เข้าสู่หน้าร้อนแล้วเชื่อว่าใครหลายๆคนต้องการทะเล๊ทะเล... ร้อนแบบนี้ก็อยากไปเล่นน้ำทะเลสวยๆใสๆให้สะใจไปเลย แต่เดี๋ยวก่อนหากใครที่เห็นรีวิวนี้ ก็อยากให้ลองแวะอ่านแวะชมรูปดูก่อน เผื่อจะได้เก็บเข้าลิสต์เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
เห็นน้ำทะเลใสๆแบบนี้ หลายคนคิดว่านี่เห้ยนี่มันมัลดีฟหรอ บอกเลยว่าไม่ใช่จ่ะ!!! นี่คือเกาะกูด จ.ตราด ทะเลเมืองไทยนี่แหละ ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพเพียงแค่ 4 ชั่วโมงครึ่ง ไม่ต้องจ่ายเงินแพงแต่ได้บรรยากาศสุดฟิน แถมกิจกรรมบนเกาะเยอะสุดๆไปเลย ลองติดตามชมแล้วจะรู้ว่าทะเลเมืองไทยนี่แหละสวยที่สุดแล้ว
เค้าว่าคนไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก ส่วนใครจะยังไงก็แล้วแต่ แต่ร้อนแบบนี้ขอเอาตัวไปโดนน้ำทะเลหน่อยเถอะ ใจนึงก็อยากไปมัลดีฟแต่ค่าใช้จ่ายแพงเหลือเกิน เลยเปลี่ยนใจลองหาทะเลใสๆในประเทศดูดีกว่า โป๊ะเช๊ะ!!! ไปสะดุดตากับเกาะกูดเข้าให้ เห้ย...สวยมากกกกกกกก รอช้าอยู่ใยรีบจองที่พักเลย
ออกเดินทางจากกรุงเทพตอนประมาณตี 3 ตี 4 มีเวลาเหลือเฟือ มาถึงตราดตอนเช้าแวะกินข้าวแปปนึง แล้วขับรถมายังท่าเรือแหลมศอกเพื่อรอเดินทางไปเกาะกูด มาคราวนี้เราใช้บริการเรือ speed boat ของ kokutexpress มีเรือบริการสองรอบคือ 10.00 กับ 15.00 คนละ 600 บาท นอกจากเรือ speed boat แล้วก็มีเรือเฟอรี่ให้บริการด้วย มีรอบ 13.00 ค่าใช้จ่ายคนละ 350 บาท แล้วก็ที่นี่มีบริการที่จอดรถค้างคืน คิดคืนละ 100 บาท
นั่งเรือมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงเกาะกูด ระหว่างการเดินทางก็เตรียมพร้อมร่างกายในการกระแทกกับคลื่นทะเลนิดนึง มาถึงเกาะกูดแล้วเรือก็จะค่อยๆเทียบท่าส่งผู้โดยสารทีละกลุ่มๆตามรีสอร์ทไปเรื่อยๆ ใครอยู่รีสอร์ทท้ายๆก็รอนานนิดนึง
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักของเราซะที ในครั้งนี้เราพักที่เกาะกูดรีสอร์ท ซึ่งอยู่บริเวณอ่าวบางเบ้า ซึ่งข้อดีของอ่าวนี้คือมีเขาช่วยกันลมทั้งด้านซ้ายและขวา ทำให้น้ำทะเลใสและคลื่นไม่แรง เหมาะกับการเล่นน้ำเป็นที่สุด มาถึงก็เทียบท่าและต้องเดินผ่านสะพานกลางน้ำเพื่อไปเช็คอินเข้าพักเสียก่อน
แดแด่แด๊น!!! นี่คือห้องพักของเรา เป็นห้องแบบ Sea View นอนแล้วมองเห็นทะเลเลย
บรรยากาศในห้องพัก
ห้องน้ำกว้างขวางมาก
รอช้าอยู่ใย...เช็คอินเก็บของเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกมาถ่ายรูปเล่นน้ำกันซะที จุดเด่นของที่นี่คือสะพานไม้กลางน้ำนี่แหละ อยากนั่ง อยากเดิน อยากนอนถ่ายมุมไหนเอาให้เต็มที่เลย
ตู๊มมมมมมมมมมม!!! เรียมจะไม่ทนแล้วคร่ะ อะไรก็มาฉุดเรียมไม่อยู่ล้าววววววว กระโดดพุ่งหลาวอย่างสวยงามลงน้ำทะเลใสๆ
