[CR] เรียนฟรีแถมให้เงินใช้ มีอยู่จริงในโลก ทุนรัฐบาลจีน

เรียนฟรีแถมให้เงินใช้ มันมีอยู่จริงในโลกจริงๆค่ะ ขอเกริ่นก่อนนะคะ คือเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเราได้รับทุนรัฐบาลจีน One Belt One Road (OBOR) หรือจะเรียกว่า Belt and Road Initiative ก็ได้ค่ะ เพื่อเรียนต่อ ป โท ในสาขา WTO Economics and Law ที่มหาวิทยาลัย University of International Business and Economics (UIBE) ในปักกิ่ง โดยที่ทุนนี้เป็นทุนให้เปล่าเต็มจำนวนเหมือนกับทุน CSC ปกติที่หลายคนรู้จักเลยค่ะ เพียงแต่ว่า OBOR เป็นสิ่งที่จีนกำลังผลักดันและให้ความสำคัญมาก ซึ่งวัตถุประสงค์หนึ่งของ OBOR ก็คือการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยการส่งเสริมและร่วมมือกันทางการศึกษา ทำให้ปีที่ผ่านมาหลายมหาวิทยาลัยของจีนจึงเปิดหลักสูตรเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์นี้ รวมถึงมหาลัยและคณะของเราด้วยค่ะ


สำหรับรายละเอียดว่า CSC คืออะไร หรือขั้นตอนโดยละเอียดที่เราไม่ได้กล่าวถึง เพื่อนๆสามารถหาดูกระทู้ก่อนๆได้ตามนี้นะคะ
https://ppantip.com/topic/33425502
http://topicstock.ppantip.com/library/topicstock/2012/07/K12327485/K12327485.html


ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วหลังจากที่เราได้รับการตอบรับทุนเต็มจำนวนเพื่อเรียนต่อปริญญาโทในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ แล้วช่วงนี้หลายๆมหาลัยในจีนก็เริ่มเปิดรับสมัครทุนแล้วด้วยค่ะ เราเลยอยากจะมาแชร์การเตรียมตัว ขั้นตอน และประสบการณ์บางอย่างของเราในการยื่นสมัครทุนรัฐบาลจีนค่ะ ก่อนจะเข้าเรื่องเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ การขอทุนมันไม่ได้ยากเกินไป แต่ก็ขอทุนเรียนฟรีอะเนอะ... มันก็มีความวุ่นวายในขั้นตอน เตรียมเอกสาร ตรวจร่างกาย ส่งเอกสาร และขั้นตอนที่ทรมานที่สุดก็คือการรอๆๆๆๆๆๆๆ นานมากๆๆๆ

มาเริ่มกันเลยค่ะ สำหรับเรา เราเริ่มจากการเลือกมหาลัย เลือกคณะ และเลือกเมือง ที่อยากจะไปจากเว็ปไซด์นี้ค่ะ http://www.csc.edu.cn/studyinchina/programsearchen.aspx โดยเราสามารถ filter และใส่คีย์เวิร์ดเป็นคณะที่เราสนใจได้เลยค่ะ ตอนนั้นเราลิสท์ไว้ประมาณ 4 ที่ค่ะ

จากนั้นเราก็ติดตามข่าวสารต่างๆจาก FB Page: ThaiCSC https://www.facebook.com/search/top/?q=thai%20csc ว่ามหาลัยที่เราอยากจะเรียนเริ่มเปิดรับสมัครรึยัง โดยสมาชิกเพจจะช่วยกันเอาประกาศรับสมัครของแต่ละมหาลัยมาโพสตลอดค่ะ เป็นกลุ่มที่ active และมีประโยชน์มากๆๆๆๆสำหรับคนที่อยากจะขอทุน

ระหว่างนี้ก็ต้องเตรียมตัวสอบ IELTS/ TOEFL หรือ HSK ตาม requirement ของแต่ละมหาลัย โดยปกติถ้าไปเรียนภาคอินเตอร์จะสามารถเลือกได้ระหว่าง IELTS กับ TOEFL และไม่ต้องใช้คะแนน HSK
ส่วนเกณฑ์ขั้นต่ำก็แล้วแต่ว่ามหาลัยไหนจะกำหนดไว้ที่เท่าไรค่ะ ส่วนของมหาลัยเรากำหนด IELTS ไว้ที่ 6.5 ค่ะ แล้วก็เตรียมพวกเอกสารต่างๆ เช่น recommendation letter 2 ฉบับ, Study Plan/ SOP, Transcript, หนังสือรับรอง, ผลตรวจร่างกาย...... แล้วก็ใบสมัครทุนของ CSC (เวลายื่นเอกสารเราจะมีทั้งใบสมัตรทุนและใบสมัครมหาลัยนะคะ)

