กระทู้ต่อจาก Part 1 นะคะ
https://ppantip.com/topic/37344110
ฮาร์บิน ใหญ่กว่าที่คิดมาก ๆๆๆๆ
ถึงฮาร์บิน แล้ว ตะลึงมาก ๆ เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า เมืองนี้จะใหญ่ขนาดนี้ และหนาวขนาดนี้ เราคาดการณ์ผิดไปมากเลยทีเดียว ทำไมนะหรือ...
1. โรงแรมที่กะว่า น่าจะหาง่าย เดินได้ใกล้ ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ใกล้ซะแล้ว คิดเองว่า ถ้าเรียก taxi แล้ว พูดแบบที่ เตรียมมาน่าจะสื่อสารได้ เลยจัดเลย
"ไอบิสึ" 3 รอบ ..........เงียบ ........ เลยต้องงัด โทรศัพท์ มาชี้ทางแทน ปัญหาคือ ภาษามากกว่า 555
โรงแรมติดกับ ห้างสรรพสินค้าแบรนด์เนม ชั้นใต้ติด มี supermarket ที่ เราเดินไปซื้อของบ่อยมาก และหน้าโรงแรมนี่เอง เช้า ๆ สาย ๆ จะมีแก๊งค์รถ taxi มายืนรอนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ นี่แหละ ซึ่ง พนักงานโรงแรมจะหาให้ในราคาที่แพงกว่าปกติ แนะนำว่า เดินออกมาขึ้น อีกฝั่งหนึ่งจะดีกว่า ได้ตาม meter ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเองคิดว่า ต่อไป โรงแรมนี้ อาจไม่ได้เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว แนวแบคแพคอีกต่อไป ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลย โปรดใช้วิจารณยานในการอ่านนะคะ
2. รถเมล์ มีเยอะมาก หลายสาย วิ่งกัน ขวักไขว่ แต่ละป้าย ห่างกันมาก ๆ โชคดี google map ช่วยได้มากจริง ๆ แต่ก็ยังมีภาษาจีน ที่เราอ่านไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง
3. เราประเมินความหนาวเย็น ในระดับ ติดลบ 30 ผิดไป มันหนาวกว่าที่คิด ไอ้ที่ว่าหนาวจนหูจะหลุด นี่ รู้เลยว่าเป็นไง ตอนลงเครื่องบิน แค่เดินมาขึ้น รถ taxi ที่อยู่นอกตัวอาคาร เราไม่ได้ใส่ถุงมือ ที่ปิดหู เอาว่า แค่เอาเสื้อ coat มาใส่ เดินได้ ไม่ถึง 50 เมตร ปวดมือมาก เจ็บหู แสบจมูก มาก ๆ
เราใช้ Mask แบบเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะไม่อยากใช้ซ้ำ ผลคือ กันหนาวได้แหละ แต่พอมีไอน้ำออกมา Mask แข็ง เหมือนโดน กระดาษแช่แข็งบาด บริเวณโหนกแก้มมาก ทนได้ หนึ่งวัน กลับไปนอนคิด ทำไงดี ๆๆๆ สุดท้ายคิดออกว่า เอาพวก วาสลินทางดีกว่า แต่เราไม่ได้พกมา ก็ เอา ลิปมัน นี่แหละละเลงให้เต็มหน้า ผลคือ ดีมาก ไม่แสบเลย ทาได้เรื่อย ๆ ด้วย ลองเอาไปลองนะคะ
