามที่ผมได้ไปสัมผัสมาครับ ถ้าหากมีข้อมูลใดผิดพลาดสามารถพิมพ์เพิ่มช่วยแก้ไขกันได้นะครับ สามารถติดตามได้ทั้งภาพนิ่งและลิงค์ครับ
เริ่มต้นเลยครับนั่งเครื่องไปเที่ยวฮอกไกโดลงสนามบินที่ Chitose บรรยากาศก่อนลงก็ขาวเต็มไปด้วยหิมะแล้วครับ ปกติไม่ชอบเที่ยวอากาศติดลบ แต่ครั้งนี้อยากลองดูสักครั้งกับอากาศหนาวมากๆครับ
อาหารบนเครื่องครับ แจ้งว่าแพ้กุ้งไป เพราะนั่ง BC มาแต่นึกว่าจิได้ปลา ได้ไข่ 5555 (เสียใจเพราะไม่รู้งั้นไม่แจ้งดีก่า)
ออกมาจากประตูทางออก Departure ให้เดินตรงไปอย่างเดียวจนสุดแล้วลงไปชั้น B1 เพื่อไปแลกตั๋วรถไฟ JR Hokkaido rail pass คนเยอะนะครับถ้าไปถึงรีบไปจะดีมากเผื่อบางท่านต้องรีบไปขึ้นรถบัสไปที่ไหนต่อ
ให้มองหาป้าย เค้าเตอร์นี้ครับ
กดบัตรคิวแล้วต่อแถวแลกตั๋วได้เลยใช้เวลาพอสมควร ใช้ passport ของทุกท่านที่จะใช้ รถไฟนะจ๊ะ
หรือถ้าใครเช่ารถไว้ให้ลงไปติดต่อเค้าเตอร์ Information ฝั่งinternational นะครับ ออกประตู Departure แล้วเลี้ยวซ้ายออกไป เจอร้าน Lawson แล้วลงไป 1 ชั้น จะเห็นเค้าเตอร์ Information เค้าจะมีรายชื่อของคนที่จองรถไว้ ไปถึงเอา passport ให้แล้วจะมีรถมารับไปส่งที่เช่ารถอีกทีนะครับ สะดวกมากไม่ยาก
มีคนมารับขึ้นรถแค่เราเท่านั้นครับ อิอิ สบายไป
สบายมากเค้าช่วยยกด้วยครับ
นำเอกสารให้พนักงานคือ ใบขับขี่สากลทำได้ที่ไทย 10 นาที อาคาร4 ชั้น1 หมอชิต และpassport
จากนั้นเค้าจะอธิบายข้อมูลให้ฟังแล้วจะให้เลือกประกัน แนะนำทำอันกลางครับ ครอบคลุมกว่าลองศึกษาเองอีกทีได้นะครับ เวลาเติ่มน้ำมันขากลับเหลือแค่ไหนก็ส่งรถได้เลยครับเค้ามีเติ่มให้ที่ส่งรถแล้วจะคิดค่าน้ำมันแยกจากค่ารถเพิ่มเติมครับ และ ให้เลือกซื้อ บัตรทางด่วนแบบเหมา ETC ครับ เพราะแพงมากแต่เหมาราคาถูกกว่า
และแล้วรถที่พวกเราขอก็คือ Subaru ตอนแรกเค้าจะไม่ให้ เค้าให้ โคโรร่ามั้ง แต่เราบอกว่าเรารีเควสไปขอเถอะไรงี้ นางก็จัดให้
ส่วนการเดินทางไม่ต้องกลัวหลงเลย Gps ในรถโคตรตรงไม่มีหลงไม่เลยแยกแน่นอน ง่ายมาก ใส่เบอร์โทรสถานที่ ที่ต้องการไปหรือ Map code ก็ถึงที่หมายแน่นอนครับ แต่ถ้าใครไม่รู้ หาใน Google ได้สบายมากครับ มีทุกอย่าง ทั้งเบอร์ ทั้ง map code
แต่ว่ากว่าจะถึงที่หมายแรก ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมงครับ จุดหมายเลย Obihiro ไปอีกหน่อย เราเลยแวะกินข้าวหมูย่างที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ครับ
