สวัสดีค่ะ
ถ้าพูดถึงเมืองแห่งความโรแมนติกแล้ว เวนิสก็คงจะติดโผอยู่บ่อย ๆ และ ความโรแมนติกของมันก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชม อย่างมากมายมหาศาล ... จนบางคนอาจจะผิดหวัง ที่หาความโรแมนติกเหล่านั้นไม่พบ เพราะ เดินไปไหนมาไหน ก็จะเจอแต่ คน คน คน และก็ คน คน คน ... แต่นั่นอาจจะเป็นการเดินทางที่
ผิดที่ และ
ผิดเวลา สักหน่อย เพราะ
1. นั่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่กระจุกตัวหนาแน่นแค่เฉพาะแถวแหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ทั้งเกาะเวนิส หลัก ๆ คือ แถวสะพานรีอัลโต และจตุรัสซานมาร์โค เป็นเพราะบางคนแวะเที่ยวเวนิสแค่วันเดียว เลยเน้นเจาะแต่สถานที่สำคัญ ๆ ... แต่
เสน่ห์จริง ๆ ของเวนิส นั้นกลับอยู่ในย่านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ต้องลองเดินดู ลองหลงดู ... ส่วนตัวแล้วย่านที่ชอบมากคือแถว ๆ Accademia จนถึงแถวท่าเรือ S.Toma ในย่าน Dorsoduro ที่ส่วนใหญ่มีแต่คนท้องถิ่น แต่ก็ยังคงความคึกคักอยู่ไม่น้อย
2. ถ้าเดินทางในช่วงฤดูร้อน ไฮซีซั่น ก็จะหลีกเลี่ยงผู้คนมากมายมหาศาลไม่ได้อย่างแน่นอน และถ้าเที่ยวเวนิสช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงหน่อย ได้บรรยากาศอีกแบบ แต่อากาศก็จะเย็นมากเช่นกัน ถ้าจะให้ดี การเดินเที่ยวเวนิสในช่วงเช้า ๆ ก่อนที่กองทัพทัวร์จะบุกเข้ามา ก็จะทำให้ได้เห็นเวนิสในมุมสงบ ๆ
แต่เวนิสกับนักท่องเที่ยวนั้นเป็นของคู่กัน เราเองก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ว่า ก่อนมาเวนิส เราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะรู้ดีว่าเวนิสเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่การเที่ยวเวนิสในครั้งนี้ ดีเกินความคาดหมายจริงๆ จนเราอดไม่ไหวที่อยากจะแบ่งปันเสน่ห์ของเวนิสที่ได้เห็นมา
ที่นี่ทำให้เราได้เข้าใจอีกครั้งหนึ่งว่า
การไม่คาดหวังในการเดินทาง ทำให้ได้พบเจอกับสิ่งที่เกินคาดบ่อย ๆ
คนที่เวนิสเคยบอกไว้ว่า "ลองเดินเที่ยวเวนิสดู ลองหลงดู แล้วก็ไปในย่านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว" … เวนิสมีดีที่ตรงนี้จริง ๆ … ถึงแม้ว่าเวนิสจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีมุมที่ให้ได้สัมผัสชีวิตของคนที่นี่อยู่บ้าง ส่วนตัวแล้วเสน่ห์ของเวนิสอยู่ที่ วิถีชีวิตของผู้คน, งานศิลปะ, ตึกรางบ้านช่องกับน้ำสีเขียว ๆ โดยเฉพาะอารมณ์ของเมืองนั้นสามารถเปลี่ยนไปได้ตามสภาพของแสงแดดและอากาศ
**ป.ล. ภาพทุกภาพถ่ายโดยกล้อง mirrorless เลนส์มือหมุนนะคะ อาจจะไม่ชัดหน่อย แต่คิดว่าได้อารมณ์เต็ม ๆ
ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ
*
*
*
โรงแรม ตึกในเมือง
ปลายเดือนมกราคม
ครอบครัวของพวกเรามาถึงสนามบินตอนสองทุ่มกว่า รถบัสจากสนามบินเข้าเกาะเวนิสตอนเกือบ 3 ทุ่ม ที่พักของเราเดินไปได้ง่าย ๆ จากสถานีขนส่งในเวลาไม่เกิน 3 นาที เนื่องด้วยคะแนนรีวิวของโรงแรมนี้ค่อนข้างต่ำ เราเลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก กับราคาไม่ถึง 60 ยูโร ซึ่งนับว่าถูกมากกับโรงแรมในเวนิสที่มีห้องน้ำส่วนตัว
แต่ความไม่คาดหวังนั้น กลับทำให้เราได้ชื่นชมกับสิ่งที่ได้เกินคาดมา … อย่างเต็มที่
โรงแรมใจดีให้ห้องพักหันหน้าเข้าหาคลอง Grand Canal แถมยังอัพเกรดจากห้องเตียงคู่เป็นห้องครอบครัว มีเตียงใหญ่กับสองเตียงเล็ก ฟินมาก ๆ กับการมาเวนิสครั้งแรก ที่ได้ตื่นตอนเช้าจากเสียงธรรมชาติของนก ของเป็ด และ “คน” คนทำงานแถว ๆ นั้น ทั้งคนขับเรือหลากหลายชนิด ทั้งนักท่องเที่ยว และผู้โดยสารที่แวะขึ้นท่าเรือ
พอเปิดหน้าต่างห้องออกมาตอนเช้า ก็เจอกับน้ำเขียว ๆ กับหมอกที่เริ่มหนาขึ้น หนาขึ้น ... อากาศวันนี้อยู่ราว ๆ 5 องศา
โรงแรมที่พวกเราพักนั้นเป็นโรงแรมเก่า ๆ ไม่มีล็อบบี้เป็นของตัวเอง ต้องไปเช็คอิน/เช็คเอาท์ กับโรงแรมใหญ่ที่อยู่ตึกถัดไป พอได้กุญแจมาก็ไขประตูโรงแรมสีขาว (ด้านซ้ายมือในรูป) ขึ้นบันไดแคบ ๆ ชัน ๆ ไปยังชั้น 2 นั่นก็คือส่วนของโรงแรมทั้งหมด
จะสังเกตเห็นว่า ตึกสีขาวทั้งตึกมีตั้ง 4 ประตู ถ้าไม่นับประตูของร้านค้าแล้ว อีก 2 ประตูน่าจะเป็นทางเข้าของห้องชั้น 3 หรือชั้น 4 ของตึก โรงแรมอีกแห่งที่พวกเราพักก็มีลักษณะอย่างนี้เหมือนกัน ตึก ๆ เดียวกันแต่ทางโรงแรมแบ่งห้องบางส่วนของชั้น 2 เป็นอพาร์ตเมนท์เปิดเช่าที่มีประตูบ้านและบันไดแยกต่างหาก ส่วนชั้น 3 ชั้น 4 ก็เป็นห้องของโรงแรมปกติ
หน้าต่างบ้านที่เวนิสจะมีบานพับไม้อยู่ด้านนอก ที่ปิดทับหน้าต่างกระจกอีกที ข้อดีก็น่าจะช่วยกันเสียงรบกวนด้านนอกเวลานอน, กันหนาว และกันแสงแดดรบกวนตอนนอน เหมือนว่าบานพับส่วนใหญ่ในเวนิสจะเป็นสีเขียว
พวกเราเดินจากโรงแรมเดิม ข้ามสะพานรีอัลโต เพื่อเดินหาโรงแรมที่จองเอาไว้บนถนนเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ในย่านนักท่องเที่ยวซานมาร์โค โชคดีที่มีสัมภาระมาไม่เยอะ แม่แบกเป้ใบใหญ่แต่ไม่หนัก 1 ใบกับกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก 1 ใบ พ่อลากกระเป๋าเดินทางขนาด cabin 1 ใบ ส่วนลูกก็สะพายเป้เล็ก ๆ 1 ใบที่ใส่ตุ๊กตากับของเล่นเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดิน เพราะต้องเดินขึ้นเดินลงสะพานเล็กสะพานน้อยอยู่บ่อย ๆ