หมวกใบนี้ เราซื้อที่นั่นริมถนนเลย ไม่ได้อุ่น มากเท่ากับการที่เราใส่ที่ปิดหูโดยตรง คือ ก็ ไม่ได้ ประทับใจมากเท่าไหร่ คันจมูก คันตาด้วย 555 คาดว่า ถ้าได้ขนแบบคุณภาพดีกว่านี้ อาจจะดีกว่านี้ก็ได้
หลังซื้อเสร็จ ก็จะใส่มันเลย ดูสิว่าจะอุ่นมั้ย ตอนใส่ คือต้องถอดถุงมือ เราเลยฝากพ่อถือให้ ใส่เสร็จ หันกลับมา พ่อเดินไปนู้นละ หนาวมือมาก ๆ เจ็บเลยว่าได้ สรุป อุ่นหู แต่หนาวที่มือแทน ( แค่นาทีเดียวที่เนื้อหรือมือสัมผัสอากาศ นั่นคือ ความเจ็บปวด งง เนอะ ทรมานขนาดนั้น แล้วจะไปเพื่อ..... 555)
สำหรับคนใส่แว่น บอกเลยว่า แว่นธรรมดา แบบเรา ๆ ท่าน ๆ เป็น ฝ้า แน่นอน ฝ้าชนิดที่ว่า เป็นปุ้บ ถ้าไม่รีบเช็ด ไอน้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็ง หนักกว่าเดิม เราและขณะลูกทัวร์ ผู้ที่ใส่แว่นตลอดเวลา เกิดปัญหาทันที อันนี้ ไม่มีคำแนะนำจริง ๆ รึว่า ใส่คอนเทคจะดีกว่าหรือว่ามีแว่นกันฝ้า อันนี้ใครมีประสบการณ์แนะนำด้วยนะคะ
ฮาร์บิน ดินแดนแห่งจุดเยือกแข็ง ถ้าเปรียบเหมือนเมืองไทย คงเหมือน จังหวัด อุดรธานี มีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลากอย่าง อาหารการกิน ก็ไม่ได้แพงไปกว่า กรุงเทพ ค่ารถเมล์ ก็ถูกมากกกก แต่ค่า taxi แพง สงสัยเพราะเราพูดไม่เป็นมั้ง 555 คงด้วยความที่เราอยู่แต่ในเมือง ไม่ได้ออกไปชนบท เราเลยพบว่า เทคโนโลยี ต่าง ๆ ไปไกลกว่าบ้านเราพอสมควร ใช้จ่ายผ่าน แอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะร้านเล็กใหญ่ หรือ taxi ก็ มี QR code สำหรับจ่ายเงิน ซึ่งเราว่า ก็สะดวกดีนะ หากรถไฟฟ้าเสร็จเร็วกว่านี้ อีกสัก 2-3 ปี การเดินทางในฮาร์บิน จะสะดวกกว่านี้มาก ๆ ทริปนี้เราไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเลย ใช้รถเมล์เป็นหลัก ประหยัดดี 5-10 บาท เท่านั้นเอง
ฮาร์บิน มค 61....หนาวสุด เหนื่อยสุด สวยสุด และต้องใช้สติสุด ๆ เช่นกัน (Part 2 : ฮาร์บิน เมืองใหญ่ กว่าที่คิดมากๆๆๆ )
ฮาร์บิน ใหญ่กว่าที่คิดมาก ๆๆๆๆ
ถึงฮาร์บิน แล้ว ตะลึงมาก ๆ เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า เมืองนี้จะใหญ่ขนาดนี้ และหนาวขนาดนี้ เราคาดการณ์ผิดไปมากเลยทีเดียว ทำไมนะหรือ...
