ขอเริ่มการรีวิวภาพงานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์ - จุฬา ครั้งที่ 72 ด้วยภาพ 1:20 ฝั่งธรรมศาสตร์ก่อนนะคะ


ภาพเปิด “ตื่นปลุก”
การลืมตาเปรียบเสมือนเป็นการเริ่มต้นของทุกสิ่ง โดมเป็นภาพที่แทนถึงอุดมการณ์ของชาวธรรมศาสตร์ที่ยังคงยึดมั่นและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และอยากให้ทุก ๆ ภาพทุก ๆ ความทรงจำที่ทุกคนได้เห็นในวันงาน เป็นสิ่งที่จะสร้างกำลังใจ และปลุกสปิริตให้กับสังคม ให้ก้าวเดินต่อไป


ภาพ “ขอเวลาอีกไม่นาน”
ไฮไลท์อย่างนึงของธรรมศาสตร์ในครั้งที่ 72 นี้ คือการจัดมินิคอนเสิร์ตของ BNK48 เป็นการของคุณให้กับคนบนแสตนที่มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับเราในงานแปรอักษรครั้งนี้ และเป็นการบอกว่า ขอเวลาอีกไม่นาน แสตนด์ธรรมศาสตร์ในปีนี้จะพร้อมสมบูรณ์ในการแปรอักษรให้ทุกคนได้ดูกัน


ภาพ “ตราสถาบัน”
ตราธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์แทนพวกเราชาวธรรมศาสตร์ โดยธรรมจักรนี้มี 12 แฉก อันหมายถึง อริยสัจ 4 ซึ่งวนอยู่ในญาณ 3 คือ สัจจญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ และมีพานรัฐธรรมนูญอยู่ตรงกลาง อันหมายถึงการยึดมั่นและรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย  จึงอยากให้ภาพนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าผู้คนยังคาดหวังว่าเรายังยึดมั่นถือมั่นในประชาธิปไตย และไม่เคยทอดทิ้งประชาชน


ภาพ “รัชกาลใหม่”
ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรโดยมีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวัง และพระที่นั่งอนันตสมาคม ในยามเย็นกับฟ้าสีทองผ่องอำไพ ซึ่งแสดงถึงการเริ่มต้นของรัชสมัยใหม่ที่สืบทอดความเจริญรุ่งเรืองของแผ่นดินมาแต่ครั้งโบราณกาลจนถึงปัจจุบัน


ภาพ “เพราะธรรมคือทำ”
“ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน” เป็นวลีอมตะที่ทุกคนคุ้นเคย แต่มันไม่ได้เป็นแค่คำพูดสวยหรูเท่านั้น ที่นี่สอนให้ทุกคนคิดและลงมือทำเพื่อสร้างพลังและอุดมการณ์ การคิดคือภาพร่างในหัว การลงสีคือการลงมือทำที่เกิดจากคนธรรมศาสตร์ มี “โดม” เปรียบเสมือนดินสอที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆโดยการลงมือทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง


ภาพ “รหัสลับดาวินชี”
เป็นภาพสนุกๆที่อยากให้ทุกคนได้มาลองทายกัน โดยความหมายของภาพ คือการบอกว่าการรักษาคำพูดในสิ่งที่พูดออกมาคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำ เพราะมันคือความน่าเชื่อถือ และความน่าเคารพของคนที่ได้ฟัง


ภาพ “ทุ้มอยู่ในใจ”
ภาพนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่อง Kimi No Nawa หรือ Your Name โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงชายหนุ่มที่เติบโตในเมืองหลวง และหญิงสาวที่เติบโตขึ้นในชนบท ซึ่งแม้ทั้งสองดูจะมีชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกันคือต่างแสวงหาการใช้ชีวิตในแบบของอีกคน โชคชะตาทำให้ทั้งคู่พลัดพรากจากกัน แต่ในที่สุด “เวลา” ก็หมุนเปลี่ยนทำให้ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้ง ธรรมศาสตร์กับจุฬาฯก็เช่นกัน ไม่ว่าเวลาจะหมุนผ่านไปนานเท่าไหร่ มิตรภาพและอุดมการณ์ของพวกเรา2สถาบันก็ยังจะคงอยู่ และจะกลับมาพบกัน ที่งานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์  “อุดมการณ์ของจุฬา-ธรรมศาสตร์ จะยังคงก้องอยู่ในใจตลอดไป”


