ปกติมีไม่บ่อยนะครับที่หนังเข้าชิงรางวัลหลายสาขาจะเป็นหนังที่ค่อนข้างเจาะกลุ่มตลาด แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ของผู้กำกับ Guillermo del Toro นั้นไม่ใช่ ต้องบอกว่าตอนแรกก้หวั่นๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอเข้าไปดูจบออกมา หนังเรียกว่าดูเพลินและสนุกน่าติดตามตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะ เรียกว่าไม่ผิดหวังเลยกับหนังแนวถนัดของผู้กำกับคนนี้
เรื่องราวของ Eliza ภารโรงสาวผู้เป็นใบ้ เธอทำงานทำความสะอาดให้กับห้องแล็ปของรัฐบาล สถานที่ที่เธอได้พบรักกับสิ่งที่เรียกว่าเป็น “สมบัติล้ำค่า” ของที่แห่งนี้ มันคือมนุษย์ใต้น้ำ มันถูกคุมขังและเตรียมถูกทดลองที่โหดร้ายทารุณ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สตริคแลนด์ นั่นทำให้เอไลซาที่เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเจ้าอมนุษย์ตัวนี้เริ่มวางแผนที่จะพามันหลบหนีให้ได้
หนังเล่าเรื่องได้ไม่ซับซ้อนเลย เรียกว่าถ้าไม่ติดว่ามีฉากเรท พวกฉากเลือดสาด ฉากช่วยตัวเอง ก็สามารถพาเด็กมาดูได้เลยล่ะ หนังไม่ได้บอกว่าเจ้า มนุษย์ใต้น้ำ มีที่มาที่ไปยังไง มาถึงก็โดนจับมาทรมานทรกรรมแล้ว แต่นังจะเล่าว่า การที่ เอไลซา กับเจ้า มนุษย์ใต้น้ำ มีจุดที่เหมือนกันตรงความมีปมบางอย่างที่เป็นจุดที่ทำให้เดียวดาย เลยเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันและกันจนเกิดเป็นความรักข้ามสายพันธุ์
ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นว่า ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ เอไลซา และ มนุษย์ใต้น้ำ แต่ละตัวละครเป็นตัวละครที่มีปมบางอย่างที่ทำให้ทุกคนมีความโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็เป็นการจุดประกายบางอย่างให้ทุกคนลุกขึ้นมาช่วยเหลือ เอไลซา ในการแอบพาตัว มนุษย์ใต้น้ำ ออกมาจากห้องทดลอง หนังบอกเล่าจุดเล็กๆ เหล่านี้ออกมาได้อย่างชัดเจนโดยที่เราไม่ต้องหาเหตุผลเลยว่า ทำไมพวกเข้าต้องให้ความช่วยเหลือกับความรักนี้
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังคือ หนังย้อนยุคไปสมัยสงครามเย็นที่มีเรื่องราวของสายลับรัสเซียเข้ามาแฝงตัวอยู่ในอเมริกา หนังทำภาพออกมาได้ย้อนยุคและสวยงามมากๆ งานภาพเป็นอะไรที่ดูเพลินตา งานตัดต่อ งานซาวนด์ งาน งานคอสตูม งานโปรดักชั่น ดูละเมียดละไมและปราณีตสุดๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แหวกแนวหรืออลังการดาวล้านดวง แต่มันก็ถูกควบคุมด้วยคุณภาพแบบที่แทบจะทุกจุดเลยทีเดียว
ความดีความชอบอีกอย่างคือ บทหนังที่มันพาคนดูถลำลึกไปเรื่อยๆ กับความสวยงามของความรักที่ คน กับสิ่งนั้น มีให้กันและกัน มันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรักที่สวยงามน่าค้นหา ซึ่งถึงแม้ว่าหนังจะค่อนข้างดาร์ค มีฉากติดเรทเยอะแยะมากมาย แต่ทำไมผมดูแล้วกลับรู้สึกว่าหนังมันไม่ได้ชวนให้คนดูมีอารมณ์กับสิ่งเหล่านั้นเลย แต่หนังกลับทำให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วยกับความรักครั้งนี้มากกว่า
สุดท้ายท้ายสุด ถึงหนังมันจะไม่ได้เป็นสุดยอดหนังแบบที่ดูแล้วว้าว แต่หนังก็ดูเพลินและสนุกจนต้องติดตามไม่คลาดสายตาตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ต้นจนจบ ลองไปดูกันครับ เสียดายอย่างนึงตรงที่โรงฉายไม่เยอะ ถ้าเทียบกับคุณภาพของหนังเรื่องนี้
