สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน
ช่วงนี้จริงๆช่วงพีคของการขอทุนCSC ได้ผ่านพ้นไปแล้วแต่ยังพอมีบางมหาวิทยาลัยที่ยังรับอยู่นะคะ
ก่อนอื่นเราขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้เรียนเก่ง(เกรดต่ำมว๊าก) ภาษาจีนก็เฉยๆ แต่เราอยากเรียนต่อค่ะ มีพี่ๆหลายท่านที่เกรดน้อยเหมือนกัน แต่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็ให้กำลังใจ เพราะการสมัครทุนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เกรดจบป.ตรีเท่านั่น!!!!
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ขอยกคำอธิบายมาจาก
https://blog.eduzones.com/tonsungsook/102828 คือยาวมาก กดดูกันนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้CSC คืออะไร ?
CSC ย่อมาจาก China Scholarship Council เป็นองค์กรสำหรับมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาศึกษาต่อยังประเทศจีน เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การดูแลและกำกับของกระทรวงศึกษาธิการจีนครับ
ซึ่งทุนที่ทาง CSC มอบให้ก็มีหลายระดับด้วยกันครับ เช่น ทุนระดับปริญญาตรี - โท - เอก, ทุนเรียนภาษา 1 ปี, ทุนวิจัย เป็นต้น
ประเภทของทุนรัฐบาลจีน
ทุนรัฐบาลที่จะมอบให้แก่นักเรียนต่างชาติมีหลายทุนมาก ครับ ลองดูจากในนี้ได้ครับ >http://en.csc.edu.cn/Laihua/scholarshipen.aspx
แต่ที่ยกมานี้เป็นทุนที่นักเรียนต่างชาติอย่างเราๆนี้มีโอกาสได้กันและมีผู้สนใจจำนวนมากครับ ลองมาดูกันเลย
1.ทุนรัฐบาล (CSC) โดยตรง อันนี้ต้องสมัครผ่านมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้พิจารณาและเลือกผู้ที่สมควรได้ทุนตามจำนวนโควต้าที่มหาวิทยาลัยได้ แล้วจากนั้นจึงส่งเรื่องไปยัง CSC พิจารณาคัดเลือกอีกทีหนึ่งครับ final result ถึงจะออกมาได้ (มีข้อน่าสนใจที่เราสามารถสมัครกี่มหาวิทยาลัยก็ได้ แต่ข้อแนะนำคือควรเลือกที่เราอยากเข้าเรียนจริงๆ 3-4 อันดับก็พอ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ทุนเช่นเดียวกับเราครับ อีกทั้งยังเป็นการลดการเตรียมตัวสมัครเรียนอย่างบ้าระห่ำอีกด้วย เดี๋ยวเครียดเอานะครับ ^ ^)
2.ทุนขงจื้อ (Hanban) เป็นทุนด้านการสอน ผู้เรียนจะต้องเรียนคณะการสอนภาษาจีนเท่านั้น และจะต้องใช้ทุนโดยการเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนครับ ผู้สมัครจะต้องมี HSK ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และเมื่อได้ทุนมาเรียนแล้วจะต้องรักษาผลการเรียนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เขากำหนด ถ้าไม่ถึงก็จะโดนตัดทุนได้
3.ทุน AUN หรือ Asean University Network Scholarship
ลิ้งก์นี้เลยครับ > http://www.aunsec.org/news/index.php?option=com_content&view=article&id=87&Itemid=678
