สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
คือ
ทำยังไง ก็ไม่ หมด นะกระทู้แบบนี้
อันนี้ของเก่าที่ตอบไว้
// https://ppantip.com/topic/37239786?utm_source=facebook&utm_medium=pantip_page&utm_content=Boom&utm_campaign=37239786
เหตุผลเดียว ที่ ผมเห็นคือ
ผมวิเคราะห์ดังนี้นะ
คุณกลัว ว่า จะมำยังไงก็ล้ม พยามยังไงก็ไม่คุ้ม
จะเป็นเพราะว่า
1) สินค้าคุณ ไม่ดีจริง
-น่าจะไม่ เพราะ ที่เกาหลี ขายได้แสดงว่า ตัดไปได้
2)คุณ มุ่งหวังแรง กาย และอาศัย ความทุ่มเท ในการ ตอบโจทย์ชีวิต
-ถ้า จริง แม้แต่ตอนลงหลุมไปแล้ว เขาก็จะขุดคุณขึ้น มาเซ็นสัญญา
ปัญหา คุณมี อย่างเดียว
"คุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนพอ ของกลุ่มลูกค้า คุณเลยไม่มี ที่ยืนในตลาด"
ลองตอบคำถาม ผมง่ายๆ
"คนที่ ซื้อของคุณเนี่ย เขาต้อง
1)มีเงินเดือนเท่าไหร่
2)มีครอบครัว รึยัง หรือโสด
3)ถ้ามี ครอบครัว เขา มีลูกไหม ถ้ามี มีกี่คน
4)สไตล์การแต่งตัวเขาเป็นอย่างไร
5)มุมมองต่อ อนาคตเขาเป็นอย่างไร เขาชอบเงิน หรือ เขาชอบบริจาค
6)เขารับสื่อ ที่ขายสินค้า ทางไหน เฟสบุ๊ค เวปไซต์ ยูทูป
7)เขากลัวอะไร
8)เขานับถืออะไร
9)นิสัย เขาเป็นยังไง(คร่าวๆ เฉพาะส่วนที่ เข้ากับข้อดีของสินค้าเรา)
10)วงจรการจ่ายเงินเขาเป็นอย่างไร
-จ่ายกระหน่ำ เฉพาะ สัปดาห์แรก ของเดือน
-จ่ายเป็นของขวัญตัวเอง สัปดาห์ท้ายเดือน
-จ่าย ทิ้งจ่ายขว้าง เพราะ เงินเดือนไม่เดือนร้อน
-จ่าย ทุก 2 เดือน
ต้องมองให้ทะลุนะ
ตอบ ให้ครบทุกข้อ
นะครับ
อย่าเรียกร้อง ในสิ่งที่ไม่ รู้จริงครับ
กฏทอง
1)ความสำเร็จ ตั้ง อยู่บนความสำเร็จ
2)ความสำเร็จไม่เคย ตั้ง บน ความหวัง จิตนาการ
ใน ระบุคคล
ความสำเร็จของบุคคล คือการ บริหาร เวลา จัดลำดับความสำคัญ
ใน ระดับชีวิต ดูแล ชีวิตตัวเอง
ควาทสำเร็จของชีวิต ตั้งบน ความสำเร็จของการบริหาร คน บริหารเวลา บริหารแบรนด์ ไม่ใช่การ ทุ่มเท
ปล.
เหมือนๆ คุณ ไปตลาด คุณจะ เรียกคนที่คุณไม่รู้จักสักคนเดียว
คุณเรียก
"เร่ เข้ามาครับ ใครก็ได้"
คนจะเมิน
คุณต้องบอกว่า
"เฮ้ คุณที่ชอบ จักรยาน เฮ้ คุณที่ชอบ เรือใบ"
คุณต้องรู้จักคนที่ จะ ขาย และเหตุผลเบื้องหลังการขาย
เขากลัวอะไร ทำไม เขาต้องซื้อ เขาตัดสิน สินค้าจากราคา หรือคุณค่า
นี้คือความสำเร็จอย่างแรก ของ การซื้อขาย
//^
ที่คุณทำน่ะ ประมาณ ว่า
มีลูกดอก เจอ เสือก็ยิง เจอ เต่าก็ยิง เจอนกก็ยิง เจอกระต่ายก็ ยิง
ไม่ดูเลย ว่า
ลูกดอก มัน ยิง
เต่าไม่เข้า
ยิง เสือ ไม่ตาย
ยิง นกไม่ทัน
ยิงได้ แต่กระต่าย
แล้วมาบ่นว่า หลุดไปตั้งหลาย ตัว ขายได้ นิดเดียว
หา เป้าหมายลูกค้าจริงๆ ก่อนเหอะคุณ
มืออาชีพ กับ มือ สมัคร เล่น มอง ปราด เดียวรู้เลย
สมัครเล่น
เอาของมาตั้ง แล้ว หวังว่า คนจะ เข้า ร้าน ขายๆ ใส่ทุกคนที่เข้าร้าน
มืออาชีพ
รู้อยู่แล้วว่า ลูกค้าตัวจริงเขาคือ ใคร เป็นคนแบบไหน มีรายละเอียดยิบ ๆเลย
คุณจะหวัง
ให้ เอาของมาตั้ง แล้วขายๆ หวังให้คน เข้าร้าน ?
ฝันกลางวัน ไปแล้ว
โชคดี ที่ ร้านค้า มัก ไหว้ๆ เทพ ขอพร ขอโชคตอนเช้าๆน่ะ
โชคดี มี"เฉพาะ" เกมส์ ราย วัน
ใน เกมส์ รายเดือน จะมีแต่ "ฝีมือ"
(คุณจะ หวัง ให้ ใคร ไม่รู้ อยู่ๆ เดินมาหาร้าน คุณเอง ทุกวัน ตลอด ทั้ง เดือน?