ข้าวหมูย่างที่นี้อร่อยมากครับ ไม่หนามาก นุ่มคล้ายๆหมูนุ่มแต่หมักซีอิ๊วเข้มข้นถึงใจ เค็มๆมันๆ ละลายในปากครับ
ของผมเป็นแซวมอนคัสซึครับหอทกรอบ ร้อนๆ ปลาไม่แห้ง มีความจู๊ยซี่มาก ลงตัวกับมิโซะและข้าวญี่ปุ่นร้อน
ราคามื้อนี้อยู่ที่ 1700 เยน ครับ
หลังจากพักทานข้าวเอาแรงได้ที่เรียบร้อยผมก็เดินทางต่ออีกไม่นานก็ถึงครับ Lake Shikaribetsu สถานที่ในดวงใจว่าอยากจะมาให้ได้ทางขึ้นเขาจะมีจุดให้ชมวิวสวยๆด้วยนะครับ ขอสักรูปครับ
ท้าลมหนาวตั้งแต่มาถึงครับ ตอนนั้น -17 แข็งมากๆพูดเลย กางเกงต้องขนวู นะครับหนาๆ เสื้อ ข้างในมีขน และ ก็กันหนาวตัวใหญ่ครับ และที่สำคัญ ที่ปิดคอจำเป็นมาก หมวกดีๆ ถุงมือขอให้หนามาก งั้นนิ้วแข็ง 555
ไฮไลน์ของที่นี้อยู่ที่ออนเซ็นท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขายะเยือกและท่ามกลางทะเลสาบสาดแสงทอลงมามันงดงามเกินคำบรรยายจริงๆครับที่นี่มีทั้งแช่น้ำทั้งตัวหรือแค่ foot onsen ก็ได้ครับ
แต่ขอบอกเลยนะครับน้ำร้อนกว่าซุปมิโซะเดือดๆอีกครับ
แค่บันไดก้าวขึ้นก้ท้อแล้วครับ
ที่พักมีห้องเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยครับ
ตารางเวลาสำหรับผู้หญิงผู้ชายหรือรวมก็ได้ อิอิ
แต่ตัวผมนั้นใจไม่กล้าพอจะแช่ออนเซ็น -17 องศาครับ กลัวป่วยเพราะเหลืออีก 12 วันในการเที่ยวเบาๆดีกว่าครับ
เค้าจะมีหมู่บ้านน้ำแข็งครับ และตรงนี้คือ Ice Bar หรือ Ice cafe ครับ ทุกอย่างทำจากน้ำแข็งครับ
สามารถสั่งเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นได้ ถ้าเย็นสามารถจะเลือก แก้วที่ทำจากน้ำแข็งด้วยก็ได้ครับ เสียเพิ่ม 500 เยน แต่ได้บรรยากาศสุดๆ หนาวทั้งทีต้องหนาวสุดๆไปเลย
และแน่นอนพวกเราก็ต้องลองเพราะคนทำบอกอันนี้ใช้ได้ อร่อยดี เราก็จัดไป ราคารวมแก้ว 1000เยนครับ คุ้มค่ากับการได้ลอง
อันนี้ไม่ได้ลองครับ
อันนี้ได้ลองรสชาติชื่นใจสุดๆใครเหนื่อยมานะครับจัดไปหายเหนื่อยเลย แต่จะเมาแทนเพราะผสมแอลเยอะอยู่ครับ
และก็จะบอกว่าเหมาะแกการถ่ายรูปมากๆครับ ใช้เลนส์กว้างๆหน่อย f1.4 เพิ่มความสว่าง ผมว่าน่าจะได้รูปสวยๆครับ แล้วมันจะโรแมนติกมากๆเลยหล่ะครับ
ส่วนห้องอื่นๆก็ยังมีนะครับห้องที่ใช้เล่นคอนเสิร์ต ก็คือห้องนี้ครับ สวยงามมากๆครับถ้ามาเห็นเองหรือลองดูในคลิปผมได้ครับ จุคนได้มากกว่า 40-50 คนครับ แต่วันที่ผมมาเป็นแนวเปียโน เคลิ้มๆไปครับ ชอบมากโรแมนติกฝุดๆ