หลังจากงง ๆ ในการหาเลขที่บ้านของโรงแรมอยู่พักหนึ่ง พวกเราก็มายืนอยู่หน้าประตูโรงแรม ประตูปิดล็อค เรากดกริ่งคุยกับเจ้าหน้าที่ บอกชื่อเสียงเรียงนาม แล้วประตูโรงแรมก็เปิดออก พวกเราเดินผ่านห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง ขึ้นบันไดชัน ๆ ไปชั้น 2 ไปยังล็อบบี้ของโรงแรม โรงแรมนี้ได้รีวิวดีมาก ๆ ด้วยราคาที่เป็นธรรม โลเคชั่นดี ใกล้ที่ท่องเที่ยวและท่าเรือ แต่สงบ และเจ้าหน้าที่ยังเป็นมิตรสุด ๆ ซึ่งก็โชคดีที่ตรงตามนั้นจริง ๆ
ถนนหน้าโรงแรม San Samuele
เจ้าหน้าที่หญิงสาวใจดี 2 คน ยิ้มกว้าง แนะนำย่านร้านอาหารราคาธรรมดาแถว ๆ ตลาดรีอัลโตและแถวมหาวิทยาลัย รวมทั้งเส้นทางการเดินไปยังที่ต่าง ๆ และที่สำคัญคือ เราเพิ่งรู้จากพวกเธอว่า วันนี้เป็นวันเริ่มเทศกาลหน้ากากคาร์นิวัลประจำเกาะพอดี เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินไปยังอพาร์ตเมนต์ของโรงแรมที่ได้เช่าเอาไว้ เป็นอพาร์ตเมนท์ 2 ห้องนอน มีครัว และเครื่องซักผ้าแถมผงซักฟอกด้วย! ถูกใจแม่บ้านอย่างเรามาก ๆ เพราะทริปนี้พวกเราเดินทางจากที่อื่นกันมาก่อนและไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเยอะ พวกเราปักหลักกันที่นี่ 4 คืน และลูกก็ได้เล่นเปียโนของที่พักทุกวัน เพราะที่นี่ไม่มีทีวีให้ดู เลยมีเวลาได้ทำอย่างอื่น
[CR] Venice ลองเดิน ลองหลง นอกย่านท่องเที่ยว
สวัสดีค่ะ
ถ้าพูดถึงเมืองแห่งความโรแมนติกแล้ว เวนิสก็คงจะติดโผอยู่บ่อย ๆ และ ความโรแมนติกของมันก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชม อย่างมากมายมหาศาล ... จนบางคนอาจจะผิดหวัง ที่หาความโรแมนติกเหล่านั้นไม่พบ เพราะ เดินไปไหนมาไหน ก็จะเจอแต่ คน คน คน และก็ คน คน คน ... แต่นั่นอาจจะเป็นการเดินทางที่ ผิดที่ และ ผิดเวลา สักหน่อย เพราะ
1. นั่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่กระจุกตัวหนาแน่นแค่เฉพาะแถวแหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ทั้งเกาะเวนิส หลัก ๆ คือ แถวสะพานรีอัลโต และจตุรัสซานมาร์โค เป็นเพราะบางคนแวะเที่ยวเวนิสแค่วันเดียว เลยเน้นเจาะแต่สถานที่สำคัญ ๆ ... แต่ เสน่ห์จริง ๆ ของเวนิส นั้นกลับอยู่ในย่านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ต้องลองเดินดู ลองหลงดู ... ส่วนตัวแล้วย่านที่ชอบมากคือแถว ๆ Accademia จนถึงแถวท่าเรือ S.Toma ในย่าน Dorsoduro ที่ส่วนใหญ่มีแต่คนท้องถิ่น แต่ก็ยังคงความคึกคักอยู่ไม่น้อย