เป็นทุนที่ทางรัฐบาลจีนมอบให้ผ่านองค์กร Asean นอกจากมีมหาวิทยาลัยจากประเทศจีนแล้ว ยังมีพันธมิตรมหาวิทยาลัยอื่นๆในญี่ปุ่น เกาหลี สหภาพยุโรป และประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วยครับ ผู้ที่จะได้ทุนนี้จะต้องเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในอาเซียน และแข่งขันสมัครชิงทุนกับนักเรียนเพื่อนบ้านของเราเองนี่แหละครับ โดยแต่ละปีมีผู้ได้ทุนประมาณ 20 คน ทั่วทั้งอาเซียน คนสมัครก็มีเยอะมากครับ โดยสำนักงานใหญ่ของ AUN อยู่ที่อาคารจามจุรี 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ยังมีทุนอื่นๆอีกมากมายครับ ปกติแล้วแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีทุนมหาวิทยาลัย หรือ ทุนของรัฐบาลท้องถิ่นให้กับนักเรียนต่างชาติอยู่แล้ว อาทิเช่น มหาวิทยาลัยชิงหัว ก็จะมีทั้งทุนของมหาวิทยาลัยเอง และ ทุนรัฐบาลท้องถิ่นปักกิ่ง เปิดให้สมัคร (ซึ่งเราก็สามารถสมัครได้ทั้งสองทุนทีเดียว) ก็แล้วแต่เราครับว่าอยากจะสมัครทุนไหน แต่โดยส่วนใหญ่เขาก็สมัครเหวี่ยงแหกันทั้งนั้น คือสมัครมันทุกอันเลย บางคนสมัครทุนรัฐบาลจีนไม่ได้ แต่มาได้ที่ทุนรัฐบาลท้องถิ่นมีเยอะแยะครับ
ถามว่าทุน CSC ทุนมหาวิทยาลัย และทุนรัฐบาลท้องถิ่น แตกต่างกันมั้ย จริงๆแล้วก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ครับ มีทุนทั้งแบบที่เป็น ทุนเต็มจำนวนครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพทุกอย่าง (Full scholarship) และ ทุนให้บางส่วน (Partial Scholarship) เหมือนกัน เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ (Living allowance) จะต่างกันเท่านั้นเอง ถ้าเกิดอยู่ในเมืองเล็กหน่อย ค่าครองชีพก็จะถูกกว่าเมืองใหญ่ๆอย่างปักกิ่ง หรือ เซี่ยงไฮ้ ครับ
ทุน CSC แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ทุนเต็มจำนวน (Full Scholarship) และ ทุนให้บางส่วน (Partial Scholarship)
ทุนเต็มจำนวนจะครอบคลุมค่าใช้จ่าย ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเรียน Registration fee
- ค่าเล่าเรียน Tuition fee
- ค่าทดลองทางวิทยาศาสตร์ Laboratory experiment fee
- เงินช่วยเหลือตอนฝึกงาน Internship fee
- ค่าธรรมเนียมในการเรียนเบื้องต้น Basic learning materials fee
- ค่าที่พักอาศัย Free for accommodation on campus
- ค่าครองชีพ ประมาณ 1,700 หยวน สำหรับปริญญาโท และ 2,000 หยวน สำหรับปริญญาเอก Living allowance (1,700 RMB for Master's degree students, 2,000 RMB for Ph.D students)
- เงินช่วยเหลือหลังการลงทะเบียน One-off settlement subsidy after registration
- บริการรักษาทางการแพทย์และสุขภาพ Outpatient medical service, Comprehensive Medical Insurance and Benefit Plan for International student in China
