อยากถามความเห็นว่า นักแสดงหญิงรุ่นกลาง - รุ่นเล็ก ของช่องเจ็ดคนไหนที่เหมาะกับบทประมาณนี้บ้าง ส่วนนี้มาจากนิยายที่ จขกท.กำลังแต่งอยู่
สงวนลิขสิทธิ์ครับ หากมีสิ่งไหนที่ไม่เหมาะสมก็ขออภัยและรบกวนบอกด้วยครับเพื่อที่จะได้นำไปแก้ไข
"...ทั้งสองหารู้ไม่ว่า เบื้องหลังของทั้งคู่กลางลำน้ำ ปรากฏแสงสีเขียวเรืองสองดวงอยู่บนผิวน้ำ เหมือนเป็น “ดวงตา” ของสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นผุดลงไปใต้น้ำอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆดำลงไปสู่เบื้องลึกของลำน้ำ เมื่อถึงบริเวณหนึ่งในช่วงที่ลึกที่สุดของน้ำ ราวกับปาฏิหาริย์ ช่องหินได้เปิดขึ้น ราวกับมันได้ว่า “เปิดรับ” เพียงสิ่งนั้นโดยเฉพาะ เพราะเมื่อสิ่งนั้นเข้าไปแล้ว หินก็ได้เคลื่อนปิดลงมา ราวกับว่าสงวนไว้ให้บางสิ่งเท่านั้น
สิ่งนั้นได้ว่ายมาเรื่อยๆตามลำน้ำที่มืดมิด ทว่าเมื่อถึงบริเวณหนึ่ง สีของน้ำได้เปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมรอบข้างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จากน้ำที่ขุ่นมัวและมืดมิด กลับเป็นน้ำที่ใสสะอาด แวดล้อมไปด้วยพืชน้ำ และหมู่ปลาที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างสวยงาม ตามโขดหินบริเวณพื้นเบื้องล่างนั้นวาววับงดงาม ราวกับถูกปูด้วยทอง และอัญมณีอันมีค่าปริมาณมหาศาล
หากใครสักคนหนึ่งสามารถดำน้ำตามสิ่งนั้นลงมาได้ เสียงที่เขาจะได้ยิน จะมีเพียงเสียงน้ำรอบข้างเท่านั้น
แต่หากใครผู้นั้น เป็นผู้มีญาณวิเศษ หรือผู้มีอภิญญาแล้วล่ะก็ เสียงหนึ่งที่เขาจะได้ยิน จะคล้ายกับเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ ของดรุณีวัยแรกรุ่น ราวกับนางชอบใจอะไรสักอย่างเสียเต็มประดา
เมื่อสิ่งนั้นว่ายเข้ามาอีกสักพัก ก็มาถึงพื้นที่หนึ่ง ซึ่งหากเป็นบุคคลทั่วไปแล้ว คงจะอัศจรรย์ใจยิ่งนักเป็นแน่ กับภาพที่เขาจะได้เห็นเบื้องหน้า
เบื้องล่างนั้น คือนครใหญ่นครหนึ่ง ที่มีประกายวิบวับ ราวกับถูกสร้างโดยทองคำ แลเทวดาเป็นผู้สร้าง มีผู้คนมากมายเดินไปเดินมาในนครนั้น ราวกับเป็นอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเมืองที่สามารถมาตั้งใต้น้ำเช่นนี้ได้นั้น คงไม่ใช่เมืองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของมนุษย์เป็นแน่
สิ่งนั้นว่ายลงมาหยุดที่สถานที่หนึ่ง ซึ่งมีความใหญ่โตโอ่อ่ากว่าอาคารอื่นใดในนครนั้น ราวกับว่าเป็น “ปราสาทราชวัง” ของผู้มีศักดิ์เป็นผู้นำหรือผู้ปกครองของนคร แล้วค่อยๆหยุดลงที่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งเหมือนมันจะรู้ว่า เจ้าของอีกคนหนึ่งของสถานที่นั้น ได้กลับมาถึงแล้ว จึงเปิดรอรับ