ลืมบอกไปแล้วในห้องยังมีแม่ลูก Polar Bear ทำให้บรรยากาศมันไรที่ติจริงๆครับ
เด็กๆต่างเห็นหมีแล้วก็อดใจที่จะเล่นด้วยไม่ได้จริงๆครับ
และคนนี้ก็คือนักดนตรีของเราในค่ำคืนนี้ครับ ต้องบอกเลยว่าเล่นได้เพราะมากๆ และเค้าเล่นที่นี้มา 13 ปี ในทุกช่วงฤดูหนาวแล้วครับ
ส่วนที่พักของเราคืนนี้พักที่โรงแรมติดทะเลสาบเลยครับ
Shikaribetsu Kohan Onsen Hotel Fusui
ราคา 5-6 พันครับ แต่มีอาหารเช้าและเย็นซึ่งดีและอร่อยมากๆ ผมคิดว่ารวมทั้งสถานที ออนเซ็นฟรีๆ ฟังคอนเสิร์ต มีอาหารให้ราคานี้ไม่เลวเลยทีเดียวนะครับ แต่ห้องพักกว่าพอสมควร นอนสไตล์เรียวกัง คือ นอนพื้นนะครับ
แล้วถ้าขอห้องติดทะเลสาบมองเห็นวิวสวยๆก็ถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ สวยดี มีชุดให้เปลี่ยนในแบบฉบับของญี่ปุ่น ฟินเว่อร์
ในขณะที่อาหารเย็นผมว่าทำออกมาได้ดีมากๆ อร่อยอิ่มลงตัว ข้าวขอเติ่มได้ไม่อั้น กับซุปมิโซะ ที่เหลือเป็นเซ็ต
ซาชิมิไม่ต้องพูดถึงสดคร่ะ
จานนี้ดูจะธรรมดา แต่จะบอกว่า เออ!! ธรรมดาจริงๆ 555
มันต้มกับข้าวโพดคอน หวานๆเค็มๆมันๆ คิดว่าทุกคนชอบครับ
ไข่ตุ่นแน่นอนว่าต้องมีครับ แต่ไข่ตุ่นที่นี่คือ ฟีคมาก เนียล ลื่น สมูต มีความฉุ่มฉ่ำ กินได้ทั้งคืน 76ล้านถ้วย
ของต้มหรือซุปบูชา แฮร่!! ชาบู เนื้อหมูมาแบบบางๆ นุ่มกลางๆ แต่เห็ดผัดต่างๆ เค้าทำได้ดีมากครับ ราดซอสโชยุลงไปทานกับข้าวร้อนๆ หูยยย ทุกคนขอ2 แน่นอนครับ แต่มันได้แค่ 1 นะครับ
สลัดเห็ดอันนี้รสชาติออกเปรี้ยวๆ ผมว่าตัดเลียนได้ทุกจานนะครับดีย์
ส่วนปลาปิดท้ายพูดเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้ง กลิ้งงับๆ หัวโขกพื้น 7-10ที เพราะรูปลักษณ์มันโคตรธรรมดา แต่เนื้อสัมผัสเจ้าปลาน้อยนวลนางช่างนุ่มลิ้น ละมุน ละลาย ในปากแทบจะกินได้ทั้งตัวครับอร่อยจริงๆตัวนี้ถือว่าเด็ดสุดแล้ว เค็มๆหอมรมควัน โอ้ย อยากกินอีก
และนี้ก็คือสถานทีแรกที่เรามาเที่ยวฮอกไกโด Ep.1 ครับ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ เดี๋ยวมีอีกหลายที่ ที่เดินทางไปครับผม
Goattofu
รบกวนกดไลค์กดแชร์ครับ LIKE & Share please
ฝากกดติดตาม Subscribe ถูกใจกันด้วยครับ
Youtube:
https://www.youtube.com/channel/UCJ_I0B117dpT8eNhJbA9uUA
Facebook:
https://m.facebook.com/goattofu/
[CR] เที่ยวฮอกไกโด ขับรถเอง -17 องศา Lake Shikaribetsu
