สวัสดีค่ะ พึ่งจบทริปอ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด คนเดียวมาหมาดๆ เราก็เลยอยากจะมารีวิวให้ชมกันค่ะ ตัวเราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบแบกเป้  แต่ตอนนี้กระแสแบกเป้เที่ยวใครๆก็ทำกัน ฉะนั้นวันนี้ชะนีมีนมอย่างเรา จะขอรีวิวเวอร์ชั่น “แบกนมเที่ยว” กันดูบ้างนะคะ 555 คราวนี้ไปเองคนเดียวไม่ง้อใคร ก็เลยต้องศึกษาข้อมูลกันหน่อย ไหนจะเรื่องการเดินทาง เรื่องที่พัก เรื่องกิจกรรมนู่นนี่นั่น ไปทั้งทีจะต้องให้คุ้มค่า เพราะจ่ายเองคนเดียวไม่มีคนช่วยหารนี่นา เริ่มต้นจากการหาข้อมูล ที่พักเกาะกูด จากอากู๋ google เลยค่ะ


ว่าแล้วก็เสิร์ชหา ที่พักเกาะกูด  แล้วก็ไปเจอเว็บนี้ค่ะ http://resorts.kokood.com/th/ ที่พักมีเยอะมาก เราเลือกไม่ถูก เลยลองแอดไลน์ไปถามพนักงาน แจ้งว่าเราจะไปเที่ยวเกาะกูดคนเดียว อยากได้ ที่พักเกาะกูดติดทะเล ขอที่วิวสวยๆ น้ำใสๆ ขอแบบธรรมชาติเงียบๆหน่อย และที่สำคัญขอราคาไม่แพงนะคะ พนักงานก็ได้แนะนำมา 2-3 ที่ แล้วเราก็ถูกใจของที่ อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด ค่ะ นี่ ในรูปที่พนักงาน ส่งมาให้ดูสวยเลย


จากรูปที่น้ำทะเลใสมาก และชอบตรงที่มีสะพานไม้ที่ยืนลงไปในทะเลด้วย พนักงานแจ้งว่า ห้องวิวทะเล มีราคาแบบห้องพักรวมอาหารเช้า คืนละ 2,800  และแบบแพคเเกจ 3 วัน 2 คืน ที่รวมเรือ อาหารและกิจกรรมด้วย ราคาแพคเกจ อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด ห้องวิลล่าบีชฟร้อนท์ ปกติอยู่ที่ 6,500 บาทต่อคนค่ะ แต่เราไปคนเดียวเค้าขอคิดราคาเพิ่ม300บาทสำหรับพักเดียว รวมแล้วก็อยู่ที่ 6,800 บาทค่ะ ราคาถือว่าโอเคอยู่ เพราะเค้ารวมทุกอย่างให้หมดเลยทั้งเรือ อาหารและกิจกรรมดำน้ำดูประการัง เที่ยวน้ำตก ที่สำคัญมีเจ้าหน้าที่ดูแลมารับ-ส่งเราที่ บขส.ด้วย เราเลยเลือกที่นี่เลยค่ะ เราจองก่อนเดินทางเพียงอาทิตเดียวเท่านั้น และก็เหลือเวลาเพียง 1สัปดาห์ สำหรับเตรียมตัว เตรียมฟิตติ้งเสื้อผ้าชุดไปเกาะ ชุดดำน้ำ บิกินี่ แว่นกันแดด ครีมกันแดด พร้อมกล้องคู่ใจให้พร้อม....

เอาละ.. และแล้วก็ถึงเวลาเดินทาง สำหรับทริป แบกนมเที่ยว อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด 3 วัน 2 คืน ของเราแล้ว....