ขอโทดนะสัก 2 วัน มีใครไม่รู้ที่คุณไม่ได้วางแผนไว้ มา ซื้อน่ะ เป็นไปได้
แต่ เดือนนึงนี่ 30วัน มาทุกวัน มันไม่มีคำว่าโชค)
เศรฐกิจ อาจจะไม่ดีจริง แต่วิธี การ พรีเซ้น ปัญหาคุณมันไม่ใช่อ่ะ
มืออาชีพ ต้องพูดประมาณ ว่า
ทำ การตลาด เจาะความต้องการ ลูกค้ามา แล้ว รู้ว่าจะขาย คนที่เป็นคนยังไง
แต่ ขายไม่ได้เลย
ร้านอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่าครับ แบบนี่
นี่คน มืออาชีพ พูดกัน ประมาณ ว่า หา กระต่ายยิง แต่ไม่มีกระต่าย คนอื่น เป็นไหม
ไม่ใช่
ขายมั่ว ขายทุกคน ขายเพ ไม่มีเป้าหมาย ยิง เต่าไม่เข้าเลยครับ จับได้แต่กระต่าย
ถามว่า จะจับอะไร
บอกว่า "อะไร ก็ได้ ขอแค่ได้เงิน"
มันไม่ใช่ไม่ดี แต่ ไม่ได้ผลลลล
เช่น ชั้นในก็ควร ขาย แต่ผู้หญิง ลึกไป อีก ชั้นใน ลาย ดอกไม้ ก็ควร ขายผู้หญิง วัย อ่อนใส ลึกไปอีก สีส้ม ก็แสดงว่า ต้องขาย ผู้หญิงวัย อ่อนใส ที่ กระฉับกระเฉง มีความ เปรี้ยวในตัว
สินค้าจะ มี ราคาสูงสุดและขายได้ง่าย กับคนที่เหมาะสม เช่นไป ขายเสื้อ สีส้ม ให้คนเกลียดสี ส้ม สุดยอดสกิลขายก็ไม่ช่วยอะไร ต่อให้ขายได้ ก็เหมือนลงแรง ใหญ่ เพื่อจับปลา ตัวเล็ก สู้โฟกัสไป ที่คนชอบสีส้มจริงๆ หลายๆ คน ที่อยู่ในตลาด จะขายง่าย ขายเร็ว ขายได้ เยอะ กว่ามาก
มือสมัครเล่น มักคิดว่า "สามารถขายได้ทุกคนไม่ว่า คนนั้น เป็นใคร" (มโนเยอะมากคนแบบนี้ ถ้า ทำได้จริง การเลือกตั้ง คง มีผลโหวตทีมชนะ 100 คน ต่อ ทีมแพ้ 0 คนสิ ในเมื่อขายได้ทุกคน มัดใจได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร ก็มัดใจคน ทั้งหมด ให้เลือกตั้งให้คุณก็ทำได้สิ )
เหมือน ลงแรง จับปลาทุกตัว ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ เหนื่อยเปล่า
มืออาชีพ จะคิดว่า "เราจะไม่ขาย ให้ทุกคน"
สู้ เล็งไป ที่ ปลา ชนิด เดียวไป เลย จะเหนื่อยน้อยกว่ามาก และทำได้ซ้ำๆ และมีฐานลูกค้าจริงๆ
เช่น ถ้าจะจับปลาทุกตัว ก็ต้องพา ทั้งเบ็ดแห อวด ทุกๆอย่างไป ทะเล
แต่ถ้า จะจับปลาตีน
ก็ รู้อยู่แล้วว่า ต้องออกแบบหน้าร้านยังไง ให้ปลาตีนชอบ ปลาตีนนิสัยยังไง ตรงไหนปลาตีนเยอะๆ วิธีจับปลาชนิดเดียวสามารถทำซ้ำๆ ได้ ตลอดชีวิต หากินได้ตลอดชีวิต
ถ้าจะ จับปลาทุกตัว ปลามันก็เยอะ ทุกที่ น่ะแหละ แต่ไม่ใช่ปลาทุกตัวจะ ชอบเหยื่อ ชนิดเดียวกัน เราจะ เอาเหยื่อ อะไร ล่อล่ะ ในเมื่อจะเอา ปลาหมดทุกตัว ทุกชนิดแต่ แต่ละตัวดันกิน เหยื่อไม่เหมือนกันซะงั้น
มืออาชีพ ใช้การวางแผน และความเข้าใจ
มือสมัครเล่น ใช้ความมั่นใจ และความรู้สึก (หลอกตัวเองไปล่มจมละเก่งนะ มั่นใจนิ)
อีโก้ไม่ต้องสูง "เรามั่นใจเพื่อจะ ฉลาด ไม่ใช่มั่นใจเพื่อ โง่ บอกตัวเองบ่อยๆ"
Get ไหมมม
อย่ายิง มั่ว อย่ายิง ทุกตัว ถึงหลายตัวจะน่ายิง
มืออาชีพ เท่านั้น คือเกมส์ที่คุณจะเล่น บอกตัวเอง บ่อยๆ
ทำยังไง ก็ไม่ หมด นะกระทู้แบบนี้
อันนี้ของเก่าที่ตอบไว้
// https://ppantip.com/topic/37239786?utm_source=facebook&utm_medium=pantip_page&utm_content=Boom&utm_campaign=37239786
เหตุผลเดียว ที่ ผมเห็นคือ
ผมวิเคราะห์ดังนี้นะ
คุณกลัว ว่า จะมำยังไงก็ล้ม พยามยังไงก็ไม่คุ้ม
จะเป็นเพราะว่า
1) สินค้าคุณ ไม่ดีจริง
-น่าจะไม่ เพราะ ที่เกาหลี ขายได้แสดงว่า ตัดไปได้
2)คุณ มุ่งหวังแรง กาย และอาศัย ความทุ่มเท ในการ ตอบโจทย์ชีวิต
-ถ้า จริง แม้แต่ตอนลงหลุมไปแล้ว เขาก็จะขุดคุณขึ้น มาเซ็นสัญญา
ปัญหา คุณมี อย่างเดียว
"คุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนพอ ของกลุ่มลูกค้า คุณเลยไม่มี ที่ยืนในตลาด"
ลองตอบคำถาม ผมง่ายๆ
"คนที่ ซื้อของคุณเนี่ย เขาต้อง
1)มีเงินเดือนเท่าไหร่
2)มีครอบครัว รึยัง หรือโสด
3)ถ้ามี ครอบครัว เขา มีลูกไหม ถ้ามี มีกี่คน
4)สไตล์การแต่งตัวเขาเป็นอย่างไร
5)มุมมองต่อ อนาคตเขาเป็นอย่างไร เขาชอบเงิน หรือ เขาชอบบริจาค
6)เขารับสื่อ ที่ขายสินค้า ทางไหน เฟสบุ๊ค เวปไซต์ ยูทูป
7)เขากลัวอะไร
8)เขานับถืออะไร
9)นิสัย เขาเป็นยังไง(คร่าวๆ เฉพาะส่วนที่ เข้ากับข้อดีของสินค้าเรา)
10)วงจรการจ่ายเงินเขาเป็นอย่างไร
-จ่ายกระหน่ำ เฉพาะ สัปดาห์แรก ของเดือน
-จ่ายเป็นของขวัญตัวเอง สัปดาห์ท้ายเดือน
-จ่าย ทิ้งจ่ายขว้าง เพราะ เงินเดือนไม่เดือนร้อน
-จ่าย ทุก 2 เดือน
ต้องมองให้ทะลุนะ
ตอบ ให้ครบทุกข้อ
นะครับ
อย่าเรียกร้อง ในสิ่งที่ไม่ รู้จริงครับ
กฏทอง
1)ความสำเร็จ ตั้ง อยู่บนความสำเร็จ
2)ความสำเร็จไม่เคย ตั้ง บน ความหวัง จิตนาการ
ใน ระบุคคล
ความสำเร็จของบุคคล คือการ บริหาร เวลา จัดลำดับความสำคัญ
ใน ระดับชีวิต ดูแล ชีวิตตัวเอง
ควาทสำเร็จของชีวิต ตั้งบน ความสำเร็จของการบริหาร คน บริหารเวลา บริหารแบรนด์ ไม่ใช่การ ทุ่มเท
ปล.