กระทู้นี้ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อความบันเทิงในการติดตามและให้ข้อมูลในการท่องเที่ยวตามที่ผมได้ไปสัมผัสมาครับ ถ้าหากมีข้อมูลใดผิดพลาดสามารถพิมพ์เพิ่มช่วยแก้ไขกันได้นะครับ สามารถติดตามได้ทั้งภาพนิ่งและลิงค์ครับ
เริ่มต้นเลยครับนั่งเครื่องไปเที่ยวฮอกไกโดลงสนามบินที่ Chitose บรรยากาศก่อนลงก็ขาวเต็มไปด้วยหิมะแล้วครับ ปกติไม่ชอบเที่ยวอากาศติดลบ แต่ครั้งนี้อยากลองดูสักครั้งกับอากาศหนาวมากๆครับ
อาหารบนเครื่องครับ แจ้งว่าแพ้กุ้งไป เพราะนั่ง BC มาแต่นึกว่าจิได้ปลา ได้ไข่ 5555 (เสียใจเพราะไม่รู้งั้นไม่แจ้งดีก่า)
ออกมาจากประตูทางออก Departure ให้เดินตรงไปอย่างเดียวจนสุดแล้วลงไปชั้น B1 เพื่อไปแลกตั๋วรถไฟ JR Hokkaido rail pass คนเยอะนะครับถ้าไปถึงรีบไปจะดีมากเผื่อบางท่านต้องรีบไปขึ้นรถบัสไปที่ไหนต่อ
ให้มองหาป้าย เค้าเตอร์นี้ครับ
กดบัตรคิวแล้วต่อแถวแลกตั๋วได้เลยใช้เวลาพอสมควร ใช้ passport ของทุกท่านที่จะใช้ รถไฟนะจ๊ะ
หรือถ้าใครเช่ารถไว้ให้ลงไปติดต่อเค้าเตอร์ Information ฝั่งinternational นะครับ ออกประตู Departure แล้วเลี้ยวซ้ายออกไป เจอร้าน Lawson แล้วลงไป 1 ชั้น จะเห็นเค้าเตอร์ Information เค้าจะมีรายชื่อของคนที่จองรถไว้ ไปถึงเอา passport ให้แล้วจะมีรถมารับไปส่งที่เช่ารถอีกทีนะครับ สะดวกมากไม่ยาก
มีคนมารับขึ้นรถแค่เราเท่านั้นครับ อิอิ สบายไป
สบายมากเค้าช่วยยกด้วยครับ
นำเอกสารให้พนักงานคือ ใบขับขี่สากลทำได้ที่ไทย 10 นาที อาคาร4 ชั้น1 หมอชิต และpassport
จากนั้นเค้าจะอธิบายข้อมูลให้ฟังแล้วจะให้เลือกประกัน แนะนำทำอันกลางครับ ครอบคลุมกว่าลองศึกษาเองอีกทีได้นะครับ เวลาเติ่มน้ำมันขากลับเหลือแค่ไหนก็ส่งรถได้เลยครับเค้ามีเติ่มให้ที่ส่งรถแล้วจะคิดค่าน้ำมันแยกจากค่ารถเพิ่มเติมครับ และ ให้เลือกซื้อ บัตรทางด่วนแบบเหมา ETC ครับ เพราะแพงมากแต่เหมาราคาถูกกว่า
และแล้วรถที่พวกเราขอก็คือ Subaru ตอนแรกเค้าจะไม่ให้ เค้าให้ โคโรร่ามั้ง แต่เราบอกว่าเรารีเควสไปขอเถอะไรงี้ นางก็จัดให้
ส่วนการเดินทางไม่ต้องกลัวหลงเลย Gps ในรถโคตรตรงไม่มีหลงไม่เลยแยกแน่นอน ง่ายมาก ใส่เบอร์โทรสถานที่ ที่ต้องการไปหรือ Map code ก็ถึงที่หมายแน่นอนครับ แต่ถ้าใครไม่รู้ หาใน Google ได้สบายมากครับ มีทุกอย่าง ทั้งเบอร์ ทั้ง map code
