เที่ยวนิกโก้ ทั้งสองโซน จากโตเกียวไปเช้าเย็นกลับ กับอุณหภูมิ -2 องศา

Nikko is Nippon เพราะอะไร ทำไมถึงได้เห็นสโลแกนแบบนี้ทั่วโตเกียว เราจะไปหาคำตอบกันถึงที่เลยครับ
วิธีไปจากโตเกียวก็ง่ายแสนง่าย ใครๆ ก็ไปได้นะ สำหรับทริปนี้ผมใช้บัตร Tokyo Wide Pass ครับ


วันนี้ผมตื่นแต่เช้า เพราะจองรถไฟไว้รอบแรกเลยครับ ก็ไปเริ่มต้นที่ สถานี JR Tokyo รอรถไฟ Shinkansen ขบวน Yamabiko 123 ไปลงที่สถานี Utsunomiya นะครับ


ก่อนเดินทางเข้าไปก็ซื้อเบนโตะจากร้าน Ekibenya Matsuri มาทานเหมือนเดิม รอบนี้เอาเป็นข้าวหน้าหอยลาย กับปลาไหล 900 เยน รสชาติไม่หวือหวามาก เค็มๆ จืดๆ แต่ก็อร่อยนะ หมดเกลี้ยงเลย


พอไปถึงสถานี Utsunomiya ก็เดินไปเปลี่ยนเป็นขบวนของ JR Nikko ได้เลยครับ มีป้ายใหญ่โตมโหฬาร บอกตลอดทาง ถ้าหลงนี่คงโดนเจ้าหน้าที่ตีก้นอ่ะ ขึ้นแล้วนั่งไปลงสุดสายเลยนะ ทั้งหมดนี้จากโตเกียว ใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง


ช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาวพอดี อากาศ -2 องศาครับ หนาวจริงๆ ให้ตายสิ ลมพัดทีนี่แข็งไปทั้งตัว

นี่คือแผนการเที่ยวนิกโก้ของผม ตามนี้เลย ก่อนออกจากสถานี JR Nikko ไปซื้อตั๋วขึ้นรถบัสสำหรับเดินทางสำหรับตลอดทริปนี้ 2,000 เยน ครับ Chuzenji Onsen Free Pass (ตั๋วนี้ใช้ได้ 2 วันนะครับ เผื่อใครอยากนอนค้าง 1 คืน ก็คุ้มสุดๆ)

ครึ่งวันแรก
- โซนน้ำตกเคกอน (Kegon)
-  ทะเลสาปชูเซนจิ (Chuzenji)

ครึ่งวันหลัง โซนมรดกโลก
- วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple)
- ศาลเจ้าฟุตะระซัน (Futarasan Shrine)
- ศาลเจ้าโทโกคุ (Toshogu
- สะพานชินเคียว (Shinkyo Bride)

ออกจากสถานี JR Nikko ให้เดินไปทางขวา ไปยังลานจอดรถบัสที่
สถานี Tobu Nikko ครับอยู่ถัดไปเองใกล้ๆเอง เดินประมาณ 300 เมตรครับ ละนำบัตรที่ซื้อมาให้คนขับรถดูได้เลยครับ


นั่งรถบัสไปลงป้าย 26 Chūzenji onsen ครับ
รายละเอียดสายรถบัสเพิ่มเติมว่าคันไหนไปไหน ดูในนี้ได้เลยนะครับ http://www.tobu-bus.com/en/nikko/

ระหว่างนั่งรถนี่สนุกมากอ่ะ ขับขึ้นเขาโค้งแล้วโค้ง พอเริ่มขึ้นไปสูงขึ้นนี่เห็นวิวชัดแจ๋ว ดีงามสุดๆ มีลิงมานั่งตรงขอบทางด้วยแหละ กว่าจะถึงป้ายก็ประมาณ 30 นาทีครับ มีหิมะกองๆ เต็มไปหมดเลย พอลงรถแล้ว หันหน้าออกไปถนน เราจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง น้ำตก(ขวา) กับ ทะเลสาบ(ซ้าย) ครับ


เริ่มต้นไปน้ำตกกันก่อน ที่ไปยังเช้าอยู่ 8 โมงกว่าเอง ทั้งเมืองแทบไม่มีคนเลยครับ คงหลบหนาวในบ้านกัน