เริ่มด้วยเดินทางจากกรุงเทพฯ เราขึ้นรถทัวร์ที่เอกมัยรอบ 23.30 น. ค่ะ ขึ้นไปก็หลับยาวเลย ไปรู้ตัวอีกทีก็ถึง บขส.ตราด ประมาณ ตี 4 กว่าๆ ค่ะ ที่นี่จะมีคนนั่งรอกันเยอะเลย หมดห่วงเรื่องความปลอดภัย น้องนมเราถึงเกาะอย่างปลอดภัยแน่นอน555 เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่มาเที่ยวเกาะกูดโดยรถโดยสารประจำทางก็จะต้องมากันรอบสุดท้ายคือ 5ทุ่มครึ่งเหมือนกันค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่ของแต่ละรีสอร์ทมารับค่ะ เรานั่งรอที่บขส.ตราด อยู่พักนึงเกือบๆสว่างก็มีรถของ อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด มารับค่ะ


ลุงคนที่มารับชื่อลุงเปี๊ยกค่ะ ลุงเปี๊ยกจะพาไปหาข้าวกินในตัวเมืองก่อน วันนั้นเราไปกินที่ร้าน ริมเขื่อน เราสั่งข้าวมันหน้าทะเล กับเกาเหลาต้มยำกั้งมาค่ะ ค่าเสียหายร้านนี้ ข้าวมันหน้าทะเล 50 บาท เกาเหลาต้มยำกั๊ง70 บาท อร่อยใช้ได้เลยมื้อนี้ออกเงินเองค่ะ ไม่รวมกับแพ็คเกจที่จองไว้


พอกินอิ่มแล้วลุงเปี๊ยกก็พาเราไปพักผ่อนล้างหน้าล้างตากินกาแฟที่ออฟฟิสของอ่าวน้อย  ซึ่งอยู่เลยตัวเมืองที่ไปแวะกินข้าวมาไม่ไกล เพื่อรอเวลาขึ้นเรือตอน 10 โมงค่ะ ที่นี่จะมีที่นอนพักรอ สำหรับลูกค้าของอ่าวน้อยโดยเฉพาะค่ะ เรามาถึงมีคนก็เริ่มๆทะยอยมากัน ส่วนใหญ่จะขับรถมากัน แล้วมาจอดรถที่นี่ค่ะ เวลาใกล้ๆ 10 โมง ลุงคนเดิมก็จะพาเราขึ้นรถมาที่ท่าเรือแหลมศอก ซึ่งเป็นจุดที่ขึ้นเรือไปเกาะกูด เรือที่วิ่งไปเกาะกูดทุกรีสอร์ทจะต้องมาขึ้นที่ท่าเรือแหลมศอกหมดเลย ที่ท่าเรือแหลมศอกจะมีเรือของหลายๆบริษัทด้วย ถ้าเราไม่ได้มาเป็นแพคเกจ ก็มาซื้อตั๋วเรือที่ท่าเรือได้เลย เช่นเรือบุญศิริ เรือเกาะกูดปริ๊นเซส เรือเฟอรี่เกาะกูดเอ๊กเพรส ส่วนเรือที่ลุงเปี๊ยกพาเรามาขึ้นเป็นเรือสปีดโบ๊ทของทางอ่าวน้อยรีสอร์ทค่ะ



นั่งเรือมา 1 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะกูดแล้ว พอเข้าเขตเกาะกูดความฟินแรกคือน้ำใส้มากคือแบบสีเขียวเหมือนมัลดีฟ เห็นปลาเลย พอมาถึงที่พักก็เช็คอินเข้าห้องพัก อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด พนักงานช่วยยกกระเป๋าพามาส่งที่ห้องค่ะ


ห้องเราชื่อบ้าน วิลล่าบีชฟร้อนท์ คืออยู่ติดหาดเลย หลังใหญ่ ห้องกว้างมาก แต่นอนคนเดียวมันก็จะโล่งๆหน่อยนะ 55 ห้องพักมีระเบียงด้านหน้าห้องมองเห็นวิวทะเล ฟินมากๆ