แต่ว่ากว่าจะถึงที่หมายแรก ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมงครับ จุดหมายเลย Obihiro ไปอีกหน่อย เราเลยแวะกินข้าวหมูย่างที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ครับ
ข้าวหมูย่างที่นี้อร่อยมากครับ ไม่หนามาก นุ่มคล้ายๆหมูนุ่มแต่หมักซีอิ๊วเข้มข้นถึงใจ เค็มๆมันๆ ละลายในปากครับ
ของผมเป็นแซวมอนคัสซึครับหอทกรอบ ร้อนๆ ปลาไม่แห้ง มีความจู๊ยซี่มาก ลงตัวกับมิโซะและข้าวญี่ปุ่นร้อน
ราคามื้อนี้อยู่ที่ 1700 เยน ครับ
หลังจากพักทานข้าวเอาแรงได้ที่เรียบร้อยผมก็เดินทางต่ออีกไม่นานก็ถึงครับ Lake Shikaribetsu สถานที่ในดวงใจว่าอยากจะมาให้ได้ทางขึ้นเขาจะมีจุดให้ชมวิวสวยๆด้วยนะครับ ขอสักรูปครับ
ท้าลมหนาวตั้งแต่มาถึงครับ ตอนนั้น -17 แข็งมากๆพูดเลย กางเกงต้องขนวู นะครับหนาๆ เสื้อ ข้างในมีขน และ ก็กันหนาวตัวใหญ่ครับ และที่สำคัญ ที่ปิดคอจำเป็นมาก หมวกดีๆ ถุงมือขอให้หนามาก งั้นนิ้วแข็ง 555
ไฮไลน์ของที่นี้อยู่ที่ออนเซ็นท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขายะเยือกและท่ามกลางทะเลสาบสาดแสงทอลงมามันงดงามเกินคำบรรยายจริงๆครับที่นี่มีทั้งแช่น้ำทั้งตัวหรือแค่ foot onsen ก็ได้ครับ
แต่ขอบอกเลยนะครับน้ำร้อนกว่าซุปมิโซะเดือดๆอีกครับ
แค่บันไดก้าวขึ้นก้ท้อแล้วครับ
ที่พักมีห้องเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยครับ
ตารางเวลาสำหรับผู้หญิงผู้ชายหรือรวมก็ได้ อิอิ
แต่ตัวผมนั้นใจไม่กล้าพอจะแช่ออนเซ็น -17 องศาครับ กลัวป่วยเพราะเหลืออีก 12 วันในการเที่ยวเบาๆดีกว่าครับ
เค้าจะมีหมู่บ้านน้ำแข็งครับ และตรงนี้คือ Ice Bar หรือ Ice cafe ครับ ทุกอย่างทำจากน้ำแข็งครับ
สามารถสั่งเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นได้ ถ้าเย็นสามารถจะเลือก แก้วที่ทำจากน้ำแข็งด้วยก็ได้ครับ เสียเพิ่ม 500 เยน แต่ได้บรรยากาศสุดๆ หนาวทั้งทีต้องหนาวสุดๆไปเลย
และแน่นอนพวกเราก็ต้องลองเพราะคนทำบอกอันนี้ใช้ได้ อร่อยดี เราก็จัดไป ราคารวมแก้ว 1000เยนครับ คุ้มค่ากับการได้ลอง
อันนี้ไม่ได้ลองครับ
อันนี้ได้ลองรสชาติชื่นใจสุดๆใครเหนื่อยมานะครับจัดไปหายเหนื่อยเลย แต่จะเมาแทนเพราะผสมแอลเยอะอยู่ครับ
และก็จะบอกว่าเหมาะแกการถ่ายรูปมากๆครับ ใช้เลนส์กว้างๆหน่อย f1.4 เพิ่มความสว่าง ผมว่าน่าจะได้รูปสวยๆครับ แล้วมันจะโรแมนติกมากๆเลยหล่ะครับ
ส่วนห้องอื่นๆก็ยังมีนะครับห้องที่ใช้เล่นคอนเสิร์ต ก็คือห้องนี้ครับ สวยงามมากๆครับถ้ามาเห็นเองหรือลองดูในคลิปผมได้ครับ จุคนได้มากกว่า 40-50 คนครับ แต่วันที่ผมมาเป็นแนวเปียโน เคลิ้มๆไปครับ ชอบมากโรแมนติกฝุดๆ