เหมือนๆ คุณ ไปตลาด คุณจะ เรียกคนที่คุณไม่รู้จักสักคนเดียว
คุณเรียก
"เร่ เข้ามาครับ ใครก็ได้"
คนจะเมิน
คุณต้องบอกว่า
"เฮ้ คุณที่ชอบ จักรยาน เฮ้ คุณที่ชอบ เรือใบ"
คุณต้องรู้จักคนที่ จะ ขาย และเหตุผลเบื้องหลังการขาย
เขากลัวอะไร ทำไม เขาต้องซื้อ เขาตัดสิน สินค้าจากราคา หรือคุณค่า
นี้คือความสำเร็จอย่างแรก ของ การซื้อขาย
//^
ที่คุณทำน่ะ ประมาณ ว่า
มีลูกดอก เจอ เสือก็ยิง เจอ เต่าก็ยิง เจอนกก็ยิง เจอกระต่ายก็ ยิง
ไม่ดูเลย ว่า
ลูกดอก มัน ยิง
เต่าไม่เข้า
ยิง เสือ ไม่ตาย
ยิง นกไม่ทัน
ยิงได้ แต่กระต่าย
แล้วมาบ่นว่า หลุดไปตั้งหลาย ตัว ขายได้ นิดเดียว
หา เป้าหมายลูกค้าจริงๆ ก่อนเหอะคุณ
มืออาชีพ กับ มือ สมัคร เล่น มอง ปราด เดียวรู้เลย
สมัครเล่น
เอาของมาตั้ง แล้ว หวังว่า คนจะ เข้า ร้าน ขายๆ ใส่ทุกคนที่เข้าร้าน
มืออาชีพ
รู้อยู่แล้วว่า ลูกค้าตัวจริงเขาคือ ใคร เป็นคนแบบไหน มีรายละเอียดยิบ ๆเลย
คุณจะหวัง
ให้ เอาของมาตั้ง แล้วขายๆ หวังให้คน เข้าร้าน ?
ฝันกลางวัน ไปแล้ว
โชคดี ที่ ร้านค้า มัก ไหว้ๆ เทพ ขอพร ขอโชคตอนเช้าๆน่ะ
โชคดี มี"เฉพาะ" เกมส์ ราย วัน
ใน เกมส์ รายเดือน จะมีแต่ "ฝีมือ"
(คุณจะ หวัง ให้ ใคร ไม่รู้ อยู่ๆ เดินมาหาร้าน คุณเอง ทุกวัน ตลอด ทั้ง เดือน?
ขอโทดนะสัก 2 วัน มีใครไม่รู้ที่คุณไม่ได้วางแผนไว้ มา ซื้อน่ะ เป็นไปได้
แต่ เดือนนึงนี่ 30วัน มาทุกวัน มันไม่มีคำว่าโชค)
เศรฐกิจ อาจจะไม่ดีจริง แต่วิธี การ พรีเซ้น ปัญหาคุณมันไม่ใช่อ่ะ
มืออาชีพ ต้องพูดประมาณ ว่า
ทำ การตลาด เจาะความต้องการ ลูกค้ามา แล้ว รู้ว่าจะขาย คนที่เป็นคนยังไง
แต่ ขายไม่ได้เลย
ร้านอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่าครับ แบบนี่
นี่คน มืออาชีพ พูดกัน ประมาณ ว่า หา กระต่ายยิง แต่ไม่มีกระต่าย คนอื่น เป็นไหม
ไม่ใช่
ขายมั่ว ขายทุกคน ขายเพ ไม่มีเป้าหมาย ยิง เต่าไม่เข้าเลยครับ จับได้แต่กระต่าย
ถามว่า จะจับอะไร
บอกว่า "อะไร ก็ได้ ขอแค่ได้เงิน"
มันไม่ใช่ไม่ดี แต่ ไม่ได้ผลลลล
เช่น ชั้นในก็ควร ขาย แต่ผู้หญิง ลึกไป อีก ชั้นใน ลาย ดอกไม้ ก็ควร ขายผู้หญิง วัย อ่อนใส ลึกไปอีก สีส้ม ก็แสดงว่า ต้องขาย ผู้หญิงวัย อ่อนใส ที่ กระฉับกระเฉง มีความ เปรี้ยวในตัว
สินค้าจะ มี ราคาสูงสุดและขายได้ง่าย กับคนที่เหมาะสม เช่นไป ขายเสื้อ สีส้ม ให้คนเกลียดสี ส้ม สุดยอดสกิลขายก็ไม่ช่วยอะไร ต่อให้ขายได้ ก็เหมือนลงแรง ใหญ่ เพื่อจับปลา ตัวเล็ก สู้โฟกัสไป ที่คนชอบสีส้มจริงๆ หลายๆ คน ที่อยู่ในตลาด จะขายง่าย ขายเร็ว ขายได้ เยอะ กว่ามาก
มือสมัครเล่น มักคิดว่า "สามารถขายได้ทุกคนไม่ว่า คนนั้น เป็นใคร" (มโนเยอะมากคนแบบนี้ ถ้า ทำได้จริง การเลือกตั้ง คง มีผลโหวตทีมชนะ 100 คน ต่อ ทีมแพ้ 0 คนสิ ในเมื่อขายได้ทุกคน มัดใจได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร ก็มัดใจคน ทั้งหมด ให้เลือกตั้งให้คุณก็ทำได้สิ )
เหมือน ลงแรง จับปลาทุกตัว ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ เหนื่อยเปล่า
มืออาชีพ จะคิดว่า "เราจะไม่ขาย ให้ทุกคน"
สู้ เล็งไป ที่ ปลา ชนิด เดียวไป เลย จะเหนื่อยน้อยกว่ามาก และทำได้ซ้ำๆ และมีฐานลูกค้าจริงๆ
เช่น ถ้าจะจับปลาทุกตัว ก็ต้องพา ทั้งเบ็ดแห อวด ทุกๆอย่างไป ทะเล
แต่ถ้า จะจับปลาตีน
ก็ รู้อยู่แล้วว่า ต้องออกแบบหน้าร้านยังไง ให้ปลาตีนชอบ ปลาตีนนิสัยยังไง ตรงไหนปลาตีนเยอะๆ วิธีจับปลาชนิดเดียวสามารถทำซ้ำๆ ได้ ตลอดชีวิต หากินได้ตลอดชีวิต