เดินไม่นานก็จะเจอลานกว้างๆ  มีเปิดแค่ร้านขายของฝาก ส่วนร้านอาหารยังปิดอยู่เลยฮะ เห็นร้านอาหารร้านนึงกำลังเตรียมฟืนไว้ย่างปลาอยู่เลย อดกินเลยอ้ะ เดินตรงไปข้างในจะมีทางขึ้นให้ไปดูน้ำตกจากด้านบนนะครับ


น้ำตกสวยมากๆ ข้างล่างเป็นน้ำแข็ง แต่ว่าลมแรง ทั้งมือทั้ง หน้านี่ชาไปหมดเลย


มีร้านขายของฝากด้วยนะครับ


เสร็จปุ๊ป ก็เดินย้อนกลับทางเดิม ตรงไปที่ทะเลสาบกันดีกว่า


ระหว่างทางเดินไปก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ สักพักจะเจอกับ เสาโทริอิ ขนาดใหญ่ แสดงว่าเราถึงทะเลสาบซูเซนจิแล้ว เคลิ้มไปกับบรรยากาศที่สวยมาก แบบสงบสุดๆ อากาศดี๊ดี ตอนที่ไปทะเลสาบมีน้ำแข็งด้วยแหละ


ยืนชื่นชมธรรมชาติสักแปป ป่ะไปต่อที่โซนมรดกโลกกัน ข้ามถนนไปรอรถบัสครับ นั่งไปลงป้ายที่ 9 ครับผม หลังจากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ รู้สึกท้องร้อง หิวอีกแล้วแฮะ ผ่านร้านอาหาร ร้านนึง ป่ะกินๆๆ แหมแบบว่า บริการเป็นกันเองมากฮะ เหมือนกะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน คือพอลงรถบัสผมเปิด Google maps ระหว่างมานี่หน้าจอบอกใช้เวลาเดิน 44 นาทีไง​ ตกใจหมด นึกว่าลงป้ายรถผิด เลยถามกับร้านให้ชัวร์ดีกว่า ว่าทางไปวัดไทยูอินทางไหน เขาบอกเดินตรงไปก็ถึง 10 นาทีเอ๊ง หยิบเอาแผนที่มากางสอนกันเลยทีเดียว น่ารักที่สุด รักนะ


ผมสั่งอุด้งเทมปุระครับ รสชาติไม่จัดมาก อร่อยด้วย เป็นมื้อสายๆ ที่กำลังดีครับ ซดซุปร้อนๆ คู่กับกัดกุ้งเทมปุระกรอบๆ ฉ่ำๆ มีอะไรจะดีกว่านี้ไหมอะ สบายท้อง คลายความหนาวไปได้เยอะเลย หลังจากทานเสร็จเรียบร้อย บ๊ายบายคนในร้าน ก็เดินไปวัดไทยูอิน ตามทางที่ร้านบอกครับ อยู่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลครับ มีแดดอุ่นๆ เดินชมวิวไป คุณพระ 10 นาทีถึงจริงๆ ด้วย ค่าเข้า 550 เยน ครับ


วัดไทยูอินเป็นสุสานของโชกุนคนที่สามของตระกูลโตกุกาว่า นั่นก็คือ ท่านโชกุนอิเอะมิตสึ 
บรรยากาศวัด เงียบ สงบดีครับ ร่มรื่น ตัวอาคารวัดสวยมากๆ สีแดง ดำตัดกับสีทอง ตระการตาจริงๆ ผมชอบจัง ออกจากวัดไทยูอิน เราก็เดินเข้าศาลเจ้าฟุตะระซังได้เลยครับ อยู่ติดกัน


ศาลเจ้าฟุตะระซัง เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าสามองค์คือ โอคุนินุชิ (Okuninushi) , ทาโงริฮิเม (Tagorihime),  อาจิสุคิตากะฮิโกเนะ (Ajisukitakahikone) สร้างขึ้นเมื่อปี 782 โดยพระโชโด โชนิน (Shodo Shonin) ภิกษุผู้เผยแพร่ศาสนาพุทธเข้าสู่เมืองนิคโก้ในช่วงศตวรรษที่ 8 และยังเป็นผู้ก่อตั้งวัดรินโนจิด้วยครับ