ภาพ “3 พระองค์”
ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9, สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยมีฉากหลังเป็นพระมหาธาตุนภเมทนีดลและ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เจดีย์คู่พระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี ตั้งอยู่ที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาพแสดงถึงความเคารพที่มีต่อท่าน 3 พระองค์ ที่ทรงทำงานหนักเพื่อคนไทยตลอดมา

เนื่องด้วยในปีนี้ เรามีคอนซ็ป “Our rise” ชาวธรรมศาสตร์จึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกคน ลุกขึ้นมาทำประโยชน์ให้กับสังคม เราจึงได้ทำแคมเปญ      “แสงแรก” ขึ้นมา เกี่ยวกับการบริจาคดวงตา โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างธรรมศาสตร์และศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย



ภาพ “ภาพแปรอักษรที่มืดที่สุดในโลก”
เป็นภาพที่อยากให้หลายคนได้คิด ในขณะที่เรากำลังสนุกกับงานบอลประเพณีอยู่นี้ ยังคงมีอีกหลายคนที่เค้ามองไม่เห็นในสิ่งที่เราเห็น เรามีโอกาสที่ดีกว่าพวกเค้า และเราสามารถช่วยเค้าได้ด้วยการบริจาคดวงตาภายหลังจากการเสียชีวิต เพื่อเปิดโอกาสให้เค้าได้มีโอกาสได้กลับมามองเห็นอีกครั้งและเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป


ภาพ “แสงสุดท้าย”
คำพูดที่ใครหลายคนเคยได้ยินจากพี่ตูนคือ “ผมชอบทำมากกว่าพูด” และพี่ตูนก็ได้ทำให้เห็นว่าเขาทำจริงๆ แต่สิ่งที่จะเกิดไม่ได้คือ หากเค้าวิ่งโดยที่ไม่มีใครสนใจ ก็คงเป็นการวิ่งเพียงอย่างเดียว แต่เพราะทุกคนช่วยกัน จึงทำให้สิ่งที่พี่ตูนทำเห็นผลและช่วยใครอีกหลายคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ และเหมือนสิ่งที่เรากำลังจะทำ คือเราหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับใครอีกหลายคนได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่มันจะไม่เกิดผลเลย ถ้าหากทุกคนนิ่งเฉย และปล่อยให้มันผ่านไป เราสามารถเปลี่ยนแสงสุดท้ายของเรา เป็นแสงแรกของใครอีกหลายคนได้ผ่านแคมเปญครั้งนี้ เพียงแค่เราช่วยกัน ประเทศไทยของเราจะเป็นประเทศที่มีแต่การให้และน่าอยู่ยิ่งขึ้นไป



ภาพ “แสงแรก”
ภาพนี้คือภาพที่แสดงถึงเจตนารมณ์ของเราในงานบอลประเพณีครั้งนี้ที่อยากให้ทุกคนร่วมกันบริจาค ในปีที่ผ่านมา มี 11,624 คน ที่รอรับการบริจาคดวงตา แต่มีเพียง 1,067 คน ที่ได้รับการผ่าตัด คนอีกจำนวนมากที่มองข้ามความสำคัญของการบริจาคดวงตา ทั้ง ๆ ที่การบริจาคดวงตานั้นทำได้ง่ายและยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนที่มองไม่เห็นได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ดวงตาของเราที่จะสูญสลาย กลับกลายเป็นตาดวงคู่ใหม่ให้กับพวกเขาได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง
www.แสงแรก.com  คือเว็บที่พวกเราทำขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้คนได้เข้าใจถึงสิ่งที่เราจะทำมากขึ้น และขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาร่วมบริจาคดวงตาภาพหลังจากการเสียชีวิต เพื่อให้โอกาสใหม่กับใครหลายคนได้กลับมามองเห็น
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริจาคดวงตากับศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย เพราะพวกเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เริ่มได้จากจุดเล็กๆคือการเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี และส่งต่อโอกาสให้กับคนอื่น “ให้แสงสุดท้ายของเรา เป็นแสงแรกของเขา” #แสงแรก