ถ้าจะ จับปลาทุกตัว ปลามันก็เยอะ ทุกที่ น่ะแหละ แต่ไม่ใช่ปลาทุกตัวจะ ชอบเหยื่อ ชนิดเดียวกัน เราจะ เอาเหยื่อ อะไร ล่อล่ะ ในเมื่อจะเอา ปลาหมดทุกตัว ทุกชนิดแต่ แต่ละตัวดันกิน เหยื่อไม่เหมือนกันซะงั้น
มืออาชีพ ใช้การวางแผน และความเข้าใจ
มือสมัครเล่น ใช้ความมั่นใจ และความรู้สึก (หลอกตัวเองไปล่มจมละเก่งนะ มั่นใจนิ)
อีโก้ไม่ต้องสูง "เรามั่นใจเพื่อจะ ฉลาด ไม่ใช่มั่นใจเพื่อ โง่ บอกตัวเองบ่อยๆ"
Get ไหมมม
อย่ายิง มั่ว อย่ายิง ทุกตัว ถึงหลายตัวจะน่ายิง
มืออาชีพ เท่านั้น คือเกมส์ที่คุณจะเล่น บอกตัวเอง บ่อยๆ
ความคิดเห็นที่ 16
ปี 2018 แล้ว ยังคิดอะไรแบบนี้อีกเหรอครับ อยากให้ลองดูตามนี้นะครับ
1) ตั๋ว concert ศิลปินฝรั่งเกลี้ยงทุกราย (หรือเกือบทุกราย) ตั๋วไม่ได้ถูกนะครับ ครึ่งหมื่นถึงหมื่นกว่าๆ ก็มี ยิ่งเกาหลีนี่หมดใน 5 นาที
2) ลองดูแถวที่ทำงาน รถส่งของลาซาด้าวิ่งเช้าเย็น คนยืนรอของเพียบ
3) After U เปิดแล้วเปิดอีก คนก็ยืนรอกิน ยิ่งช่วงเย็นนี่รอไปเหอะ
4) Bon Chon ด้วย
5) Starbucks คนยืนต่อแถวอย่างกับแจกฟรี
6) กำไรบริษัทในตลาดโตทุกปี โดยเฉพาะพวก Retail บริษัทบอกว่าแย่ๆ ก็โตเอาๆ
7) ยอดรถ BMW หรือ BENZ หรือรถหรูพุ่งมากสองสามปีละครับ มองไปรอบๆ ตัวครับ BMW BENZ เกลื่อนมาก ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ
8) ฯลฯ
คือนี่มันยุคดิจิตอลแล้วครับ คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม เห็นใครทำอะไรรุ่งก็แห่ไปทำ พอขายไม่ได้แล้วก็บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ไม่รู้นะ ส่วนตัวผมว่ามันอยู่ที่กึ๋นนะ มีร้านกาแฟเปิดใกล้ๆ ออฟฟิศ ร้านอื่นเงียบ ร้านนี้ขายไป 500-600 แก้วต่อวัน (คิดดูว่าเดือนนึงรายได้กี่บาท เหลือกำไรกี่บาท) มันต้องมีความแตกต่างแหละครับ ระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนล้มเหลว คนที่โทษคนอื่นกับคนที่หันกลับมาดู มาวิเคราะห์ตัวเอง แล้วพาธุรกิจก้าวต่อไป
ฝากไว้แค่นี้ครับ ลองคิดดู
1) ตั๋ว concert ศิลปินฝรั่งเกลี้ยงทุกราย (หรือเกือบทุกราย) ตั๋วไม่ได้ถูกนะครับ ครึ่งหมื่นถึงหมื่นกว่าๆ ก็มี ยิ่งเกาหลีนี่หมดใน 5 นาที
2) ลองดูแถวที่ทำงาน รถส่งของลาซาด้าวิ่งเช้าเย็น คนยืนรอของเพียบ
3) After U เปิดแล้วเปิดอีก คนก็ยืนรอกิน ยิ่งช่วงเย็นนี่รอไปเหอะ
4) Bon Chon ด้วย
5) Starbucks คนยืนต่อแถวอย่างกับแจกฟรี
6) กำไรบริษัทในตลาดโตทุกปี โดยเฉพาะพวก Retail บริษัทบอกว่าแย่ๆ ก็โตเอาๆ
7) ยอดรถ BMW หรือ BENZ หรือรถหรูพุ่งมากสองสามปีละครับ มองไปรอบๆ ตัวครับ BMW BENZ เกลื่อนมาก ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ
8) ฯลฯ
คือนี่มันยุคดิจิตอลแล้วครับ คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม เห็นใครทำอะไรรุ่งก็แห่ไปทำ พอขายไม่ได้แล้วก็บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ไม่รู้นะ ส่วนตัวผมว่ามันอยู่ที่กึ๋นนะ มีร้านกาแฟเปิดใกล้ๆ ออฟฟิศ ร้านอื่นเงียบ ร้านนี้ขายไป 500-600 แก้วต่อวัน (คิดดูว่าเดือนนึงรายได้กี่บาท เหลือกำไรกี่บาท) มันต้องมีความแตกต่างแหละครับ ระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนล้มเหลว คนที่โทษคนอื่นกับคนที่หันกลับมาดู มาวิเคราะห์ตัวเอง แล้วพาธุรกิจก้าวต่อไป
ฝากไว้แค่นี้ครับ ลองคิดดู
ความคิดเห็นที่ 13
เศรษฐกิจแย่หรือลูกค้าเขาเลือกได้มากขึ้นครับ ??