บอกได้คำเดียวเลยว่าฟินมว๊ากกกกก นี่คือน้ำทะเลที่ฉันใฝ่หา หลงไปเล่นน้ำทะอยู่พัทยาหัวหินมานาน ชั้นจะทวงเวลาของชั้นคืน
แล้วนี่คืออะไร กระชังปลาหรอ...ไม่น่าใช่ งั้นลองปีนข้ามไปลงไปดูซะหน่อย แช๊ะๆถ่ายรูปเก๋ๆได้
น้ำทะเลที่นี่บอกเลยว่าใสไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน แต่ขอเตือนไว้ก่อนเห็นใสๆแบบนี้ก็แอบลึกอยู่เหมือนกันนะ อย่างในภาพที่เห็นนี่คือขายืนไม่ถึงนะ น่าจะลึกประมาณ 3 เมตรได้ ถ้าใครว่ายน้ำไม่แข็งก็มีเสื้อชูชีพให้บริการนะ
ทะเลแถวนี้ยังคงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีปลาเยอะเหมือนกัน สามารถว่ายน้ำดูปลาเล็กปลาน้อยได้เลย
นอกจากเล่นน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีอุปกรณ์ทางน้ำให้เช่าเล่นได้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว
อยากจะพายเรือคายัคก็ได้
หรือจะเล่นแพดเดิ้ลบอร์ดก็ดีแล้วแต่ความถนัด
เล่นน้ำทะเลเสร็จแล้วก็แวะล้างตัวนิดนึงก่อนไปอาบน้ำ
เปลี่ยนมาดูบรรยากาศที่พักบ้างดีกว่า ที่เกาะกูดรีสอร์ทจะมีร้านอาหารและบาร์ให้บริการภายในรีสอร์ทเลย เรียกได้ว่าจะอยู่แต่ในรีสอร์ทตลอดทริปเลยก็ได้
ด้านล่างจะเป็นบาร์ชื่อว่า The Deck Bar มีอาหารแบบง่ายๆและค็อกเทลแบบต่างๆให้เลือกเพียบ
ใกล้ๆจะเป็นที่ตั้งของร้านให้บริการเช่าอุปกรณ์ทางน้ำ ส่วนใครอยากออกไปดำน้ำทั้งแบบ snorkel หรือ scuba ที่นี่ก็มีบริการขายทัวร์ด้วยเช่นกัน
[CR] Away to Koh Kood "เกาะกูด" เห้ย!!นี่มันมัลดีฟเมืองไทยชัดๆ
เห็นน้ำทะเลใสๆแบบนี้ หลายคนคิดว่านี่เห้ยนี่มันมัลดีฟหรอ บอกเลยว่าไม่ใช่จ่ะ!!! นี่คือเกาะกูด จ.ตราด ทะเลเมืองไทยนี่แหละ ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพเพียงแค่ 4 ชั่วโมงครึ่ง ไม่ต้องจ่ายเงินแพงแต่ได้บรรยากาศสุดฟิน แถมกิจกรรมบนเกาะเยอะสุดๆไปเลย ลองติดตามชมแล้วจะรู้ว่าทะเลเมืองไทยนี่แหละสวยที่สุดแล้ว
เค้าว่าคนไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก ส่วนใครจะยังไงก็แล้วแต่ แต่ร้อนแบบนี้ขอเอาตัวไปโดนน้ำทะเลหน่อยเถอะ ใจนึงก็อยากไปมัลดีฟแต่ค่าใช้จ่ายแพงเหลือเกิน เลยเปลี่ยนใจลองหาทะเลใสๆในประเทศดูดีกว่า โป๊ะเช๊ะ!!! ไปสะดุดตากับเกาะกูดเข้าให้ เห้ย...สวยมากกกกกกกก รอช้าอยู่ใยรีบจองที่พักเลย
ออกเดินทางจากกรุงเทพตอนประมาณตี 3 ตี 4 มีเวลาเหลือเฟือ มาถึงตราดตอนเช้าแวะกินข้าวแปปนึง แล้วขับรถมายังท่าเรือแหลมศอกเพื่อรอเดินทางไปเกาะกูด มาคราวนี้เราใช้บริการเรือ speed boat ของ kokutexpress มีเรือบริการสองรอบคือ 10.00 กับ 15.00 คนละ 600 บาท นอกจากเรือ speed boat แล้วก็มีเรือเฟอรี่ให้บริการด้วย มีรอบ 13.00 ค่าใช้จ่ายคนละ 350 บาท แล้วก็ที่นี่มีบริการที่จอดรถค้างคืน คิดคืนละ 100 บาท