    - สำหรับการตรวจร่างกายหลายคนเนะนำให้ตรวจที่ รพ จุฬา ซึ่งเราก็ตรวจที่นี่เหมือนกัน ไปแต่เช้าใช้เวลาตรวจครึ่งวัน รอผลอีกประมาณ 4-5 วัน
    - พวกเอกสารจากมหาลัย ทางจีนจะกำหนดให้ผ่านการรับรองตราประทับจากกรมการกงสุล แต่ของเรา เราถามรุ่นพี่ที่เคยได้ทุนของที่มหาลัยที่เราจะสมัคร (UIBE) เขาบอกว่าถ้าขอเอกสารตัวจริงจากมหาลัยไม่จำเป็นต้องไปรับรองที่กงสุล เราก็เลยใช้ตัวจริงทุกอย่างเลย
    - Recommendation Letter เราขอจากอาจารย์ 2 ท่าน ใน requirement กำหนดว่าผู้เขียนให้เราต้องมีตำแหน่งรองศาสตราจารย์ขึ้นไป แต่เนื่องจาก รศ ของสายสังคมศาสตร์มีค่อนข้างน้อย ในข้อนี้เราคิดว่าเค้าไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเราก็ให้ รศ 1 ท่าน และ ผศ 1 ท่าน เราเริ่มติดต่อขอให้อาจารย์ที่สนิทและรู้จักเราค่อนข้างดีเขียนให้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม เผื่อเวลาไว้นานหน่อยเพราะว่าอาจารย์ค่อนข้างงานยุ่งค่ะ แล้วตอนนั้นเราก็ขอให้อาจารย์เขียนให้เรา 4 มหาลัยเลย (มหาลัยละ 2 ฉบับ ทั้งหมดที่อาจารย์ต้องเซนชื่อท่านนะ 8 ฉบับ เกรงใจมากๆเลย แต่สุดท้ายเราตัดสินใจส่งใบสมัครแค่ที่เดียวค่ะ)

ช่วงเตรียมเอกสารเป็นช่วงที่เราค่อนข้างเครียดเพราะว่ารายละเอียดมันเยอะไปหมด อีเมลล์ไปถามที่มหาลัยเค้าก็ไม่ค่อยตอบ คิดถึงตอนั้นแล้วความเหนื่อยกลับมาอีกครั้ง 5555 แต่สิ่งที่ช่วยเราได้คือ ThaiCSC เข้าไปอ่านใน post เก่าๆที่มีคนเคยมาถามไว้ก็จะเจอข้อมูลแทบทุกอย่างที่เราอยากรู้
เตรียมเอกสารให้พร้อมค่ะ พอมหาลัยที่เราเล็งไว้เปิดรับสมัครเราจะได้ปริ้นใบสมัครของมหาลัยมากรอกแล้วก็ส่งเอกสารทั้งหมดไปได้เลย เพราะปกติแล้วช่วงเวลารับสมัครจะไม่นาน ถ้าเรามาเตรียมทุกอย่างเอาช่วงนี้จะไม่ทันเอาได้ อ้อแล้วก็ดูด้วยนะคะว่ามหาลัยเรามีค่าสมัครไหม ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียค่าสมัครค่ะ เราก็ไปโอนเงินที่ธนาคารให้เรียบร้อย แล้วอีเมลบอกเค้า + ถ่ายเอกสารสลิปการจ่ายเงินส่งไปพร้อมใบสมัครค่ะ เราใช้ FedEx ในการส่งเพราะถึงเร็วและชัวร์กว่า EMS แต่ก็แพงกว่าเช่นกัน ณ ตอนนั้นกลัวว่าถ้าเอกสารเราหายนี่จบกัน เหนื่อยมาขนาดนี้แล้วเอกสารเราต้องถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เราก็ตามดู tracking ตลอดค่ะรู้สึกว่าประมาณ 4-5 เอกสารเราก็ถึงแล้ว แล้วเราก็อีเมลบอกทางมหาลัยว่าเอกสารเราถึงแล้วนะ ได้รับรึยัง ถ้าเค้าตอบกลับมาว่าได้รับเรียบร้อยเรก็รอยาวๆๆๆๆๆ ไปเลยค่ะ รอจนลืม แต่ก็ไม่ลืมหรอก ลุ้นจนเครียดมากกว่า TT

เราส่งเอกสารไปเดือนมีนาคม 2560 กว่าจะตอบเรารับก็ สิงหาคม 2560 โน่นเลย ห้าเดือนกับการลุ้นว่าจะได้ไหมนะ แต่ระหว่างนั้นเราก็ได้รับเรื่องตื่นเต้นเรื่อยๆนะ เริ่มจาก

