สวัสดีครับ คือแผนผมทำงานประจำที่นึง ซึ่งมีรุ่นน้องที่ทำงานเป็นทอมที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ซึ่งช่วงแรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตามนิสัยของผมเป็นคนไม่จุกจิก และไม่เช็คโทรศัพท์อยู่แล้ว ซึ่งช่วงแรกๆบ้างครั้งแฟนผมขี้เกียจขับรถไปทำงานก็นั่งรถประจำทางไป ขากลับยก็มีนั่งรถกลับมาบ้าง หรือ ผมไปรับบ้าง ตั้งแต่ช่วงหลังๆจากทอมคนนี้เข้ามาทำงาน ซึ่งที่พักของทอมก็เป็นทางผ่าน คือก็ไม่เชิงเป็นทางผ่านครับ คือต้องเข้าซอยมาส่งแฟนผมที่บ้าน รวมไปกลับจากทางเข้าซอยก็ 4-5 กิโล ซึ่งช่วงแรกผมก็ไม่คิดอะไรเพราะ อาทิตย์นึงอาจะมีมาส่ง 2-3 วัน กแต่หลังๆมาส่งทุกวันเพราะแฟนผมไม่เอารถไปทำงาน บอกว่าไม่อยากเติมน้ำมัน ยกเว้นแต่วันไหนทอมคนนั้นหยุดงาน ก็ถึงจะเอารถไป บางครั้ง ก็มีพาแวะไปซื้อของบ้างก่อนกลับบ้าน บางครั้งแฟนผมก็ขับรถไปจอดปากซอยแล้วนั่งรถไปพร้อมกันซึ่งช่วงแรกๆผมก็รู้สึกเกรงใจแทน แต่ก็ไม่ได้ระแวงอะไร ซึ่งผมค่อนข้างไว้ใจแฟนตัวเอง รวมถึงคิดว่าคนนั้นเป็นทอมคงไม่มีอะไร เพราะส่วนตัวทอมก็มีแฟนเหมือนกัน จนมาช่วงหลังๆมา่นี้ ผมบังเอิญไปเจอรถจอดอยู่หน้าป้อมยามหมู่บ้าน ซึ่งจอดอยู่ค่อนข้างนาน ผมก็ถามว่าทำไมไม่เข้าบ้านเค้าบอกทอมมีปัญหากับแฟนเลยเครียร์ให้ บางครั้งกว่าจะถึงบ้าน ก็ค่อนข้างดึกกว่าตอนเอารถไปทำงานเอง ผมก็เริ่มแปลกใจแล้วล่ะ จนล่าสุด ความบังเอิญเช่นเคย ผมไปซ์้อของหน้าปากซอย ซื้ออาหารเตรียมรอเธอกลับบ้าน แต่เห็นรถจอดอยู่ ซึ่งจอดอยู่ข้างๆกับรถทอมคนนั้น ผมก็จอดเทียบแล้วโทรหา ซึ่งก็ไม่รับสายเลย 6-7สาย จนมารับสายสุดท้ายผมเลยถามว่า
ผม "อยู่ไหนแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์"
แฟน "อยู่บนรถ" ด้วยน้ำเสียงที่ผิดปกติมากๆ
ผม "ทำไร"
แฟน"ซื้อข้าวกิน" แล้วมีประโยคสนทนาอะไรอีกผมจำไม่ได้ แต่มีประโยคนึงที่น้ำเสียงหงุดหงิดมาก
ผม "งั้นแค่นี้แหละ"
หลีงจากนั้น รถก็ขับออกไปน่าจะประมาณห้าสิบถึงหนึ่งร้อยเมตร แฟนผมก็เดินกลับมาที่รถ ผมเลยขับไปรอที่บ้าน หลังจากนั้นก็เลยถามว่าทำไมเป็นแบบนี้เค้าบอกไม่อยากให้ผมคิดมากเพราะเห็นผมเป็นแบบนี้ เลยไม่อยากให้คิดมาก ผมเลยบอกว่ามีอะไรก็บอกกันสิทำแบบนี้ทำไม มาลับๆล่อๆทำไม ถ้าไม่มีอะไรก็เปิดเผยสิ หลังจากวันนั้นแฟนผมก็ไม่เอารถไปเหมือนเดิมกลับมาพร้อมกันเหมือนเดิม ซึ่งผมไว้ใจแฟนนะ แต่บางเรื่องที่ผมขอให้เธอทำให้ผมสบายใจ แค่เรื่องง่ายๆเธอไม่ทำ ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการเอาชนะหรืออะไร
ในกรณีของคอมคนนี้ จะให้ผมไม่คิดมากไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อคนในที่ทำงานเดียวกันเค้ายังเคยแอบคุยกับผญ.อีกคนนึงซึ่งมีแฟนอยู่แล้วด้วยซ้ำ แล้วจะให้ผมมั่นใจได้อย่างไรว่าเค้าจะไม่คิดหรือไม่เข้ามาพยายามจีบแฟนผม ซึ่งมันเป็นตรรกะโง่ๆของผมนี่แหละ คนที่จะเปลืองน้ำมันเพิ่ม วันละ4-5 กิโลต่อวัน เพื่อนมาส่งทุกๆวันโดยไม่คิดอะไร ซึ่งเป็นตัวผมเองก็คงรำคาญเหมือนกัน แต่บางครั้งบางคราวก็คงไม่ว่าครับ