เราจองแบบ อ่าวน้อยรีสอร์ทเกาะกูด แพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน ในแพ็คเก็จจะรวมทั้ง อาหารหลัก อาหารว่าง และกิจกรรมด้วย พี่ที่รีสอร์ทแจ้งกำหนดการว่าจะเริ่มอาหารมื้อแรกตอนเที่ยงที่ร้านอาหารนะ และทานข้าวเสร็จช่วงบ่ายๆจะมีไปน้ำตกคลองเจ้าค่ะ เรานอนงีบพักไปประมาณชั่วโมงนึงก็ตื่นไปทานข้าวเที่ยงที่พี่เค้าเตรียมไว้ ให้ มื้อเที่ยงนี้มี ลูกชิ้นปลาอินทรีย์ลวก / ปูทะเลผัดผงกระหรี่ / ปลาทอดราดน้ำปลา / ปลาหมึกชุบแป้งทอด / กุ้งอบเกลือ ผลไม้ และข้าว ) ขอบอกว่าเยอะไปสำหรับเรา เราทานไปไม่ถึงครึ่งเลย  มื้อนี้หิว ลืมถ่ายอาหารเลยค่ะ เอารูปร้านอาหารไปชมแล้วกันนะคะ 555


ทานอาหารกลางวันเสร็จ รถสองแถวก็มารอรับเราไป เที่ยวน้ำตกคลองเจ้าค่ะ ทริปนี้มีเราและคู่รักชาวรัสเซียคู่นึง ของบอกว่าอิจฉามาก 555 ชิ ครั้งนี้มาคนเดียว ทีใครทีมันนะ อย่าให้มีบ้าง เดี๋ยวจะสวีทกว่านี้อีกคอยดู  เรานั่งรถจากอ่าวน้อยมาประมาณ 10 นาทีก็ถึงทางเข้าน้ำตกคลองเจ้า ค่ะ จากที่ลงรถเราเดินต่อมาประมาณ 1 กิโลกว่าๆ ถึงน้ำตกคลองเจ้า ถือว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ สวย และธรรมชาติมากๆ มีปลาเต็มเลย เจ้าหน้าที่จะให้เราอยู่เล่นน้ำตก ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ะและก็ได้เวลากลับที่พักค่ะ


กลับมาถึงรีสอร์ท อาหารเก่ายังไม่ทันย่อยเลย พี่ที่รีสอร์ทก็เตรียม ผัดซีอิ๊วทะเล และ น้ำกะทิแตงไทยไว้ให้ ไม่กินก็เกรงใจเค้า อุตส่าจัดใส่จานเตรียมไว้ให้ อย่างดีเลย(ลืมถ่ายอีกแล้ว55)  ทานเสร็จ แดดอ่อนลงแล้ว เราเลยไปพายเรือคายัคเล่นต่อเลย  ลูกค้าที่มาพักแบบแพคเกจที่นี่สามารถใช้เรือคายัคได้ฟรีค่ะ บรรยากาศหน้าหาดของอ่าวน้อยรีสอร์ทร่มรื่น เพราะมาต้นไม้เยอะมากๆ น้ำทะเลตรงที่เป็นสีเขียวเข้มน้ำจะลึกค่ะ เล่นน้ำหรือพายเรือต้องใส่ชูชีพไว้ตลอดเพราะหาดของอ่าวน้อยจะมีส่วนที่ตื้น ลึกไม่สม่ำเสมอกันค่ะ ดีที่เรามีกล้องโกโปรกันน้ำและไม้เซลฟี่มาด้วย มาเที่ยวคนเดียวยังไงให้รูปเยอะ 555 นอกจากไม้เซลฟี่เราก็ได้พี่ๆพนักงานที่รีสอร์ทนี่แหละ คอยถ่ายรูปให้ เพราะเค้าเห็นเรามาคนเดียว ก็จะดูแลเราเป็นพิเศษ คือดี๊ดีอ่ะ