ปล. เจ้ามนุษย์น้ำนี่ทำให้ผมนึกถึง “Ape Sapien” จาก Hellboy ซึ่งก็เป็นหนังที่ Guillermo del Toro เช่นกัน
ฝากเพจไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] The Shape of Water - หนังกล่องที่ดูง่ายไม่ต้องตีความเยอะ กับความรักข้ามสายพันธุ์ที่สวยงาม
เรื่องราวของ Eliza ภารโรงสาวผู้เป็นใบ้ เธอทำงานทำความสะอาดให้กับห้องแล็ปของรัฐบาล สถานที่ที่เธอได้พบรักกับสิ่งที่เรียกว่าเป็น “สมบัติล้ำค่า” ของที่แห่งนี้ มันคือมนุษย์ใต้น้ำ มันถูกคุมขังและเตรียมถูกทดลองที่โหดร้ายทารุณ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สตริคแลนด์ นั่นทำให้เอไลซาที่เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเจ้าอมนุษย์ตัวนี้เริ่มวางแผนที่จะพามันหลบหนีให้ได้
หนังเล่าเรื่องได้ไม่ซับซ้อนเลย เรียกว่าถ้าไม่ติดว่ามีฉากเรท พวกฉากเลือดสาด ฉากช่วยตัวเอง ก็สามารถพาเด็กมาดูได้เลยล่ะ หนังไม่ได้บอกว่าเจ้า มนุษย์ใต้น้ำ มีที่มาที่ไปยังไง มาถึงก็โดนจับมาทรมานทรกรรมแล้ว แต่นังจะเล่าว่า การที่ เอไลซา กับเจ้า มนุษย์ใต้น้ำ มีจุดที่เหมือนกันตรงความมีปมบางอย่างที่เป็นจุดที่ทำให้เดียวดาย เลยเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันและกันจนเกิดเป็นความรักข้ามสายพันธุ์
ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นว่า ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ เอไลซา และ มนุษย์ใต้น้ำ แต่ละตัวละครเป็นตัวละครที่มีปมบางอย่างที่ทำให้ทุกคนมีความโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็เป็นการจุดประกายบางอย่างให้ทุกคนลุกขึ้นมาช่วยเหลือ เอไลซา ในการแอบพาตัว มนุษย์ใต้น้ำ ออกมาจากห้องทดลอง หนังบอกเล่าจุดเล็กๆ เหล่านี้ออกมาได้อย่างชัดเจนโดยที่เราไม่ต้องหาเหตุผลเลยว่า ทำไมพวกเข้าต้องให้ความช่วยเหลือกับความรักนี้
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังคือ หนังย้อนยุคไปสมัยสงครามเย็นที่มีเรื่องราวของสายลับรัสเซียเข้ามาแฝงตัวอยู่ในอเมริกา หนังทำภาพออกมาได้ย้อนยุคและสวยงามมากๆ งานภาพเป็นอะไรที่ดูเพลินตา งานตัดต่อ งานซาวนด์ งาน งานคอสตูม งานโปรดักชั่น ดูละเมียดละไมและปราณีตสุดๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แหวกแนวหรืออลังการดาวล้านดวง แต่มันก็ถูกควบคุมด้วยคุณภาพแบบที่แทบจะทุกจุดเลยทีเดียว
ความดีความชอบอีกอย่างคือ บทหนังที่มันพาคนดูถลำลึกไปเรื่อยๆ กับความสวยงามของความรักที่ คน กับสิ่งนั้น มีให้กันและกัน มันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรักที่สวยงามน่าค้นหา ซึ่งถึงแม้ว่าหนังจะค่อนข้างดาร์ค มีฉากติดเรทเยอะแยะมากมาย แต่ทำไมผมดูแล้วกลับรู้สึกว่าหนังมันไม่ได้ชวนให้คนดูมีอารมณ์กับสิ่งเหล่านั้นเลย แต่หนังกลับทำให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วยกับความรักครั้งนี้มากกว่า
สุดท้ายท้ายสุด ถึงหนังมันจะไม่ได้เป็นสุดยอดหนังแบบที่ดูแล้วว้าว แต่หนังก็ดูเพลินและสนุกจนต้องติดตามไม่คลาดสายตาตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ต้นจนจบ ลองไปดูกันครับ เสียดายอย่างนึงตรงที่โรงฉายไม่เยอะ ถ้าเทียบกับคุณภาพของหนังเรื่องนี้
ปล. เจ้ามนุษย์น้ำนี่ทำให้ผมนึกถึง “Ape Sapien” จาก Hellboy ซึ่งก็เป็นหนังที่ Guillermo del Toro เช่นกัน
ฝากเพจไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/