- ค่าเดินทางระหว่างเมือง One-off inter-city travel subsidy
ทุนบางส่วนจะได้เหมือนกับทุนเต็มจำนวน ยกเว้น One-off settlement subsidy และ One-off inter-city travel subsidy ครับ โดยเมื่อเดินทางถึงมหาวิทยาลัยครั้งแรกหลังจากได้รับทุน จะได้รับเงินก้อนแรก 1,500 RMB ซึ่งอยู่นอกเหนือจากเงินเดือนอีกด้วยครับ
การหาข้อมูลมหาวิทยาลัย และ สาขาที่จะไปศึกษาต่อ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับตัวเราเองก่อนว่าตั้งใจจะไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนจริงรึเปล่าครับ เพราะว่าการสมัครทุนรัฐบาลจีนนั้นต้องใช้ความอดทนและความพยายามอย่างมาก และจะต้องดำเนินการเองทุกขั้นตอน จะไม่สบายเหมือนคนที่มาด้วยทุนส่วนตัวที่มีตันแทน(Agent)คอยดำเนินการให้ การสมัครทุนรัฐบาลจีนต้องใช้ทั้งความอดทนในการทำเอกสาร ความอดทนในการรอที่ยาวนาน
ซึ่งถ้าต้องการมาสมัครเล่นๆ แล้วถ้าเกิดได้ขึ้นได้มาแล้วไม่เอา ก็จะเป็นการตัดโอกาสคนอื่นที่เขาตั้งใจจริง
ตรวจสอบวันเปิด-ปิดรับสมัคร
เมื่อได้ข้อมูลมหาวิทยาลัยแล้ว และสาขาที่จะไปศึกษาต่อแล้ว ต่อไปนี้เราก็ต้องคอยเช็กว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดรับสมัครทุนรัฐบาลเมื่อไหร่ โดยส่วนใหญ่จะเปิดรับสมัครช่วงเดือนตุลาคม - เมษายน ไม่เกินนี้แน่นอน โดยมหาวิทยาลัยที่เปิด-ปิดรับสมัครเร็วที่สุดคือ Nanjing University ปิดรับสมัครตั้งแต่ 15 ธันวาคม ซึ่งมหาลัยดังๆส่วนใหญ่ก็จะเปิดปิดรับสมัครเร็วมาก อย่าง Beijing Normal University ปิดรับสมัครตั้งแต่ 1 มีนาคม แต่บางมหาลัยที่ใหญ่ๆอย่าง Zhejiang University หรือ Renmin University ปิดรับสมัครทุนช่วงเดือนเมษายนก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเช็กดีๆครับ
เมื่อเราเข้าใจความเป็นมาแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ
อย่างที่ในข้อมูลข้างบนได้กล้าวไว้ เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอยากไปเรียนจริงๆมั้ย ต้องใช้ความอดทนสูงมากทั้งตอนสมัคร และตอนเรียน อย่าสมัครเล่นๆเชียว มันไม่ใช่แค่ทำให้ผู้อื่นเสียโอกาส แต่มันหมายถึงชื่อเสียงประเทศ!!!
โหอะไรจะขนาดนั้นใช่มั้ยคะ อย่าลืมว่าทุนนี้เป็นทุนที่ให้กับคนทั่วโลก คนทั่วโลกสามารถสมัครเรียนได้ ซึ่งคิดดูว่าสมัครกี่คนต่อปี 1มหาวิทยาลัยรับแค่20-100คนโดยประมาณ ถ้าเราได้ทุนแล้วไม่เอาไม่ไป หรือเรียนๆโดดๆ ไม่ขยัน เหล่าซือเค้าก็จะเพ่งเล็งคนจากประเทศนี้ว่าคราวหน้าฉันให้โควต้าประเทศนี้น้อยลงละนะ หรืออาจจะไม่ให้เลย จากที่เคยได้ยินคนในกลุ่มพูดมาว่า(ประมาณ)ขอร้องนะคะ ใครที่สมัครเล่นๆหรือหลายที่ ถ้าไม่อยากได้ที่นี่จริงๆ แจ้งสละสิทธิตั้งแต่ทราบว่าได้ทุน หรืออย่าสมัครเลย เพราะมันทำให้เด็กรุ่นหลังโดนตัดสิทธิ