เมื่อร่างของสิ่งนั้นผ่านเข้าประตูไป ปรากฏว่าพื้นที่ภายในนั้น เป็นพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ และสดชื่นชนิดที่อาจหาไม่ได้ในโลกของมนุษย์ ฉับพลัน ก็เกิดแสงรัศมีประหลาด ปรากฏขึ้นล้อมรอบสิ่งนั้น และรูปลักษณ์ของสิ่งนั้น สิ่งที่ทั้งทินและแดงเรียกว่า “พญานาค” ก็ค่อยๆกลายสภาพ จากรูปลักษณ์ของงูใหญ่ มีหงอน ตาสีเขียว เกล็ดสีเขียวขลิบทอง มาเป็นรูปลักษณ์ของดรุณีวัยแรกรุ่น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวนวลงดงาม นุ่งผ้าสีขาว มีกำไลที่ข้อเท้า ท่อนบนเป็นผ้าสีเขียวอ่อน มีสร้อยขนาดใหญ่ อันแสดงถึงความเป็นผู้มียศห้อยอยู่ที่คอ ดวงตากลมโตเป็นประกาย เกศาของนางถูกรวบเป็นทรงสวยงาม และบนศีรษะนั้นมีรัดเกล้า อันมีสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงเผ่าพันธุ์ประดับอยู่บริเวณหน้าผากของนาง
ดรุณีนั้นหัวเราะชอบใจ ราวกับว่าได้พบสิ่งที่พึงพอใจมา นางหัวเราะ เสียงหัวเราะของนางนั้นแจ่มใสเฉกเช่นลักษณะของสาววัยแรกรุ่น และรอยยิ้มอันงดงามนั้น อาจทำให้ผู้ใดก็ตาม ไม่ว่านาค มนุษย์ เทวดา หรือเผ่าพันธุ์ใดก็ตามต้องหลงใหล
นางเดินมาเรื่อยๆตามทางเดินที่จัดทำอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ทว่าจู่ๆก็ต้องชะงัก เมื่อมีอีกเสียงหนึ่งของสตรีดังขึ้นว่า
“ไปแกล้งมนุษย์มาอีกล่ะสิ วิมลสุดา”... "
นักแสดงหญิงรุ่นกลาง - รุ่นเล็ก ของช่องเจ็ดคนไหนที่เหมาะกับบทประมาณนี้บ้าง
สงวนลิขสิทธิ์ครับ หากมีสิ่งไหนที่ไม่เหมาะสมก็ขออภัยและรบกวนบอกด้วยครับเพื่อที่จะได้นำไปแก้ไข
"...ทั้งสองหารู้ไม่ว่า เบื้องหลังของทั้งคู่กลางลำน้ำ ปรากฏแสงสีเขียวเรืองสองดวงอยู่บนผิวน้ำ เหมือนเป็น “ดวงตา” ของสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นผุดลงไปใต้น้ำอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆดำลงไปสู่เบื้องลึกของลำน้ำ เมื่อถึงบริเวณหนึ่งในช่วงที่ลึกที่สุดของน้ำ ราวกับปาฏิหาริย์ ช่องหินได้เปิดขึ้น ราวกับมันได้ว่า “เปิดรับ” เพียงสิ่งนั้นโดยเฉพาะ เพราะเมื่อสิ่งนั้นเข้าไปแล้ว หินก็ได้เคลื่อนปิดลงมา ราวกับว่าสงวนไว้ให้บางสิ่งเท่านั้น
สิ่งนั้นได้ว่ายมาเรื่อยๆตามลำน้ำที่มืดมิด ทว่าเมื่อถึงบริเวณหนึ่ง สีของน้ำได้เปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมรอบข้างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จากน้ำที่ขุ่นมัวและมืดมิด กลับเป็นน้ำที่ใสสะอาด แวดล้อมไปด้วยพืชน้ำ และหมู่ปลาที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างสวยงาม ตามโขดหินบริเวณพื้นเบื้องล่างนั้นวาววับงดงาม ราวกับถูกปูด้วยทอง และอัญมณีอันมีค่าปริมาณมหาศาล