เล่นน้ำเสร็จอาบน้ำอาบท่าแล้วก็ได้เวลาออกมาทานอาหารค่ำกันแล้วค่ะ อาหารตามแพคเกจจะจัดให้ตอนทุ่มนึงค่ะ มื้อนี้มี ปูนึ่ง / ต้มยำกุ้งน้ำใส / ไข่เจียว / น้ำพริกปูไข่ / ไก่ทอดกระเทียม ผลไม้ และข้าวค่ะ  อร่อย อิ่ม จุก ว่าและก็ซื้อเบียร์ติดไปชิวที่ห้องสองกระป๋องเบาๆพอ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปดำน้ำเดี๋ยวตื่นไหม่ไหว อากาศตอนกลางคืนที่เกาะช่วงที่เราพักเย็นมากๆ ที่นี่ยุงจะเยอะหน่อย ดีที่เราเตรียมโลชั่นทากันยุงมาพร้อม ไม่งั้นตัวลายแน่ๆ บรรยากาศตอนกลางคืน เงียบ สงบ มากๆ ได้ยินเสียงคลื่นเสียงแมลงตลอด เบียร์หมดสองกระป๋อง นอนหลับสนิทไปแบบไม่ทันตั้งตัว



.....กิจกรรมตามแพ็คเกจของวันที่สองคือดำน้ำดูปะการัค่ะ วันนี้เตรียมชาร์จแบตกล้องกันน้ำ และโบกครีมกันแดดมาเต็มที่  ทานอาหารเช้าเสร็จ เรือสปีดโบ๊ทที่รับเราไปดำน้ำจะออกตอน 9 โมง ไปดำถึงจุดแรกที่เริ่มดำน้ำดูประการังน้ำตื้นที่เกาะยักษ์ เจ้าหน้าที่จะเริ่มสาธิตการใช้อุปกรณดำน้ำ และให้ลองดำดูก่อน ใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่ต้องห่วง สามารถเกาะหลังเจ้าหน้าที่ไปได้สบาย เจ้าหน้าที่ดูแลดีมากค่ะ จุดต่อไปเป็น เกาะมะปริง โดยใช้เวลาในการดำน้ำจุดละ 1 ชั่วโมงค่ะ ตอนเที่ยง เจ้าหน้าที่เอาอาหารกลางวันมาแจกให้ทานบนเรือ จะเป็นข้าวกล่องค่ะ วันนี้เป็นข้าวผัดทะเล และผลไม้มีแตงโมกับสับปะรดค่ะ


  ทานอาหารกลางวันเสร็จก็เดินทางไปดำน้ำที่จุดสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ก็คือเกาะรัง นั่นเอง เกาะรังสวยมากๆ สวยน้ำใสกว่าเกาะอื่นๆ ดีนะที่แบตกล้องยังเหลืออีกหน่อย ไม่งั้นเสียดายมากแน่ ๆ ประการัง และปลาสวยงามที่นี่เยอะมาก ปลาไม่กลัวเราเลย เข้ามาหาเราเยอะมากๆ ที่นี่สวยและอุดมสมบูรณ์กว่าทะเลทางใต้ที่เราเคยไปอีก ครั้งนี้เป็นทริปการดำน้ำดุประการังที่เรารู้สึกประทับใจที่สุดเท่าที่เคยไป มาเลยก็ว่าได้ค่ะ  จบทริปดำน้ำดูประการังสำหรับวันนี้พร้อมรับผิวสีแทนกลับที่พักกันไปค่ะ 555 นี่ขนาดโบกครีมกันแดดมาอย่างดี ผิวยังแทนขนาดนี้ ก็เล่นดำน้ำแบบไม่กลัวแดดไม่พักเลยตั้งแต่เริ่มยันจบ ก็ต้องดำเป็นธรรมดา เอาน่า ถือว่าคุ้มค่านะ



เดี๋ยวมาต่อน้า