สมัยนี้คนซื้อเขามีทางเลือกมากขึ้นถ้าตามไม่ทันทำอะไรก็เจ๊งครับ
ตลาดนัดเปิดทุกมุมเมือง ห้างเกิดมาเพียบ คนใช้บริการเท่าเดิม
เขาก็เลือกไปตามที่เขาชอบหรือเขาสนใจ
ผมเองทำงานประจำแต่ก็ทำร้านขายของกับเพื่อนโชคดีมากที่เพื่อนพูดจีนได้
แถวร้านมีโรงแรมที่คนจีนชอบเข้ามาพัก เพื่อนก็เลยแอบส่องนักท่องเทียวจีนตามโซลเขียล
กดตามเว็บของพวกยุโรบ ดู แฮชแท็คว่าเขาสนใจอะไร ผมก็จะไปหามาเข้าร้าน
ตอนนี้ขายมา4ปีแล้วยังไม่เจ๊งครับ จริงๆว่าจะขายทัวร์ ขายบ้านพัก ตามต่างจังหวัดเพิ่มด้วยซ้ำ
กำลังคิดๆอยู่ว่าจะทำแบบใหนถึงจะมีนักท่องเทียวมาซื้อ
เรื่องเสื้อผ้า ผมเองก็ไม่ซื้อของตลาดนัดนะ มันไม่ค่อยดี สมัยนี้ซื้อยูนิโคลเอา
4-5ร้อยราคาไม่ได้แพง เรื่องรับเหมานี่ลืมไปได้เลยถ้าไม่มั่นใจไม่จ้างจริงๆ
ขนาดมั่นใจยังทำห่วยๆให้เลย ยังเซ็งอยุ่ 555
สมัยนี้คนซื้อเขามีทางเลือกมากขึ้นถ้าตามไม่ทันทำอะไรก็เจ๊งครับ
ตลาดนัดเปิดทุกมุมเมือง ห้างเกิดมาเพียบ คนใช้บริการเท่าเดิม
เขาก็เลือกไปตามที่เขาชอบหรือเขาสนใจ
ผมเองทำงานประจำแต่ก็ทำร้านขายของกับเพื่อนโชคดีมากที่เพื่อนพูดจีนได้
แถวร้านมีโรงแรมที่คนจีนชอบเข้ามาพัก เพื่อนก็เลยแอบส่องนักท่องเทียวจีนตามโซลเขียล
กดตามเว็บของพวกยุโรบ ดู แฮชแท็คว่าเขาสนใจอะไร ผมก็จะไปหามาเข้าร้าน
ตอนนี้ขายมา4ปีแล้วยังไม่เจ๊งครับ จริงๆว่าจะขายทัวร์ ขายบ้านพัก ตามต่างจังหวัดเพิ่มด้วยซ้ำ
กำลังคิดๆอยู่ว่าจะทำแบบใหนถึงจะมีนักท่องเทียวมาซื้อ
เรื่องเสื้อผ้า ผมเองก็ไม่ซื้อของตลาดนัดนะ มันไม่ค่อยดี สมัยนี้ซื้อยูนิโคลเอา
4-5ร้อยราคาไม่ได้แพง เรื่องรับเหมานี่ลืมไปได้เลยถ้าไม่มั่นใจไม่จ้างจริงๆ
ขนาดมั่นใจยังทำห่วยๆให้เลย ยังเซ็งอยุ่ 555
ความคิดเห็นที่ 97
วิกฤติปี 61 เจอวิกฤติ covid19 กลายเป็นเด็กไปเลย ลงทุนร้านอาหารก็เปิดไม่ได้ ร้านอาหารที่ผมกินเจ๊งกันระนาวน่าเสียดายจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวก็เงียบ งานก่อสร้างเจอปัญหาหนักกว่าเดิม 2 เท่าตัว แต่ใช่ว่าจะทุกที่บริษัทน้องผมผลประกอบการดีมาก บริษัทชื่อบิทคับทำเกี่ยวกับคริปโต บิทคอย ผมเลยมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังเป็นที่ต้องการ แต่ความยากคือเราจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไรนี่สิ
ความคิดเห็นที่ 74
คือ จริงๆ คนพันทิป ส่วนมาก นะครับ เป้นชนชั้นกลาง.ค่อนไปทางสูง จากการอ่านคอมเม้นท์
คือส่วนมากเป้นมนุษย์เงินเดือน หรือเจ้าของธุรกิจ เป้นคนรุ่นใหม่..ทีเพิ่งออกมาทำธุรกิจ เป้นจำนวนมาก
ดังนั้น ไฟ..ยังมี..หัวยังแล่น..ส่วนมากเกาะกลุ่มฐานกลาง-บนของตลาด ที่ยังพอ ไปได้ ในสถานการณ์เศรษฐกิจ ปัจจุบัน
ถ้าเรามองเฉพาะ เขตเมืองหลวง หรือ เมืองใหญ่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศนี้.. ประเทศนี้ เศรษฐกิจ ดีครับ
รถยุโรป ไฮเอนด์ ออกกันเป้นว่าเล่น. เบนซ์ บีเอ็ม จากเดิมที่ เป้นรถหรุ พรีเมี่ยม..ปัจจุบัน วิ่งกัน เกลื่อนถนน
ร้านค้า ร้านอาหารพรีเมี่ยม คนต่อคิว หยั่งกะแจกฟรี.. อันนั้นเป้นเรื่องจริง.ครับ
การค้าขายออนไลน์ เคอรี่ ขยายตัวสูงสุด ก็จริงครับ.
แต่เป้นความจริงของสังคม.เพียงกลุ่มเดียว.. ตลาดส่วน นี้เป้นตลาดกลางสูง-ตลาดบน ..ที่ได้รับผลกระทบน้อย จากวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้ ครับ
ซึ่ง คุณถ้าเป้น การทำธุรกิจ ฐานราก เล็ก น้อยๆ มาปรึกษา คุณจะถูกตราหน้า ว่า ไม่รุ้จักปรับตัว..ไม่มีหัวในการทำการค้า..