2. ถ้าเดินทางในช่วงฤดูร้อน ไฮซีซั่น ก็จะหลีกเลี่ยงผู้คนมากมายมหาศาลไม่ได้อย่างแน่นอน และถ้าเที่ยวเวนิสช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงหน่อย ได้บรรยากาศอีกแบบ แต่อากาศก็จะเย็นมากเช่นกัน ถ้าจะให้ดี การเดินเที่ยวเวนิสในช่วงเช้า ๆ ก่อนที่กองทัพทัวร์จะบุกเข้ามา ก็จะทำให้ได้เห็นเวนิสในมุมสงบ ๆ
แต่เวนิสกับนักท่องเที่ยวนั้นเป็นของคู่กัน เราเองก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ว่า ก่อนมาเวนิส เราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะรู้ดีว่าเวนิสเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่การเที่ยวเวนิสในครั้งนี้ ดีเกินความคาดหมายจริงๆ จนเราอดไม่ไหวที่อยากจะแบ่งปันเสน่ห์ของเวนิสที่ได้เห็นมา
ที่นี่ทำให้เราได้เข้าใจอีกครั้งหนึ่งว่า การไม่คาดหวังในการเดินทาง ทำให้ได้พบเจอกับสิ่งที่เกินคาดบ่อย ๆ
คนที่เวนิสเคยบอกไว้ว่า "ลองเดินเที่ยวเวนิสดู ลองหลงดู แล้วก็ไปในย่านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว" … เวนิสมีดีที่ตรงนี้จริง ๆ … ถึงแม้ว่าเวนิสจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีมุมที่ให้ได้สัมผัสชีวิตของคนที่นี่อยู่บ้าง ส่วนตัวแล้วเสน่ห์ของเวนิสอยู่ที่ วิถีชีวิตของผู้คน, งานศิลปะ, ตึกรางบ้านช่องกับน้ำสีเขียว ๆ โดยเฉพาะอารมณ์ของเมืองนั้นสามารถเปลี่ยนไปได้ตามสภาพของแสงแดดและอากาศ
**ป.ล. ภาพทุกภาพถ่ายโดยกล้อง mirrorless เลนส์มือหมุนนะคะ อาจจะไม่ชัดหน่อย แต่คิดว่าได้อารมณ์เต็ม ๆ
*
*
ปลายเดือนมกราคม
ครอบครัวของพวกเรามาถึงสนามบินตอนสองทุ่มกว่า รถบัสจากสนามบินเข้าเกาะเวนิสตอนเกือบ 3 ทุ่ม ที่พักของเราเดินไปได้ง่าย ๆ จากสถานีขนส่งในเวลาไม่เกิน 3 นาที เนื่องด้วยคะแนนรีวิวของโรงแรมนี้ค่อนข้างต่ำ เราเลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก กับราคาไม่ถึง 60 ยูโร ซึ่งนับว่าถูกมากกับโรงแรมในเวนิสที่มีห้องน้ำส่วนตัว
แต่ความไม่คาดหวังนั้น กลับทำให้เราได้ชื่นชมกับสิ่งที่ได้เกินคาดมา … อย่างเต็มที่
โรงแรมใจดีให้ห้องพักหันหน้าเข้าหาคลอง Grand Canal แถมยังอัพเกรดจากห้องเตียงคู่เป็นห้องครอบครัว มีเตียงใหญ่กับสองเตียงเล็ก ฟินมาก ๆ กับการมาเวนิสครั้งแรก ที่ได้ตื่นตอนเช้าจากเสียงธรรมชาติของนก ของเป็ด และ “คน” คนทำงานแถว ๆ นั้น ทั้งคนขับเรือหลากหลายชนิด ทั้งนักท่องเที่ยว และผู้โดยสารที่แวะขึ้นท่าเรือ
พอเปิดหน้าต่างห้องออกมาตอนเช้า ก็เจอกับน้ำเขียว ๆ กับหมอกที่เริ่มหนาขึ้น หนาขึ้น ... อากาศวันนี้อยู่ราว ๆ 5 องศา
โรงแรมที่พวกเราพักนั้นเป็นโรงแรมเก่า ๆ ไม่มีล็อบบี้เป็นของตัวเอง ต้องไปเช็คอิน/เช็คเอาท์ กับโรงแรมใหญ่ที่อยู่ตึกถัดไป พอได้กุญแจมาก็ไขประตูโรงแรมสีขาว (ด้านซ้ายมือในรูป) ขึ้นบันไดแคบ ๆ ชัน ๆ ไปยังชั้น 2 นั่นก็คือส่วนของโรงแรมทั้งหมด