แต่ก็มีบางคน(ที่เรารู้จัก)เค้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อันนี้เราเข้าใจค่ะ เพราะสาเหตุคือ กลัวเด็กสละสิทธิ เค้าจะไม่แจ้งจนได้รับทุนแล้วจริงๆ อยู่ในขั้นตอนส่งเอกสารมาหาเราแล้วถึงแจ้งว่าเราได้ทุนนะ ทำให้มหาวิทยาลัยแรกที่รับเราแล้ว โดนตัดโควต้าออกโดยปริยาย (ซึ่งเราไม่ทราบว่าทางม.ได้มีการเรียกตัวสำรองแทนหรือไม่) เพื่อนเราเครียดมากค่ะตอนนั้นเพราะกลัวโดนครหาว่ากั๊กที่
อ่ะต่อมาเมื่อเรามั่นใจตัวเองแล้วว่าอยากเรียนแน่ ฉันสู้ไหว เราก็ต้องทำการหาข้อมูลค่ะ
http://www.csc.edu.cn/laihua/indexen.aspx
เราจะหาข้อมูลมหาวิทยาลัยและสาขาที่เปิดรับทุนได้จากเว็บไซต์นี้ มีทั้งภาษาอังกฤษและจีนค่ะ ใครถนัดภาษาไหนก็ตามสบายเลย
ส่วนวันที่เปิด-ปิดรับสมัคร สามารถติดตามได้จากเว็บของทางมหาวิทยาลัยนั้นๆค่ะ ซึ่งตรงนี้คนที่ได้ภาษาจีนจะได้เปรียบอยู่นิดนึง เพราะส่วนใหญ่ เว็บที่เป็นภาษาจีนจะอัพเดทมากกว่าภาษาอังกฤษค่ะ หรือสามารถติดตามได้จากกลุ่มเฟสบุคThai CSC
https://www.facebook.com/groups/799665870071741/ ได้เลยนะคะ ในกลุ่มนี้ จะมีผู้มีประสบการณ์แชร์ประสบการณ์ หรือไฟล์ข้อมูลต่างๆไว้มากมาย และยังคอยช่วยอัพเดทข้อมูลการรับสมัครทุนอีกด้วย แต่อย่าลืมนะคะว่า เราก็ต้องค้นคว้าเองด้วยนะ
ต่อไป เมื่อเรารู้แล้วว่าอยากเรียนที่ไหน ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
ขั้นตอนการเตรียมเอกสารอาจจะยุ่งยากพอสมควร แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะต้องการคล้ายๆกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1.ใบสมัครจากเว็บ http://laihua.csc.edu.cn (ค่อยอธิบายเนอะ)
2.ใบจบการศึกษาที่สูงที่สุด หรือใครกำลังจะจบใช้ใบคาดว่าจะจบหรือที่เรียกว่าใบแทนจบ แทนกันได้
3.ใบเกรดการศึกษา
4.Study plan /Research plan /Personal Statement (แล้วแต่ม.ว่าต้องการอะไรบ้างเป็นภาษาจีนหรืออังกฤษ)
5.จดหมายแนะนำ จากอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่ทำงาน หรือที่คุณหาได้ ต้องมีตำแหน่งรองศาสตราจารย์ขึ้นไป(หรือถ้าไม่มีจริงๆผศ ก็ได้ค่ะ หรือไม่มีจริงๆอันนี้ลองคุยกับเหล่าซือที่ดูแลเอกสารของม.ที่เราจะสมัครโดยตรง ดูว่าทำยังไงได้บ้าง)
6.ใบรับรองแพทย์ (ควรเป็นโรงพยาบาลรัฐ ใครสะดวกจุฬา เราแนะนำจุฬาค่ะ ไม่ค่อยมีปัญหา)
7.สำเนาพาสปอร์ตระยะเวลาเหลือ6เดือนขึ้นไป(ทางที่ดียันเรียนจบเลยค่ะง่ายดี) บางคนบอกเซ็นบางคนบอกไม่ต้อง เซ็นก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรนะ
8.HSK(汉语水平考试)ระดับ5 หรือ6 (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสจะเยอะกว่านิสนึง)
9.ถ้าใครสมัครพวกเอกศิลปะ ดนตรี อันนี้ต้องส่งผลงานไปด้วย2-3ชิ้นค่ะ
10.บางม. ต้องแนะนำตัวเป็นวีดีโอ แยกกับStudy plan ค่ะ
ดูเอกสารก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย แต่อย่าลืมค่ะ