ให้ดู พวกอายุน้อย ร้อยล้าน พันล้านเค้าทำอย่างไร?? เอาจริงๆ พวกอายุ น้อย ร้อยล้านเนียะ ก็มีทั้งร้อยจริง กับร้อยเก๊.. หนี้ท่วมหัวอยู่เต็มตลาด
คือ เปรียบไปเหมือน ดาราซุปเปอร์สตาร์ คุณชี้ให้ ไปดู อั้ม ให้ไป ดูใหม่ ดาวิกา ให้ดูเจมส์ จิ ณเดช
แต่ในความเป้นจริง ประเทศนี้..มีคนเป้นซุปเปอร์สตาร์ ได้ไม่กี่คน... คนเป้นดารา เกรด ฺA ก็ไม่กี่คน.. แต่คนเป้นดาราเกรด B เป้นตัวประกอบ มีอยู่เยอะ และที่เหมือนกัน คือ บ่นไปเหอะ ไม่มีใครสนใจ คุณในวงการนี้หรอก
ประเทศไทย มัน 70 กว่า จังหวัด มีพลเมือง หกสิบกว่า ล้านคน.. กลุ่มคน ที่ใช้จ่าย ในระดับ ไฮเอนด์..ที่ ดูเฟื่องฟู หรูหรา.. มีไม่น่าจะเกิน สิบเปอร์เซ้นต์ หรือ ให้มากๆ คือ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์..
กลุ่มคนส่วนที่เหลือ ที่ประสพปัญหาทางเศรษฐกิจ คนกลุ่มนี้ ไม่มีใครมองหรอกครับ..เพราะ คนเหล่านี้ บางคนเป้นคนอายุมากบางคน ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน แหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจ.. ที่ เอาจริงๆ รัฐควรสร้างลู่ทางให้..ด้วยซ้ำ.. แต่หลายท่าน เกรงว่า การวิจารณ์ จะทำให้ กระทบกับรัฐบาลเผด็จการที่เค้ารัก.. และเรียกร้องมา.. เลย เลือกจะทำหูทวนลม และปล่อยให้คน ที่ประสพปัญหา คนขาดโอกาส เป้นคนขี้แพ้.. เป็นคนที่ไม่รุ้จักพัฒนา ตนเองหรือเป้นคนขี้เกียจ แบมือรอความช่วยเหลือจากรัฐ
ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่า ถ้าจะเทียบความหนักของ งาน คนเหล่านั้น อาจจะทำงานหนัก กว่าหลายสิบเท่าก็เป้นได้..แต่ขาดโอกาส เพราะสภาวะเศรษฐกิจ ที่เป้นรายได้ หลักของ ฐานรากของประเทศ..มันได้รับผลกระทบ
กลุ่มฐานรากของประเทศที่ ทำมาหากิน ค้าขาย กับ คนฐานราก ที่เป้น กลุ่มกลางล่าง-จนถึงกลุ่มฐานราก.ที่มีรายได้ พอเลี้ยงตน เอง กลุ่มนี้ ประสพปัญหาหนัก.จาก ภาวะ สินค้าเกษตร ราคาตกต่ำ.. ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายและบริโภค ถดถอย เนื่องจากรายได้ ต่ำแต่ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นๆ
และกลุ่มวัยกลางคน ที่เริ่มลด และกำลังแก้ปัญหา หนี้สินครัวเรือน.. ที่ครั้งนึง กลุ่มคนกลุ่มนี้ ที่เป้น ฐานราก เคยถูก ตำหนิ ด่าว่า ว่าเป้นกลุ่มที่สร้างหนี้ครัวเรือน ของไทยให้สูง เป้นเกษตรกร เป้นคนรายได้น้อย ไม่เจียมตัว..บังอาจ ออกรถ กระบะ ออกมอเตอร์ไซด์ กินเหล้าขาว กินแม่โขง ไม่เจียมเนื้อเจียมตัว.. (ซึ่งคนเหล่านี้. ถึงวัย ที่เริ่มถดถอย ทั้งสภาพร่างกาย และ ไฟในการทำงาน ก็เริ่ม พยายามหาทางลดการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน)
ส่วน กลุ่มคนรุ่นใหม่ ไฟแรง - วัยกลางคนที่ยังไม่ไฟ เพราะอยู่ในกลุ่ม กลางสูง-สูง ที่มีรายได้ มี พาวเวอร์ในการก่อหนี้..ก็กำลังก่อหนี้ มหาศาล ทั้งจาก การซื้อบ้าน - รถยนต์ไฮคลาส..คอนโด ..มือถือ กินหรู อยู่ดี..จากการทำธุรกิจ ขาขึ้น และซื้อ-บริโภคสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพวกเค้าเรียกมันว่า "ทรัพย์สิน" และ "ชีวิตดีดี"
ถ้าธุรกิจ คุณ อยุ่ในตลาด กลุ่มนี้ ธุรกิจคุณเป้นขาขึ้น...และโดยมาก สตาร์ท อัพ คนรุ่นใหม่.ที่เพิ่งทำธุรกิจ..และจับทางตลาดได้ถูก.ส่วนมาก มันอยู่ใน ภาวะ ที่เป้นขาขึ้น..บางคน ยังไม่เคย เจอวิกฤติหนัก ในมุม ของธุรกิจตัวเองเลย.. แต่สั่งสอน คนทำธุรกิจ มายี่สิบสามสิบปีได้ ด้วยคำว่า ไม่พัฒนา ..คือ ตอนเป้นขาขึ้น ทุกอย่างดีหมด. ทำอะไรก็ราบรื่น.. แต่พอเป้นขาลง การแก้ไขปัญหามันยาก ซึ่งผมเชื่อว่า หลายคนเป้นแค่มนุษย์เงินเดือนที่ทำ ไซด์ไลน์ ขายของ ยังไม่เคยเจอวิกฤติ ทางธุรกิจหนักๆ จริงๆ ด้วยซ้ำ
ส่วนคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่เป้น คนฐานราก ที่มีปัญหา ทางเศรษฐกิจ.. คุณไม่ได้ แปลกหรือ ไม่รุ้จักพัฒนา อะไรหรอกครับ.. ปัญหาเศรษฐกิจ ใระบบ ฐานราก มันมีจริง และคุณไม่ใช่คนเดียว ที่เป้น. ธุรกิจที่ทำมาค้าขายกับคน ฐานรากของประเทศ กับเกษตรกร.. กำลังกัดฟัน กลืน เลือด อยุ่จำนวนไม่น้อย.. ไม่ใช่เพราะเค้าไม่รุ้จักปรับตัว..ไม่ใช่เพราะ เค้า ขี้เกียจไม่ขยันหารายได้เสริม
แต่เป้นเพราะเค้าอยู่ในกลุ่มธุรกิจ ที่กำลัง ประสพปัญหา ด้านเศรษฐกิจ ..ทีเ่กิดจาก การบริหารของรัฐบาล ที่สร้าง ความถ่างของเศรษฐกิจ แบ่งแยก ความรวย- ความจนให้ชัดเจน ขึ้น.. เอาจริงๆ ถ้ายึดหลักบริหาร ลักษณะนี้. ผมว่าสักวัน เกิดระบบ วรรณะทางเศรษฐกิจ ที่ชัดเจน ผมก็ไม่แปลกใจอะไร
ดังนั้น ผมมาปลอบใจ เจ้าของกระทู้ว่า. อดทน อดกลั้น ไว้ครับ. ปัญหา มา ก็แก้ไขไปตามหน้างาน.. ทุกวิกฤติ มีคนล้ม มีคนรอด มีคนรุ่ง ..แต่ถ้าเรากัดฟัน ไม่ตาย ซะอย่าง.. เราเกิดใหม่ได้ เสมอ..