นั่งเรือมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงเกาะกูด ระหว่างการเดินทางก็เตรียมพร้อมร่างกายในการกระแทกกับคลื่นทะเลนิดนึง มาถึงเกาะกูดแล้วเรือก็จะค่อยๆเทียบท่าส่งผู้โดยสารทีละกลุ่มๆตามรีสอร์ทไปเรื่อยๆ ใครอยู่รีสอร์ทท้ายๆก็รอนานนิดนึง
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักของเราซะที ในครั้งนี้เราพักที่เกาะกูดรีสอร์ท ซึ่งอยู่บริเวณอ่าวบางเบ้า ซึ่งข้อดีของอ่าวนี้คือมีเขาช่วยกันลมทั้งด้านซ้ายและขวา ทำให้น้ำทะเลใสและคลื่นไม่แรง เหมาะกับการเล่นน้ำเป็นที่สุด มาถึงก็เทียบท่าและต้องเดินผ่านสะพานกลางน้ำเพื่อไปเช็คอินเข้าพักเสียก่อน
แดแด่แด๊น!!! นี่คือห้องพักของเรา เป็นห้องแบบ Sea View นอนแล้วมองเห็นทะเลเลย
บรรยากาศในห้องพัก
ห้องน้ำกว้างขวางมาก
รอช้าอยู่ใย...เช็คอินเก็บของเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกมาถ่ายรูปเล่นน้ำกันซะที จุดเด่นของที่นี่คือสะพานไม้กลางน้ำนี่แหละ อยากนั่ง อยากเดิน อยากนอนถ่ายมุมไหนเอาให้เต็มที่เลย
ตู๊มมมมมมมมมมม!!! เรียมจะไม่ทนแล้วคร่ะ อะไรก็มาฉุดเรียมไม่อยู่ล้าววววววว กระโดดพุ่งหลาวอย่างสวยงามลงน้ำทะเลใสๆ
บอกได้คำเดียวเลยว่าฟินมว๊ากกกกก นี่คือน้ำทะเลที่ฉันใฝ่หา หลงไปเล่นน้ำทะอยู่พัทยาหัวหินมานาน ชั้นจะทวงเวลาของชั้นคืน
แล้วนี่คืออะไร กระชังปลาหรอ...ไม่น่าใช่ งั้นลองปีนข้ามไปลงไปดูซะหน่อย แช๊ะๆถ่ายรูปเก๋ๆได้
น้ำทะเลที่นี่บอกเลยว่าใสไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน แต่ขอเตือนไว้ก่อนเห็นใสๆแบบนี้ก็แอบลึกอยู่เหมือนกันนะ อย่างในภาพที่เห็นนี่คือขายืนไม่ถึงนะ น่าจะลึกประมาณ 3 เมตรได้ ถ้าใครว่ายน้ำไม่แข็งก็มีเสื้อชูชีพให้บริการนะ
ทะเลแถวนี้ยังคงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีปลาเยอะเหมือนกัน สามารถว่ายน้ำดูปลาเล็กปลาน้อยได้เลย
นอกจากเล่นน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีอุปกรณ์ทางน้ำให้เช่าเล่นได้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว
อยากจะพายเรือคายัคก็ได้
หรือจะเล่นแพดเดิ้ลบอร์ดก็ดีแล้วแต่ความถนัด
เล่นน้ำทะเลเสร็จแล้วก็แวะล้างตัวนิดนึงก่อนไปอาบน้ำ
เปลี่ยนมาดูบรรยากาศที่พักบ้างดีกว่า ที่เกาะกูดรีสอร์ทจะมีร้านอาหารและบาร์ให้บริการภายในรีสอร์ทเลย เรียกได้ว่าจะอยู่แต่ในรีสอร์ทตลอดทริปเลยก็ได้
ด้านล่างจะเป็นบาร์ชื่อว่า The Deck Bar มีอาหารแบบง่ายๆและค็อกเทลแบบต่างๆให้เลือกเพียบ
ใกล้ๆจะเป็นที่ตั้งของร้านให้บริการเช่าอุปกรณ์ทางน้ำ ส่วนใครอยากออกไปดำน้ำทั้งแบบ snorkel หรือ scuba ที่นี่ก็มีบริการขายทัวร์ด้วยเช่นกัน