1.จดหมายแนะนำ ใครจะเซ็นต์ให้คุณง่ายๆ ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ ม.เราอาจารย์ที่เป็น รศ.น้อยมากค่ะ ท่านจะเซ็นให้ยากมาก เพราะเค้ากลัวเราทำชื่อเค้าเสียแล้วเด็กรุ่นหลังๆใช้ลายเซ็นต์ท่าไปแล้วจะมีปัญหาค่ะ
2.เอกสารที่มีการถ่ายเอกสารและไม่มีรูปเราติดอยู่ ต้องทำการรับรองจากสถานกงสุล(อธิบายที่หลังนะคะ) หรือเพื่อความชัวร์เอาไปรับรองให้หมดเลยก็ได้ค่ะ พวกใบเกรด ใบจบ
3.อันนี้ปัญหาระดับโลก(ของเรา)ค่ะ การเขียน Study plan แถมม.ที่เราสมัครต้องแนะนำตัวเป็นวีดีโอ แค่เขียนให้ดีก็ยากแล้ว นี้ต้องพูดให้ได้ด้วย โอ้วววว(ตอนที่ท่องนี่นรกชัดๆ) อัดวีดีโอแนะนำตัว ต้องทำให้ธรรมชาติที่สุด ไหลลื่น ไม่ติดขัด และที่สำคัญไม่ผิด!! ถ้าใครบอกว่าเอ้า ไม่ใช่ภาษาเราใครมันจะทำได้วะ ค่ะ คุณทำไมได้ แต่คนอื่นอาจทำได้ ดังนั้น คุณต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเหนื่อย ปวดหัวเท่าไหร่ก็ตาม เรานี่ถึงกับเจ็บคอไปหลายวันเลยค่ะ
**ต่อโพสต์ด้านล่างค่ะ ตัวอักษรเกินแล้ว
รวมประสบการณ์การขอทุนรัฐบาลจีน(CSC)เรียนต่อ ณ ประเทศจีน
ช่วงนี้จริงๆช่วงพีคของการขอทุนCSC ได้ผ่านพ้นไปแล้วแต่ยังพอมีบางมหาวิทยาลัยที่ยังรับอยู่นะคะ
ก่อนอื่นเราขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้เรียนเก่ง(เกรดต่ำมว๊าก) ภาษาจีนก็เฉยๆ แต่เราอยากเรียนต่อค่ะ มีพี่ๆหลายท่านที่เกรดน้อยเหมือนกัน แต่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็ให้กำลังใจ เพราะการสมัครทุนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เกรดจบป.ตรีเท่านั่น!!!!
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ขอยกคำอธิบายมาจาก https://blog.eduzones.com/tonsungsook/102828 คือยาวมาก กดดูกันนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเราเข้าใจความเป็นมาแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ
อย่างที่ในข้อมูลข้างบนได้กล้าวไว้ เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอยากไปเรียนจริงๆมั้ย ต้องใช้ความอดทนสูงมากทั้งตอนสมัคร และตอนเรียน อย่าสมัครเล่นๆเชียว มันไม่ใช่แค่ทำให้ผู้อื่นเสียโอกาส แต่มันหมายถึงชื่อเสียงประเทศ!!!
โหอะไรจะขนาดนั้นใช่มั้ยคะ อย่าลืมว่าทุนนี้เป็นทุนที่ให้กับคนทั่วโลก คนทั่วโลกสามารถสมัครเรียนได้ ซึ่งคิดดูว่าสมัครกี่คนต่อปี 1มหาวิทยาลัยรับแค่20-100คนโดยประมาณ ถ้าเราได้ทุนแล้วไม่เอาไม่ไป หรือเรียนๆโดดๆ ไม่ขยัน เหล่าซือเค้าก็จะเพ่งเล็งคนจากประเทศนี้ว่าคราวหน้าฉันให้โควต้าประเทศนี้น้อยลงละนะ หรืออาจจะไม่ให้เลย จากที่เคยได้ยินคนในกลุ่มพูดมาว่า(ประมาณ)ขอร้องนะคะ ใครที่สมัครเล่นๆหรือหลายที่ ถ้าไม่อยากได้ที่นี่จริงๆ แจ้งสละสิทธิตั้งแต่ทราบว่าได้ทุน หรืออย่าสมัครเลย เพราะมันทำให้เด็กรุ่นหลังโดนตัดสิทธิ