โชคดี
คือส่วนมากเป้นมนุษย์เงินเดือน หรือเจ้าของธุรกิจ เป้นคนรุ่นใหม่..ทีเพิ่งออกมาทำธุรกิจ เป้นจำนวนมาก
ดังนั้น ไฟ..ยังมี..หัวยังแล่น..ส่วนมากเกาะกลุ่มฐานกลาง-บนของตลาด ที่ยังพอ ไปได้ ในสถานการณ์เศรษฐกิจ ปัจจุบัน
ถ้าเรามองเฉพาะ เขตเมืองหลวง หรือ เมืองใหญ่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศนี้.. ประเทศนี้ เศรษฐกิจ ดีครับ
รถยุโรป ไฮเอนด์ ออกกันเป้นว่าเล่น. เบนซ์ บีเอ็ม จากเดิมที่ เป้นรถหรุ พรีเมี่ยม..ปัจจุบัน วิ่งกัน เกลื่อนถนน
ร้านค้า ร้านอาหารพรีเมี่ยม คนต่อคิว หยั่งกะแจกฟรี.. อันนั้นเป้นเรื่องจริง.ครับ
การค้าขายออนไลน์ เคอรี่ ขยายตัวสูงสุด ก็จริงครับ.
แต่เป้นความจริงของสังคม.เพียงกลุ่มเดียว.. ตลาดส่วน นี้เป้นตลาดกลางสูง-ตลาดบน ..ที่ได้รับผลกระทบน้อย จากวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้ ครับ
ซึ่ง คุณถ้าเป้น การทำธุรกิจ ฐานราก เล็ก น้อยๆ มาปรึกษา คุณจะถูกตราหน้า ว่า ไม่รุ้จักปรับตัว..ไม่มีหัวในการทำการค้า..
ให้ดู พวกอายุน้อย ร้อยล้าน พันล้านเค้าทำอย่างไร?? เอาจริงๆ พวกอายุ น้อย ร้อยล้านเนียะ ก็มีทั้งร้อยจริง กับร้อยเก๊.. หนี้ท่วมหัวอยู่เต็มตลาด
คือ เปรียบไปเหมือน ดาราซุปเปอร์สตาร์ คุณชี้ให้ ไปดู อั้ม ให้ไป ดูใหม่ ดาวิกา ให้ดูเจมส์ จิ ณเดช
แต่ในความเป้นจริง ประเทศนี้..มีคนเป้นซุปเปอร์สตาร์ ได้ไม่กี่คน... คนเป้นดารา เกรด ฺA ก็ไม่กี่คน.. แต่คนเป้นดาราเกรด B เป้นตัวประกอบ มีอยู่เยอะ และที่เหมือนกัน คือ บ่นไปเหอะ ไม่มีใครสนใจ คุณในวงการนี้หรอก
ประเทศไทย มัน 70 กว่า จังหวัด มีพลเมือง หกสิบกว่า ล้านคน.. กลุ่มคน ที่ใช้จ่าย ในระดับ ไฮเอนด์..ที่ ดูเฟื่องฟู หรูหรา.. มีไม่น่าจะเกิน สิบเปอร์เซ้นต์ หรือ ให้มากๆ คือ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์..
กลุ่มคนส่วนที่เหลือ ที่ประสพปัญหาทางเศรษฐกิจ คนกลุ่มนี้ ไม่มีใครมองหรอกครับ..เพราะ คนเหล่านี้ บางคนเป้นคนอายุมากบางคน ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน แหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจ.. ที่ เอาจริงๆ รัฐควรสร้างลู่ทางให้..ด้วยซ้ำ.. แต่หลายท่าน เกรงว่า การวิจารณ์ จะทำให้ กระทบกับรัฐบาลเผด็จการที่เค้ารัก.. และเรียกร้องมา.. เลย เลือกจะทำหูทวนลม และปล่อยให้คน ที่ประสพปัญหา คนขาดโอกาส เป้นคนขี้แพ้.. เป็นคนที่ไม่รุ้จักพัฒนา ตนเองหรือเป้นคนขี้เกียจ แบมือรอความช่วยเหลือจากรัฐ
ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่า ถ้าจะเทียบความหนักของ งาน คนเหล่านั้น อาจจะทำงานหนัก กว่าหลายสิบเท่าก็เป้นได้..แต่ขาดโอกาส เพราะสภาวะเศรษฐกิจ ที่เป้นรายได้ หลักของ ฐานรากของประเทศ..มันได้รับผลกระทบ
กลุ่มฐานรากของประเทศที่ ทำมาหากิน ค้าขาย กับ คนฐานราก ที่เป้น กลุ่มกลางล่าง-จนถึงกลุ่มฐานราก.ที่มีรายได้ พอเลี้ยงตน เอง กลุ่มนี้ ประสพปัญหาหนัก.จาก ภาวะ สินค้าเกษตร ราคาตกต่ำ.. ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายและบริโภค ถดถอย เนื่องจากรายได้ ต่ำแต่ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นๆ
และกลุ่มวัยกลางคน ที่เริ่มลด และกำลังแก้ปัญหา หนี้สินครัวเรือน.. ที่ครั้งนึง กลุ่มคนกลุ่มนี้ ที่เป้น ฐานราก เคยถูก ตำหนิ ด่าว่า ว่าเป้นกลุ่มที่สร้างหนี้ครัวเรือน ของไทยให้สูง เป้นเกษตรกร เป้นคนรายได้น้อย ไม่เจียมตัว..บังอาจ ออกรถ กระบะ ออกมอเตอร์ไซด์ กินเหล้าขาว กินแม่โขง ไม่เจียมเนื้อเจียมตัว.. (ซึ่งคนเหล่านี้. ถึงวัย ที่เริ่มถดถอย ทั้งสภาพร่างกาย และ ไฟในการทำงาน ก็เริ่ม พยายามหาทางลดการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน)