จะสังเกตเห็นว่า ตึกสีขาวทั้งตึกมีตั้ง 4 ประตู ถ้าไม่นับประตูของร้านค้าแล้ว อีก 2 ประตูน่าจะเป็นทางเข้าของห้องชั้น 3 หรือชั้น 4 ของตึก โรงแรมอีกแห่งที่พวกเราพักก็มีลักษณะอย่างนี้เหมือนกัน ตึก ๆ เดียวกันแต่ทางโรงแรมแบ่งห้องบางส่วนของชั้น 2 เป็นอพาร์ตเมนท์เปิดเช่าที่มีประตูบ้านและบันไดแยกต่างหาก ส่วนชั้น 3 ชั้น 4 ก็เป็นห้องของโรงแรมปกติ
หน้าต่างบ้านที่เวนิสจะมีบานพับไม้อยู่ด้านนอก ที่ปิดทับหน้าต่างกระจกอีกที ข้อดีก็น่าจะช่วยกันเสียงรบกวนด้านนอกเวลานอน, กันหนาว และกันแสงแดดรบกวนตอนนอน เหมือนว่าบานพับส่วนใหญ่ในเวนิสจะเป็นสีเขียว
พวกเราเดินจากโรงแรมเดิม ข้ามสะพานรีอัลโต เพื่อเดินหาโรงแรมที่จองเอาไว้บนถนนเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ในย่านนักท่องเที่ยวซานมาร์โค โชคดีที่มีสัมภาระมาไม่เยอะ แม่แบกเป้ใบใหญ่แต่ไม่หนัก 1 ใบกับกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก 1 ใบ พ่อลากกระเป๋าเดินทางขนาด cabin 1 ใบ ส่วนลูกก็สะพายเป้เล็ก ๆ 1 ใบที่ใส่ตุ๊กตากับของเล่นเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดิน เพราะต้องเดินขึ้นเดินลงสะพานเล็กสะพานน้อยอยู่บ่อย ๆ
หลังจากงง ๆ ในการหาเลขที่บ้านของโรงแรมอยู่พักหนึ่ง พวกเราก็มายืนอยู่หน้าประตูโรงแรม ประตูปิดล็อค เรากดกริ่งคุยกับเจ้าหน้าที่ บอกชื่อเสียงเรียงนาม แล้วประตูโรงแรมก็เปิดออก พวกเราเดินผ่านห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง ขึ้นบันไดชัน ๆ ไปชั้น 2 ไปยังล็อบบี้ของโรงแรม โรงแรมนี้ได้รีวิวดีมาก ๆ ด้วยราคาที่เป็นธรรม โลเคชั่นดี ใกล้ที่ท่องเที่ยวและท่าเรือ แต่สงบ และเจ้าหน้าที่ยังเป็นมิตรสุด ๆ ซึ่งก็โชคดีที่ตรงตามนั้นจริง ๆ
เจ้าหน้าที่หญิงสาวใจดี 2 คน ยิ้มกว้าง แนะนำย่านร้านอาหารราคาธรรมดาแถว ๆ ตลาดรีอัลโตและแถวมหาวิทยาลัย รวมทั้งเส้นทางการเดินไปยังที่ต่าง ๆ และที่สำคัญคือ เราเพิ่งรู้จากพวกเธอว่า วันนี้เป็นวันเริ่มเทศกาลหน้ากากคาร์นิวัลประจำเกาะพอดี เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินไปยังอพาร์ตเมนต์ของโรงแรมที่ได้เช่าเอาไว้ เป็นอพาร์ตเมนท์ 2 ห้องนอน มีครัว และเครื่องซักผ้าแถมผงซักฟอกด้วย! ถูกใจแม่บ้านอย่างเรามาก ๆ เพราะทริปนี้พวกเราเดินทางจากที่อื่นกันมาก่อนและไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเยอะ พวกเราปักหลักกันที่นี่ 4 คืน และลูกก็ได้เล่นเปียโนของที่พักทุกวัน เพราะที่นี่ไม่มีทีวีให้ดู เลยมีเวลาได้ทำอย่างอื่น