คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ปรัสเซีย สมัยพระเจ้าเฟรเดอริคที่ 2 นี่เป็นแคว้นระดับกลางครับไม่ใช่ระดับเล็ก (พอชนะออสเตรียได้ก็เลยกลายเป็นแคว้นที่ทรงอิทธิพลแคว้นนึงเลย) พอเป็นแคว้นระดับกลางแล้วก็เลยมีทางเลือกเยอะหน่อยรวมถึงการสงครามด้วย แคว้นเล็กๆ นั้นการทำสงครามจะเสี่ยงมากๆ ครับ แคว้นเล็กที่ขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ก็เช่นเวนิซ กับออสเตรียนั่นแหละครับ (เล็กสมัยศตวรรษที่ 12) แล้วก็โปรตุเกสช่วงนึง
ตามที่คุณจขกท.ให้ข้อมูลเพิ่มมาในคคห.7 มันก็ยังไม่พอ เพราะต้องดูสถานการณ์ภายนอกรัฐด้วย ยุคสมัยนี้ผู้รู้ด้านการบริหารจะให้วิเคราะห์ SWOT คือ
S- Strength จุดแข็งของเรา เช่นปรัสเซียมีกองทหารที่เข้มแข็ง หรือเวนิซ/อังกฤษอยู่บนเกาะทำให้การป้องกันประเทศทำได้ง่าย
W - Weakness จุดอ่อนของเรา เช่นปรัสเซียตอนนั้นยังล้าหลัง มีการแบ่งชนชั้นค่อนข้างมาก เวนิซเป็นประเทศเล็ก แพ้ทีเดียวสิ้นชาติได้เลย
O - Opportunity โอกาสที่เราใช้ประโยชน์ได้ เช่นตอนนั้นออสเตรียมีผู้ปกครองเป็นหญิงพอดี ไม่ค่อยได้การยอมรับ
T - Threat ความเสี่ยงภายนอกที่มีต่อเรา เช่นปรัสเซียตอนนั้นกังวลเรื่องรัสเซียที่เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่สมมติมาในคคห.ที่ 7 ผมมองว่าการค้าขายกับทั้งจีนและยุโรปทางเรือได้คือจุดแข็งมาก พื้นที่เหมาะแก่การทำเกษตรนี่ยังไม่พอ ต้องดูว่าประชากรมากน้อยแค่ไหน ถ้าการเกษตรไม่ได้ผลซักปีสองปีจะเกิดความอดอยากเลยหรือเปล่า เรื่องนี้ส่งผลต่อทรัพยากรมนุษย์ของเรา จุดอ่อนที่ว่าเหล็กน้อยนั้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ ซื้อเอาได้ถ้ามีเงิน และถ้าตั้งอาณานิคมนอกยุโรปก็หาพื้นที่ที่มีเหล็กได้เช่นกัน มีปัญหาภายในนี่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่หน่อยก็ต้องจัดการ โอกาสไม่มีบอกไว้ ส่วนความเสี่ยงก็คือภัยจากภายนอกที่ว่าประปรายกับโจรสลัด
ตามนี้ก็คงทำตามโปรตุเกสได้ครับ สนับสนุนการค้าทางทะเล ตั้งสถานีการค้า สร้างกองทัพเรือปราบโจรสลัดและป้องกันเส้นทางการค้า มีกองกำลังทหารระดับที่พอป้องกันประเทศได้ เน้นการตั้งรับ สร้างสัมพันธ์อันดีกับชาติใกล้เคียง อย่าเอาประโยชน์จากรัฐอื่น(เอาจากอาณานิคมแทน) อย่าให้รัฐอื่นใดมีอำนาจเหนือกันนัก บาลานซ์อำนาจให้ดี เอาเงินจากอาณานิคมไปช่วยชาติที่เสียเปรียบเพื่อให้ลุกขึ้นมาคานอำนาจกับอีกชาติได้ (ตรงนี้โปรตุเกสไม่ได้ทำ และคงทำไม่ได้ด้วย) ใช้เงินจ้างทหารรับจ้างหรือสนับสนุนให้รัฐห่างไกลมาช่วยถ้าจำเป็น (คบไกลตีใกล้)
เรื่องภายในก็จัดการให้เรียบร้อย ขุนนางส่วนมากทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ที่ติดกับที่ดิน เราก็แสดงให้เห็นว่าทำการค้าล่าอาณานิคมได้ประโยชน์มากกว่าที่ดินเยอะ สนับสนุนขุนนางให้แต่งเรือออกค้าขายหรือไปผจญโลกหาอาณานิคมใหม่ ที่บ้านก็รวบอำนาจการบริหารและทหารเข้าส่วนกลาง อาจต้องยอมให้สมาคมการค้ามีอำนาจบทบาทมากขึ้น ระวังพวกพ่อค้าทะเลาะกันเองแล้วทำความเสียหาย(รัฐในอิตาลีมีประจำ)
จุดสำคัญคือพอเราเริ่มรวยจากการค้ามากขึ้นชาติใกล้ๆ เราก็จะต้องอยากทำตามแน่นอนครับ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการกระทบกระทั่งกันได้และเราที่เป็นชาติเล็กจะเสียเปรียบในการรบ ต้องหารัฐชาติอื่นมาเป็นพวกให้ได้
ตามที่คุณจขกท.ให้ข้อมูลเพิ่มมาในคคห.7 มันก็ยังไม่พอ เพราะต้องดูสถานการณ์ภายนอกรัฐด้วย ยุคสมัยนี้ผู้รู้ด้านการบริหารจะให้วิเคราะห์ SWOT คือ
