1) ความบ้าคลั่งดอกทิวลิบ ( The Tulip Mania ) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ปี ค.ศ 1636
2) ฟองสบู่หุ้นบริษัทเซ้าส์ซี ( The South Sea Bubble ) ประเทศอังกฤษ ปี ค.ศ 1720
3) การตกตํ่าครั้งใหญ่ ( The Great Depression ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 1929
4) วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ( The First Oil Crisis ) ทั่วโลก ปี ค.ศ 1973
5) วันจันทร์ทมิฬ ( Black Monday ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 1987
6) วิกฤติเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น ปี ค.ศ 1989
7) วิกฤติต้มยํากุ้ง ประเทศไทย ปี ค.ศ 1997
8) ฟองสบู่ Dot Com ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 2000 เมื่อ Fed Fund Rate ทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 6.50% เมื่อเดือน มีนาคม ปี ค.ศ 2000 ก่อนฟองสบู่จะแตก
9) วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 2008 เมื่อ Fed Fund Rate ทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 5.25% เมื่อเดือน มิถุนายน ปี ค.ศ 2006 ก่อนฟองสบุ่จะแตก เนื่องจากปัญหาหนี้สินภาคอสังหาริมทรัพย์ ( Subprime ) ของสหรัฐอเมริกา
10) วิกฤติหนี้สินในยุโรป ปี ค.ศ 2011
11) ผู้โพสต์คาดการณ์ว่าฟองสบู่โลกครั้งต่อไปน่าจะเกิดในปี ค.ศ 2021 เมื่อ Fed Fund Rate ขึ้นไปทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 4.25% เนื่องมาจากปัญหาหนี้สินของโลกที่มีจํานวนมหาศาล อนึ่ง การคาดการณ์นี้เป็นการคาดการณ์ส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่รับรองความถูกต้องนะครับ
วิกฤติเศรษฐกิจโลก
2) ฟองสบู่หุ้นบริษัทเซ้าส์ซี ( The South Sea Bubble ) ประเทศอังกฤษ ปี ค.ศ 1720
3) การตกตํ่าครั้งใหญ่ ( The Great Depression ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 1929
4) วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ( The First Oil Crisis ) ทั่วโลก ปี ค.ศ 1973
5) วันจันทร์ทมิฬ ( Black Monday ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 1987
6) วิกฤติเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น ปี ค.ศ 1989
7) วิกฤติต้มยํากุ้ง ประเทศไทย ปี ค.ศ 1997
8) ฟองสบู่ Dot Com ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 2000 เมื่อ Fed Fund Rate ทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 6.50% เมื่อเดือน มีนาคม ปี ค.ศ 2000 ก่อนฟองสบู่จะแตก
9) วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ 2008 เมื่อ Fed Fund Rate ทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 5.25% เมื่อเดือน มิถุนายน ปี ค.ศ 2006 ก่อนฟองสบุ่จะแตก เนื่องจากปัญหาหนี้สินภาคอสังหาริมทรัพย์ ( Subprime ) ของสหรัฐอเมริกา
10) วิกฤติหนี้สินในยุโรป ปี ค.ศ 2011
11) ผู้โพสต์คาดการณ์ว่าฟองสบู่โลกครั้งต่อไปน่าจะเกิดในปี ค.ศ 2021 เมื่อ Fed Fund Rate ขึ้นไปทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 4.25% เนื่องมาจากปัญหาหนี้สินของโลกที่มีจํานวนมหาศาล อนึ่ง การคาดการณ์นี้เป็นการคาดการณ์ส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่รับรองความถูกต้องนะครับ