ส่วน กลุ่มคนรุ่นใหม่ ไฟแรง - วัยกลางคนที่ยังไม่ไฟ เพราะอยู่ในกลุ่ม กลางสูง-สูง ที่มีรายได้ มี พาวเวอร์ในการก่อหนี้..ก็กำลังก่อหนี้ มหาศาล ทั้งจาก การซื้อบ้าน - รถยนต์ไฮคลาส..คอนโด ..มือถือ กินหรู อยู่ดี..จากการทำธุรกิจ ขาขึ้น และซื้อ-บริโภคสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพวกเค้าเรียกมันว่า "ทรัพย์สิน" และ "ชีวิตดีดี"
ถ้าธุรกิจ คุณ อยุ่ในตลาด กลุ่มนี้ ธุรกิจคุณเป้นขาขึ้น...และโดยมาก สตาร์ท อัพ คนรุ่นใหม่.ที่เพิ่งทำธุรกิจ..และจับทางตลาดได้ถูก.ส่วนมาก มันอยู่ใน ภาวะ ที่เป้นขาขึ้น..บางคน ยังไม่เคย เจอวิกฤติหนัก ในมุม ของธุรกิจตัวเองเลย.. แต่สั่งสอน คนทำธุรกิจ มายี่สิบสามสิบปีได้ ด้วยคำว่า ไม่พัฒนา ..คือ ตอนเป้นขาขึ้น ทุกอย่างดีหมด. ทำอะไรก็ราบรื่น.. แต่พอเป้นขาลง การแก้ไขปัญหามันยาก ซึ่งผมเชื่อว่า หลายคนเป้นแค่มนุษย์เงินเดือนที่ทำ ไซด์ไลน์ ขายของ ยังไม่เคยเจอวิกฤติ ทางธุรกิจหนักๆ จริงๆ ด้วยซ้ำ
ส่วนคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่เป้น คนฐานราก ที่มีปัญหา ทางเศรษฐกิจ.. คุณไม่ได้ แปลกหรือ ไม่รุ้จักพัฒนา อะไรหรอกครับ.. ปัญหาเศรษฐกิจ ใระบบ ฐานราก มันมีจริง และคุณไม่ใช่คนเดียว ที่เป้น. ธุรกิจที่ทำมาค้าขายกับคน ฐานรากของประเทศ กับเกษตรกร.. กำลังกัดฟัน กลืน เลือด อยุ่จำนวนไม่น้อย.. ไม่ใช่เพราะเค้าไม่รุ้จักปรับตัว..ไม่ใช่เพราะ เค้า ขี้เกียจไม่ขยันหารายได้เสริม
แต่เป้นเพราะเค้าอยู่ในกลุ่มธุรกิจ ที่กำลัง ประสพปัญหา ด้านเศรษฐกิจ ..ทีเ่กิดจาก การบริหารของรัฐบาล ที่สร้าง ความถ่างของเศรษฐกิจ แบ่งแยก ความรวย- ความจนให้ชัดเจน ขึ้น.. เอาจริงๆ ถ้ายึดหลักบริหาร ลักษณะนี้. ผมว่าสักวัน เกิดระบบ วรรณะทางเศรษฐกิจ ที่ชัดเจน ผมก็ไม่แปลกใจอะไร
ดังนั้น ผมมาปลอบใจ เจ้าของกระทู้ว่า. อดทน อดกลั้น ไว้ครับ. ปัญหา มา ก็แก้ไขไปตามหน้างาน.. ทุกวิกฤติ มีคนล้ม มีคนรอด มีคนรุ่ง ..แต่ถ้าเรากัดฟัน ไม่ตาย ซะอย่าง.. เราเกิดใหม่ได้ เสมอ..
โชคดี
แสดงความคิดเห็น
++ปี2561 เศรษฐกิจแย่กันถ้วนหน้า ไม่รู้จะทำอาชีพอะไร ที่อยู่รอด ไม่เจ๊ง!! ++
ปี59 เห็นพวกครีมสบู่ขายดีกันโครมๆ เราก็เลยลองไปศึกษาลงทุนทำดูเกือบปี กำลังจะดีขึ้น เหตการ์ณบ้านเมืองก็แย่ ชะงัก หลังๆวงการนี้ก็ทำขายกันเกลื่อนเลยน่าเบื่อ แพ้คนที่ทุ่มการตลาดเยอะๆใช้ดารามาเป็นบอส ก็เลยออกมาดีกว่า
ปี60 ลองลุยด้านร้านอาหาร แรกๆ ดีขายได้6,000-10,000อร่อยมากลูกค้าชอบกันทุกคน แต่พอกลางปี ลูกค้าหายเงียบหมด หมดแบบทุกร้านในแถวนั้นอีก2-3ร้าน งงมาก จากปกติล้นทุกโต๊ะ ร้านอ่ืนก็โด่งดังมา2-3ปี ก็บ่นว่าเงียบมากหายไปเกือบครึ่ง เลยปรับเปลี่ยนหาทำเลใหม่ ใกล้ชุมชน วัด ยอดขายก็ได้แค่2.000-3,000 เหนื่อยวิ่งซื้อของทุกเช้า หักลูกน้อง น้ำมัน เมื่อไม่คุ้มก็ต้องเลิก
นึกว่าทำเลไม่ดี ปลายปีเลยลองเข้าตลาด แต่เป็นตลาดใหม่ ขายเสื้อผ้ามือสอง ขายดี6,000+ แต่ไม่ถึงเดือนตลาดก็เงียบ สุดท้ายตลาดเจ้ง แม่ค้าหายหมด
ตอนนนี้ก็เหลือของเต็มขโยงที่บ้าน ว่าจะไปวิ่งตลาดนัดแต่ก็เหนื่อยสำหรับคนเดียวอายุ41
คิดแล้วท้อ เครียดมากค่ะ หันไปทางไหนก็มืดมน ปกติทำก่อสร้างกับแฟน ก็เจอปัญหาคนงานต่างด้าวอีก ต้องวุ่นทำบัตรทำเสร็จพอเรางานน้อยก็ออก ตอนนี้ตลาดสร้างใหม่เพียบแต่แถวบ้านเจ๊งไปเลยค่ะ3ตลาด เป็นภาวะที่แย่มาก ไม่เคยเจอเศรษฐกิจแบบนี้เลย
เพื่อนๆมีใครแนะนำได้บ้างคะ ทำธุรกิจอะไรดีที่จะรอดก็พอ แบ่งประสบการณ์กันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