พอเรื่องนี้เริ่มหนักขึ้น ผมก็เลยบอกว่าเออถ้ายังมาด้วยกันตลอดผมก็ขอเจอขอคุยกับทอมคนนั้นหน่อย หรือไม่ก็ให้มาส่งที่หน้าบ้านก็ได้ ลงมาคุยกันก็ได้ มันอาจจะดูงี่เง่ามากแต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แต่แฟนผมกลับบอกว่าไม่ใช่เรื่อง ไม่เห็นแก่หน้าเค้า ทำแบบนี้ให้เลิกคบไปเลยไหมกับทอมคนนั้น งงสิครับ แล้วบอกว่าผมไม่ให้เธอมีสงคม ไม่ให้เธอมีเพื่อน ทีนี้ผมจะแบ่งตามเคสไปนะครับ
1.เรื่องไปเที่ยวกับที่ทำงาน ผมไม่เคยห้ามเลยสักครั้ง ไปกินเหล้ากลับดึก มีบ้างครั้งที่ผมไม่พอใจเพราะเสร็จงาน เมาหนักมาก ด้วยความเป็นแฟนผมก็เป็นห่วงธรรมดา
2.คุยกับแฟนเก่า เคสนี้แฟนเก่าที่ว่าของเธอคือคนที่คบกันสมัยมัธยม จนเป็นเพื่อนกัน ซึ่งอันนี้แรกๆผมก็ไม่ชอบนะ เพราะอย่างแรกเค้าหล่อกว่า เค้าดูดีกว่า เค้าเท่ร์กว่า ใครๆก็กลัวใช่ไหมล่ะ แต่หลังๆผมก็โอเคคุยกันก็ไม่เป็นไรแต่ถ้า ผช. คุยกับ ผญ. บ่อยๆมันก็น่าจะดูแปลกๆหน่อยแหละ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนเพื่อนผช.คนอื่นที่แฟนผมคุยด้วย ซึ่งแฟนผมก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่คุยด้วย อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าผมคิดมาก อันนี้ผมก็ขอบคุณมากๆเลย
3.และส่วนเคสสุดท้าย คือเรื่องที่เล่าไปข้างต้น แฟนผมไม่ทำตัวแบบเคสที่ 2 เลย มีคำพูดแค่ว่าไม่อยากให้ผมคิดมาก ไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ ซึ่งตามนิสัยผช. ไม่มีอะไรก็มาคุยกันก็ได้รู้จักกันไว้ ก็ไม่เสียหาย ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยอยากรู้จักกับที่ทำงานของเธอเพราะเนื่องด้วยอายุที่ห่างกันของคนที่ทำงานแฟนกับผม แต่ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันหรือใกล้ๆกัน ผมก็คุยได้ปกตินะไม่ได้ไม่อยากรู้จักเลย
แบบนี้คือผมคิดมากไปรึเปล่าครับ หรือเค้าผิดปกติ หรืออะไรยังไง ตอนนี้ค่อนข้างจะไม่สบายใจเท่าไหร่ครับขอบคุณครับ
ทอมมาส่งแฟนที่บ้าน
ผม "อยู่ไหนแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์"
แฟน "อยู่บนรถ" ด้วยน้ำเสียงที่ผิดปกติมากๆ
ผม "ทำไร"
แฟน"ซื้อข้าวกิน" แล้วมีประโยคสนทนาอะไรอีกผมจำไม่ได้ แต่มีประโยคนึงที่น้ำเสียงหงุดหงิดมาก
ผม "งั้นแค่นี้แหละ"