ลืมบอกไปแล้วในห้องยังมีแม่ลูก Polar Bear ทำให้บรรยากาศมันไรที่ติจริงๆครับ
เด็กๆต่างเห็นหมีแล้วก็อดใจที่จะเล่นด้วยไม่ได้จริงๆครับ
และคนนี้ก็คือนักดนตรีของเราในค่ำคืนนี้ครับ ต้องบอกเลยว่าเล่นได้เพราะมากๆ และเค้าเล่นที่นี้มา 13 ปี ในทุกช่วงฤดูหนาวแล้วครับ
ส่วนที่พักของเราคืนนี้พักที่โรงแรมติดทะเลสาบเลยครับ
Shikaribetsu Kohan Onsen Hotel Fusui
ราคา 5-6 พันครับ แต่มีอาหารเช้าและเย็นซึ่งดีและอร่อยมากๆ ผมคิดว่ารวมทั้งสถานที ออนเซ็นฟรีๆ ฟังคอนเสิร์ต มีอาหารให้ราคานี้ไม่เลวเลยทีเดียวนะครับ แต่ห้องพักกว่าพอสมควร นอนสไตล์เรียวกัง คือ นอนพื้นนะครับ
แล้วถ้าขอห้องติดทะเลสาบมองเห็นวิวสวยๆก็ถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ สวยดี มีชุดให้เปลี่ยนในแบบฉบับของญี่ปุ่น ฟินเว่อร์
ในขณะที่อาหารเย็นผมว่าทำออกมาได้ดีมากๆ อร่อยอิ่มลงตัว ข้าวขอเติ่มได้ไม่อั้น กับซุปมิโซะ ที่เหลือเป็นเซ็ต
ซาชิมิไม่ต้องพูดถึงสดคร่ะ
จานนี้ดูจะธรรมดา แต่จะบอกว่า เออ!! ธรรมดาจริงๆ 555
มันต้มกับข้าวโพดคอน หวานๆเค็มๆมันๆ คิดว่าทุกคนชอบครับ
ไข่ตุ่นแน่นอนว่าต้องมีครับ แต่ไข่ตุ่นที่นี่คือ ฟีคมาก เนียล ลื่น สมูต มีความฉุ่มฉ่ำ กินได้ทั้งคืน 76ล้านถ้วย
ของต้มหรือซุปบูชา แฮร่!! ชาบู เนื้อหมูมาแบบบางๆ นุ่มกลางๆ แต่เห็ดผัดต่างๆ เค้าทำได้ดีมากครับ ราดซอสโชยุลงไปทานกับข้าวร้อนๆ หูยยย ทุกคนขอ2 แน่นอนครับ แต่มันได้แค่ 1 นะครับ
สลัดเห็ดอันนี้รสชาติออกเปรี้ยวๆ ผมว่าตัดเลียนได้ทุกจานนะครับดีย์
ส่วนปลาปิดท้ายพูดเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้ง กลิ้งงับๆ หัวโขกพื้น 7-10ที เพราะรูปลักษณ์มันโคตรธรรมดา แต่เนื้อสัมผัสเจ้าปลาน้อยนวลนางช่างนุ่มลิ้น ละมุน ละลาย ในปากแทบจะกินได้ทั้งตัวครับอร่อยจริงๆตัวนี้ถือว่าเด็ดสุดแล้ว เค็มๆหอมรมควัน โอ้ย อยากกินอีก
และนี้ก็คือสถานทีแรกที่เรามาเที่ยวฮอกไกโด Ep.1 ครับ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ เดี๋ยวมีอีกหลายที่ ที่เดินทางไปครับผม
Goattofu
รบกวนกดไลค์กดแชร์ครับ LIKE & Share please
ฝากกดติดตาม Subscribe ถูกใจกันด้วยครับ
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCJ_I0B117dpT8eNhJbA9uUA
Facebook: https://m.facebook.com/goattofu/