แต่ก็มีบางคน(ที่เรารู้จัก)เค้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อันนี้เราเข้าใจค่ะ เพราะสาเหตุคือ กลัวเด็กสละสิทธิ เค้าจะไม่แจ้งจนได้รับทุนแล้วจริงๆ อยู่ในขั้นตอนส่งเอกสารมาหาเราแล้วถึงแจ้งว่าเราได้ทุนนะ ทำให้มหาวิทยาลัยแรกที่รับเราแล้ว โดนตัดโควต้าออกโดยปริยาย (ซึ่งเราไม่ทราบว่าทางม.ได้มีการเรียกตัวสำรองแทนหรือไม่) เพื่อนเราเครียดมากค่ะตอนนั้นเพราะกลัวโดนครหาว่ากั๊กที่
อ่ะต่อมาเมื่อเรามั่นใจตัวเองแล้วว่าอยากเรียนแน่ ฉันสู้ไหว เราก็ต้องทำการหาข้อมูลค่ะ
http://www.csc.edu.cn/laihua/indexen.aspx
เราจะหาข้อมูลมหาวิทยาลัยและสาขาที่เปิดรับทุนได้จากเว็บไซต์นี้ มีทั้งภาษาอังกฤษและจีนค่ะ ใครถนัดภาษาไหนก็ตามสบายเลย
ส่วนวันที่เปิด-ปิดรับสมัคร สามารถติดตามได้จากเว็บของทางมหาวิทยาลัยนั้นๆค่ะ ซึ่งตรงนี้คนที่ได้ภาษาจีนจะได้เปรียบอยู่นิดนึง เพราะส่วนใหญ่ เว็บที่เป็นภาษาจีนจะอัพเดทมากกว่าภาษาอังกฤษค่ะ หรือสามารถติดตามได้จากกลุ่มเฟสบุคThai CSC https://www.facebook.com/groups/799665870071741/ ได้เลยนะคะ ในกลุ่มนี้ จะมีผู้มีประสบการณ์แชร์ประสบการณ์ หรือไฟล์ข้อมูลต่างๆไว้มากมาย และยังคอยช่วยอัพเดทข้อมูลการรับสมัครทุนอีกด้วย แต่อย่าลืมนะคะว่า เราก็ต้องค้นคว้าเองด้วยนะ
ต่อไป เมื่อเรารู้แล้วว่าอยากเรียนที่ไหน ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
ขั้นตอนการเตรียมเอกสารอาจจะยุ่งยากพอสมควร แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะต้องการคล้ายๆกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูเอกสารก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย แต่อย่าลืมค่ะ
1.จดหมายแนะนำ ใครจะเซ็นต์ให้คุณง่ายๆ ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ ม.เราอาจารย์ที่เป็น รศ.น้อยมากค่ะ ท่านจะเซ็นให้ยากมาก เพราะเค้ากลัวเราทำชื่อเค้าเสียแล้วเด็กรุ่นหลังๆใช้ลายเซ็นต์ท่าไปแล้วจะมีปัญหาค่ะ
2.เอกสารที่มีการถ่ายเอกสารและไม่มีรูปเราติดอยู่ ต้องทำการรับรองจากสถานกงสุล(อธิบายที่หลังนะคะ) หรือเพื่อความชัวร์เอาไปรับรองให้หมดเลยก็ได้ค่ะ พวกใบเกรด ใบจบ
3.อันนี้ปัญหาระดับโลก(ของเรา)ค่ะ การเขียน Study plan แถมม.ที่เราสมัครต้องแนะนำตัวเป็นวีดีโอ แค่เขียนให้ดีก็ยากแล้ว นี้ต้องพูดให้ได้ด้วย โอ้วววว(ตอนที่ท่องนี่นรกชัดๆ) อัดวีดีโอแนะนำตัว ต้องทำให้ธรรมชาติที่สุด ไหลลื่น ไม่ติดขัด และที่สำคัญไม่ผิด!! ถ้าใครบอกว่าเอ้า ไม่ใช่ภาษาเราใครมันจะทำได้วะ ค่ะ คุณทำไมได้ แต่คนอื่นอาจทำได้ ดังนั้น คุณต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเหนื่อย ปวดหัวเท่าไหร่ก็ตาม เรานี่ถึงกับเจ็บคอไปหลายวันเลยค่ะ
**ต่อโพสต์ด้านล่างค่ะ ตัวอักษรเกินแล้ว