หลีงจากนั้น รถก็ขับออกไปน่าจะประมาณห้าสิบถึงหนึ่งร้อยเมตร แฟนผมก็เดินกลับมาที่รถ ผมเลยขับไปรอที่บ้าน หลังจากนั้นก็เลยถามว่าทำไมเป็นแบบนี้เค้าบอกไม่อยากให้ผมคิดมากเพราะเห็นผมเป็นแบบนี้ เลยไม่อยากให้คิดมาก ผมเลยบอกว่ามีอะไรก็บอกกันสิทำแบบนี้ทำไม มาลับๆล่อๆทำไม ถ้าไม่มีอะไรก็เปิดเผยสิ หลังจากวันนั้นแฟนผมก็ไม่เอารถไปเหมือนเดิมกลับมาพร้อมกันเหมือนเดิม ซึ่งผมไว้ใจแฟนนะ แต่บางเรื่องที่ผมขอให้เธอทำให้ผมสบายใจ แค่เรื่องง่ายๆเธอไม่ทำ ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการเอาชนะหรืออะไร
ในกรณีของคอมคนนี้ จะให้ผมไม่คิดมากไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อคนในที่ทำงานเดียวกันเค้ายังเคยแอบคุยกับผญ.อีกคนนึงซึ่งมีแฟนอยู่แล้วด้วยซ้ำ แล้วจะให้ผมมั่นใจได้อย่างไรว่าเค้าจะไม่คิดหรือไม่เข้ามาพยายามจีบแฟนผม ซึ่งมันเป็นตรรกะโง่ๆของผมนี่แหละ คนที่จะเปลืองน้ำมันเพิ่ม วันละ4-5 กิโลต่อวัน เพื่อนมาส่งทุกๆวันโดยไม่คิดอะไร ซึ่งเป็นตัวผมเองก็คงรำคาญเหมือนกัน แต่บางครั้งบางคราวก็คงไม่ว่าครับ
พอเรื่องนี้เริ่มหนักขึ้น ผมก็เลยบอกว่าเออถ้ายังมาด้วยกันตลอดผมก็ขอเจอขอคุยกับทอมคนนั้นหน่อย หรือไม่ก็ให้มาส่งที่หน้าบ้านก็ได้ ลงมาคุยกันก็ได้ มันอาจจะดูงี่เง่ามากแต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แต่แฟนผมกลับบอกว่าไม่ใช่เรื่อง ไม่เห็นแก่หน้าเค้า ทำแบบนี้ให้เลิกคบไปเลยไหมกับทอมคนนั้น งงสิครับ แล้วบอกว่าผมไม่ให้เธอมีสงคม ไม่ให้เธอมีเพื่อน ทีนี้ผมจะแบ่งตามเคสไปนะครับ
1.เรื่องไปเที่ยวกับที่ทำงาน ผมไม่เคยห้ามเลยสักครั้ง ไปกินเหล้ากลับดึก มีบ้างครั้งที่ผมไม่พอใจเพราะเสร็จงาน เมาหนักมาก ด้วยความเป็นแฟนผมก็เป็นห่วงธรรมดา
2.คุยกับแฟนเก่า เคสนี้แฟนเก่าที่ว่าของเธอคือคนที่คบกันสมัยมัธยม จนเป็นเพื่อนกัน ซึ่งอันนี้แรกๆผมก็ไม่ชอบนะ เพราะอย่างแรกเค้าหล่อกว่า เค้าดูดีกว่า เค้าเท่ร์กว่า ใครๆก็กลัวใช่ไหมล่ะ แต่หลังๆผมก็โอเคคุยกันก็ไม่เป็นไรแต่ถ้า ผช. คุยกับ ผญ. บ่อยๆมันก็น่าจะดูแปลกๆหน่อยแหละ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนเพื่อนผช.คนอื่นที่แฟนผมคุยด้วย ซึ่งแฟนผมก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่คุยด้วย อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าผมคิดมาก อันนี้ผมก็ขอบคุณมากๆเลย
3.และส่วนเคสสุดท้าย คือเรื่องที่เล่าไปข้างต้น แฟนผมไม่ทำตัวแบบเคสที่ 2 เลย มีคำพูดแค่ว่าไม่อยากให้ผมคิดมาก ไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ ซึ่งตามนิสัยผช. ไม่มีอะไรก็มาคุยกันก็ได้รู้จักกันไว้ ก็ไม่เสียหาย ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยอยากรู้จักกับที่ทำงานของเธอเพราะเนื่องด้วยอายุที่ห่างกันของคนที่ทำงานแฟนกับผม แต่ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันหรือใกล้ๆกัน ผมก็คุยได้ปกตินะไม่ได้ไม่อยากรู้จักเลย
แบบนี้คือผมคิดมากไปรึเปล่าครับ หรือเค้าผิดปกติ หรืออะไรยังไง ตอนนี้ค่อนข้างจะไม่สบายใจเท่าไหร่ครับขอบคุณครับ