S- Strength จุดแข็งของเรา เช่นปรัสเซียมีกองทหารที่เข้มแข็ง หรือเวนิซ/อังกฤษอยู่บนเกาะทำให้การป้องกันประเทศทำได้ง่าย
W - Weakness จุดอ่อนของเรา เช่นปรัสเซียตอนนั้นยังล้าหลัง มีการแบ่งชนชั้นค่อนข้างมาก เวนิซเป็นประเทศเล็ก แพ้ทีเดียวสิ้นชาติได้เลย
O - Opportunity โอกาสที่เราใช้ประโยชน์ได้ เช่นตอนนั้นออสเตรียมีผู้ปกครองเป็นหญิงพอดี ไม่ค่อยได้การยอมรับ
T - Threat ความเสี่ยงภายนอกที่มีต่อเรา เช่นปรัสเซียตอนนั้นกังวลเรื่องรัสเซียที่เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่สมมติมาในคคห.ที่ 7 ผมมองว่าการค้าขายกับทั้งจีนและยุโรปทางเรือได้คือจุดแข็งมาก พื้นที่เหมาะแก่การทำเกษตรนี่ยังไม่พอ ต้องดูว่าประชากรมากน้อยแค่ไหน ถ้าการเกษตรไม่ได้ผลซักปีสองปีจะเกิดความอดอยากเลยหรือเปล่า เรื่องนี้ส่งผลต่อทรัพยากรมนุษย์ของเรา จุดอ่อนที่ว่าเหล็กน้อยนั้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ ซื้อเอาได้ถ้ามีเงิน และถ้าตั้งอาณานิคมนอกยุโรปก็หาพื้นที่ที่มีเหล็กได้เช่นกัน มีปัญหาภายในนี่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่หน่อยก็ต้องจัดการ โอกาสไม่มีบอกไว้ ส่วนความเสี่ยงก็คือภัยจากภายนอกที่ว่าประปรายกับโจรสลัด
ตามนี้ก็คงทำตามโปรตุเกสได้ครับ สนับสนุนการค้าทางทะเล ตั้งสถานีการค้า สร้างกองทัพเรือปราบโจรสลัดและป้องกันเส้นทางการค้า มีกองกำลังทหารระดับที่พอป้องกันประเทศได้ เน้นการตั้งรับ สร้างสัมพันธ์อันดีกับชาติใกล้เคียง อย่าเอาประโยชน์จากรัฐอื่น(เอาจากอาณานิคมแทน) อย่าให้รัฐอื่นใดมีอำนาจเหนือกันนัก บาลานซ์อำนาจให้ดี เอาเงินจากอาณานิคมไปช่วยชาติที่เสียเปรียบเพื่อให้ลุกขึ้นมาคานอำนาจกับอีกชาติได้ (ตรงนี้โปรตุเกสไม่ได้ทำ และคงทำไม่ได้ด้วย) ใช้เงินจ้างทหารรับจ้างหรือสนับสนุนให้รัฐห่างไกลมาช่วยถ้าจำเป็น (คบไกลตีใกล้)
เรื่องภายในก็จัดการให้เรียบร้อย ขุนนางส่วนมากทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ที่ติดกับที่ดิน เราก็แสดงให้เห็นว่าทำการค้าล่าอาณานิคมได้ประโยชน์มากกว่าที่ดินเยอะ สนับสนุนขุนนางให้แต่งเรือออกค้าขายหรือไปผจญโลกหาอาณานิคมใหม่ ที่บ้านก็รวบอำนาจการบริหารและทหารเข้าส่วนกลาง อาจต้องยอมให้สมาคมการค้ามีอำนาจบทบาทมากขึ้น ระวังพวกพ่อค้าทะเลาะกันเองแล้วทำความเสียหาย(รัฐในอิตาลีมีประจำ)
จุดสำคัญคือพอเราเริ่มรวยจากการค้ามากขึ้นชาติใกล้ๆ เราก็จะต้องอยากทำตามแน่นอนครับ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการกระทบกระทั่งกันได้และเราที่เป็นชาติเล็กจะเสียเปรียบในการรบ ต้องหารัฐชาติอื่นมาเป็นพวกให้ได้
แสดงความคิดเห็น
[อย่าซีเรียส] สมมุติเล่นๆ ว่าหากคุณเป็นผู้ครองแคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งจะทำอย่างไรในการยกระดับรัฐให้อยู่ระดับๆ กลาง สูงครับ?
เช่น การผนวกดินแดนผ่านการแต่งงาน
ยึดดินแดนที่มีทรัยยากร เช่น ปรัสเซียยึดผนวกไซลีเซีย
การออกล่าหาเมืองท่าเพื่อเป็นแหล่งตลาด และจุดท่าเรือสำหรับการขยายตลาด
เน้นพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพาจากภายนอก ตัวอย่าง ปรัสเซียสมัยเฟรเดอริคที่เน้นพึ่งพาตนเองเป็นต้น
สนับสนุนอุตสาหกรรมเบา หนัก
ลดค่าส่งออกสินค้า ตั้งกำแพงภาษีช่วยป้องกันตลาดให้
อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมอ่าน และได้ข้อมูลเกี่ยวกับปรัสเซียช่วงเฟรเดอริคจากกระทู้นี่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ครับ