เราก็อยากได้ แต่ทำไมไม่ขอเป็นแฟนสักที xD >>

การที่เค้าขอคุณเป็นแฟนช้าๆ ก็มีข้อดีนะครับ ...

ถ้าคุณเคยเรียนวิชาการตลาด เรื่อง วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) ก็จะพอทราบว่า การเจริญเติบโตของสินค้า/ผลิตภัณฑ์ มี 4 ช่วง ดังนี้
- ช่วงแนะนำสินค้า (Introduction Stage)
- ช่วงเจริญเติบโต (Growth Stage)
- ช่วงอิ่มตัว (Maturity Stage)
- ช่วงขาลง หรือช่วงที่ยอดขายลดลง (Decline Stage)

วงจรความรัก (Love Cycle) ก็เช่นกัน มี 5 ช่วงดังนี้
- ช่วงแนะนำทำความรู้จัก (Introduction Stage) >> แรกพบสบตาเริ่มคุย
- ช่วงโปรโมชั่น (Promotion Stage) >> จีบจริงจังทำคะแนนโปรโมชันจัดหนัก
- ช่วงเข้าสู่จุดสุดยอด (Peak Stage) >> ขอเป็นแฟนไปจนกระทั่งมีอะไรกัน
- ช่วงอิ่มตัว (Maturity Stage) >> เป็นแฟนกันได้สักระยะ เริ่มเห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน  ต้องประคับประคองกัน สร้างความเข้าใจให้อภัยกัน
- ช่วงขาลง หรือ ช่วงเบื่อ (Decline Stage) >> เริ่มมองข้ามข้อดี เห็นแต่ข้อเสียของกันและกัน ทางใครทางมันเลยดีกว่า จบ ...

การที่เค้าขอคุณเป็นแฟนช้าๆ ก็หมายความว่า คุณสองคนจะมีช่วงโปรโมชั่นและช่วงสุดยอดเป็นเวลานาน ถ้านานมากพอจนเกิดความผูกพันที่แน่นแฟ้น ก็จะมีโอกาสลงเอยด้วย การแต่งงานกัน มากกว่า จะเกิดการอิ่มตัวและเบื่อจนแยกทางกัน

จะว่าไปแล้ว ช่วงเวลาที่มีความสุข+ตื่นเต้นที่สุดของวงจรความรัก ก็คือช่วงโปรโมชั่นและช่วงเข้าสู่จุดสุดยอดนี่เอง เพราะเป็นช่วงเวลานาทีทองที่ได้ลุ้นกันมันส์ทั้งสองฝ่าย // ฝ่ายชายทำคะแนนไป ก็ลุ้นว่าฝ่ายหญิงจะประทับใจมั้ย // ฝ่ายหญิงได้รับโปรหนักๆ ก็มานั่งลุ้น นั่งจิกหมอน ตาบ้านี่ คิดอะไร มาทำดีกะเราแบบนี้ ^^ .... ข้อพิสูจน์ที่เห็นชัดคือ หนังหรือซีรีย์แนวโรแมนติกแทบทุกเรื่อง ก็จะเอาเหตุการณ์ในช่วงจีบกันลุ้นกัน ของพระเอกและนางเอก มาถ่ายทอดให้คนดูได้ฟินไปจิกหมอนกันซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วหนังก็จะมาอวสานตอนที่พระนางตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วนั่นเอง..  

ดังนั้นถ้าผมเป็น จขกท. ผมจะ happy กะสถานการปัจจุบันมากๆเลยนะครับ เพราะทุกอย่างมันหอมหวานน่าลุ้นไปหมด .. แล้วจขกท จะรีบร้อน ตกลงสถานะไปทำไมครับ จริงแมะ ..