หากใครสักคนหนึ่งสามารถดำน้ำตามสิ่งนั้นลงมาได้ เสียงที่เขาจะได้ยิน จะมีเพียงเสียงน้ำรอบข้างเท่านั้น
แต่หากใครผู้นั้น เป็นผู้มีญาณวิเศษ หรือผู้มีอภิญญาแล้วล่ะก็ เสียงหนึ่งที่เขาจะได้ยิน จะคล้ายกับเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ ของดรุณีวัยแรกรุ่น ราวกับนางชอบใจอะไรสักอย่างเสียเต็มประดา
เมื่อสิ่งนั้นว่ายเข้ามาอีกสักพัก ก็มาถึงพื้นที่หนึ่ง ซึ่งหากเป็นบุคคลทั่วไปแล้ว คงจะอัศจรรย์ใจยิ่งนักเป็นแน่ กับภาพที่เขาจะได้เห็นเบื้องหน้า
เบื้องล่างนั้น คือนครใหญ่นครหนึ่ง ที่มีประกายวิบวับ ราวกับถูกสร้างโดยทองคำ แลเทวดาเป็นผู้สร้าง มีผู้คนมากมายเดินไปเดินมาในนครนั้น ราวกับเป็นอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเมืองที่สามารถมาตั้งใต้น้ำเช่นนี้ได้นั้น คงไม่ใช่เมืองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของมนุษย์เป็นแน่
สิ่งนั้นว่ายลงมาหยุดที่สถานที่หนึ่ง ซึ่งมีความใหญ่โตโอ่อ่ากว่าอาคารอื่นใดในนครนั้น ราวกับว่าเป็น “ปราสาทราชวัง” ของผู้มีศักดิ์เป็นผู้นำหรือผู้ปกครองของนคร แล้วค่อยๆหยุดลงที่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งเหมือนมันจะรู้ว่า เจ้าของอีกคนหนึ่งของสถานที่นั้น ได้กลับมาถึงแล้ว จึงเปิดรอรับ
เมื่อร่างของสิ่งนั้นผ่านเข้าประตูไป ปรากฏว่าพื้นที่ภายในนั้น เป็นพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ และสดชื่นชนิดที่อาจหาไม่ได้ในโลกของมนุษย์ ฉับพลัน ก็เกิดแสงรัศมีประหลาด ปรากฏขึ้นล้อมรอบสิ่งนั้น และรูปลักษณ์ของสิ่งนั้น สิ่งที่ทั้งทินและแดงเรียกว่า “พญานาค” ก็ค่อยๆกลายสภาพ จากรูปลักษณ์ของงูใหญ่ มีหงอน ตาสีเขียว เกล็ดสีเขียวขลิบทอง มาเป็นรูปลักษณ์ของดรุณีวัยแรกรุ่น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวนวลงดงาม นุ่งผ้าสีขาว มีกำไลที่ข้อเท้า ท่อนบนเป็นผ้าสีเขียวอ่อน มีสร้อยขนาดใหญ่ อันแสดงถึงความเป็นผู้มียศห้อยอยู่ที่คอ ดวงตากลมโตเป็นประกาย เกศาของนางถูกรวบเป็นทรงสวยงาม และบนศีรษะนั้นมีรัดเกล้า อันมีสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงเผ่าพันธุ์ประดับอยู่บริเวณหน้าผากของนาง
ดรุณีนั้นหัวเราะชอบใจ ราวกับว่าได้พบสิ่งที่พึงพอใจมา นางหัวเราะ เสียงหัวเราะของนางนั้นแจ่มใสเฉกเช่นลักษณะของสาววัยแรกรุ่น และรอยยิ้มอันงดงามนั้น อาจทำให้ผู้ใดก็ตาม ไม่ว่านาค มนุษย์ เทวดา หรือเผ่าพันธุ์ใดก็ตามต้องหลงใหล
นางเดินมาเรื่อยๆตามทางเดินที่จัดทำอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ทว่าจู่ๆก็ต้องชะงัก เมื่อมีอีกเสียงหนึ่งของสตรีดังขึ้นว่า
“ไปแกล้งมนุษย์มาอีกล่ะสิ วิมลสุดา”... "