    - เดือนมิถุนายน เพื่อนที่สมัครมหาลัยเดียวกันเริ่มได้อีเมลว่ามหาลัยจะส่งรายชื่อคุณว่าเป็น nominee candidate ไปให้ CSC นะ ซึ่งก็รู้จาก FB ThaiCSC นั่นแหละ เวลามีความคืบหน้าอะไรก็จะมีคนมาโพส แต่เราไม่ได้อีเมลอะไรเลย ตอนนั้นความเครียดเบอร์ 10 ถามไปถามมาก็มีคนที่ไม่ได้เหมือนเราหลายคนอยู่ เราเลยอีเมลไปถามเค้าว่าเราเห็นเพื่อนเราได้อีเมลกันแล้วนะ ทำไมเราถึงไม่ได้ (มีความมั่นหน้าประมาณนึงว่าคุณสมบัติเราก็น่าจะผ่านเกณฑ์นะ 55555) แล้วมหาลัยก็ตอบอีเมลกลับมาว่า ขอโทษทีอีเมลของเราในระบบผิด เราเลยไม่ได้รับอีเมลเหมือนคนอื่น แต่เขาก็จะส่งรายชื่อเราไปให้ทาง CSC พิจารณาเหมือนกัน เราเลยบอกเพื่อนที่ไม่ได้รับอีเมลที่เรารู้จักจากใน page ThaiCSC ว่าให้ลองส่งอีเมลไป ปรากฏพอส่งไปทุกคนก็ได้รับการเสนอชื่อไปที่ CSC กันหมด เพราะฉะนั้นข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ เราต้องรักษาสิทธิของตัวเอง และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆค่ะ อะไรที่เป็นของเรามันก็จะเป็นของเรา 55555

    - ผ่านไปเดือนกว่าๆ มีอีเมลมาอีกฉบับนึงบอกว่าทุน CSC ในปีนี้ลดโควต้า ให้แต่ป.เอก แต่ทีนี้เค้าอยากให้เราไปเรียนอยู่นะ เลยเสนออีกทุนมาให้ชื่อทุน One Belt One Road เป็นทุนเต็มจำนวนเหมือน CSC ทุกอย่าง แต่เราต้องเปลี่ยนคณะซึ่งมีแค่ 2 คณะให้เลือกเท่านั้น มีเวลาคิดประมาณ 3 วัน ก่อนยืนยันว่าเราจะเอาไหม ถ้าไม่เอาก็บ๊ายบาย ไม่ได้ทุนนะ หลังจากลองดูรายวิชาเรียนต่างๆโดยละเอียด มันก็มีความคล้ายกับคณะที่เราเลือกไปเหมือนกัน (ตอนแรกเราเลือก International Business โดนเปลี่ยนเป็น WTO Economics and Law) เราก็เลยตอบตกลงไป พอตอบตกลงไป ก็ได้เมลกลับมาว่าโอเค เข้า process ใหม่นะ โถ่.. นึกว่าจะได้เลย ก็รอต่อไปอีก

ระหว่างนี้ก็รอๆ refresh email และเข้ากรุ๊ปเฟสบุ๊คทุกชั่วโมง เริ่มเห็นหลายมาลัยทยอยประกาศ แต่มหาลัยเรานี่ไร้วี่แววมาก เราจำได้เลยว่าได้รับอีเมลเอาวันที่ 14 สิงหาคมให้คอนเฟิร์มชื่อที่อยู่ เพื่อเค้าจะส่งเอกสารยืนยันมาให้เราทำวีซ่า ตอนที่ได้รับอีเมลนี่แทบจะกรี๊ดแบบ Finally! อารมณ์แบบหวังจนเลิกหวังเพราะมันนานเหลือเกิน เตรียมแผนสำรองไว้แล้วว่าถ้าไม่ได้จะเอายังไงต่อกับชีวิต ซึ่งเอกสารใช้เวลาประมาณอาทิตย์นึงถึงบ้านเรา แล้วในเอกสารระบุว่าต้องไปรายงานตัวภายในสิ้นเดือน ห้ะ!! มันจะทันได้ยังไง ทุกอย่างมันกระชั้นชิดมาก ทั้งลาออก ทำวีซ่า และจองตั๋วเครื่องบิน แต่สุดท้ายมันก็ต้องทัน เราจองตั๋วแค่ไม่กี่วันก่อนบิน ราคาขาเดียวอยู่ที่ 15,000 ซึ่งแพงกว่าไปกลับของตั๋วการบินไทยด้วยซ้ำ เราเลือกจอง Air China เพราะว่าสายการบินจีนจะให้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 23โล อีก 1 ใบ

พอเตรียมทุกอย่างพร้อม ก็บินเลยจ้าา

เดี๋ยวไว้เราจะมาต่อ Next Chapter of life in China อีกทีนะคะ สำหรับการเตรียมตัวขอทุนขอจบที่ตรงนี้ก่อนนะคะ

ฝากติดตามเพจของเราด้วยนะคะ https://www.facebook.com/muayjinter/ เราจะแชร์บอกเล่าเรื่องราวการเรียนและการใช้ชีวิตในประเทศจีน
ชื่อสินค้า:   ทุนจีน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่