1. โรงแรมที่กะว่า น่าจะหาง่าย เดินได้ใกล้ ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ใกล้ซะแล้ว คิดเองว่า ถ้าเรียก taxi แล้ว พูดแบบที่ เตรียมมาน่าจะสื่อสารได้ เลยจัดเลย
"ไอบิสึ" 3 รอบ ..........เงียบ ........ เลยต้องงัด โทรศัพท์ มาชี้ทางแทน ปัญหาคือ ภาษามากกว่า 555
โรงแรมติดกับ ห้างสรรพสินค้าแบรนด์เนม ชั้นใต้ติด มี supermarket ที่ เราเดินไปซื้อของบ่อยมาก และหน้าโรงแรมนี่เอง เช้า ๆ สาย ๆ จะมีแก๊งค์รถ taxi มายืนรอนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ นี่แหละ ซึ่ง พนักงานโรงแรมจะหาให้ในราคาที่แพงกว่าปกติ แนะนำว่า เดินออกมาขึ้น อีกฝั่งหนึ่งจะดีกว่า ได้ตาม meter ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. รถเมล์ มีเยอะมาก หลายสาย วิ่งกัน ขวักไขว่ แต่ละป้าย ห่างกันมาก ๆ โชคดี google map ช่วยได้มากจริง ๆ แต่ก็ยังมีภาษาจีน ที่เราอ่านไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง
3. เราประเมินความหนาวเย็น ในระดับ ติดลบ 30 ผิดไป มันหนาวกว่าที่คิด ไอ้ที่ว่าหนาวจนหูจะหลุด นี่ รู้เลยว่าเป็นไง ตอนลงเครื่องบิน แค่เดินมาขึ้น รถ taxi ที่อยู่นอกตัวอาคาร เราไม่ได้ใส่ถุงมือ ที่ปิดหู เอาว่า แค่เอาเสื้อ coat มาใส่ เดินได้ ไม่ถึง 50 เมตร ปวดมือมาก เจ็บหู แสบจมูก มาก ๆ
เราใช้ Mask แบบเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะไม่อยากใช้ซ้ำ ผลคือ กันหนาวได้แหละ แต่พอมีไอน้ำออกมา Mask แข็ง เหมือนโดน กระดาษแช่แข็งบาด บริเวณโหนกแก้มมาก ทนได้ หนึ่งวัน กลับไปนอนคิด ทำไงดี ๆๆๆ สุดท้ายคิดออกว่า เอาพวก วาสลินทางดีกว่า แต่เราไม่ได้พกมา ก็ เอา ลิปมัน นี่แหละละเลงให้เต็มหน้า ผลคือ ดีมาก ไม่แสบเลย ทาได้เรื่อย ๆ ด้วย ลองเอาไปลองนะคะ
หมวกใบนี้ เราซื้อที่นั่นริมถนนเลย ไม่ได้อุ่น มากเท่ากับการที่เราใส่ที่ปิดหูโดยตรง คือ ก็ ไม่ได้ ประทับใจมากเท่าไหร่ คันจมูก คันตาด้วย 555 คาดว่า ถ้าได้ขนแบบคุณภาพดีกว่านี้ อาจจะดีกว่านี้ก็ได้
หลังซื้อเสร็จ ก็จะใส่มันเลย ดูสิว่าจะอุ่นมั้ย ตอนใส่ คือต้องถอดถุงมือ เราเลยฝากพ่อถือให้ ใส่เสร็จ หันกลับมา พ่อเดินไปนู้นละ หนาวมือมาก ๆ เจ็บเลยว่าได้ สรุป อุ่นหู แต่หนาวที่มือแทน ( แค่นาทีเดียวที่เนื้อหรือมือสัมผัสอากาศ นั่นคือ ความเจ็บปวด งง เนอะ ทรมานขนาดนั้น แล้วจะไปเพื่อ..... 555)
สำหรับคนใส่แว่น บอกเลยว่า แว่นธรรมดา แบบเรา ๆ ท่าน ๆ เป็น ฝ้า แน่นอน ฝ้าชนิดที่ว่า เป็นปุ้บ ถ้าไม่รีบเช็ด ไอน้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็ง หนักกว่าเดิม เราและขณะลูกทัวร์ ผู้ที่ใส่แว่นตลอดเวลา เกิดปัญหาทันที อันนี้ ไม่มีคำแนะนำจริง ๆ รึว่า ใส่คอนเทคจะดีกว่าหรือว่ามีแว่นกันฝ้า อันนี้ใครมีประสบการณ์แนะนำด้วยนะคะ
ฮาร์บิน ดินแดนแห่งจุดเยือกแข็ง ถ้าเปรียบเหมือนเมืองไทย คงเหมือน จังหวัด อุดรธานี มีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลากอย่าง อาหารการกิน ก็ไม่ได้แพงไปกว่า กรุงเทพ ค่ารถเมล์ ก็ถูกมากกกก แต่ค่า taxi แพง สงสัยเพราะเราพูดไม่เป็นมั้ง 555 คงด้วยความที่เราอยู่แต่ในเมือง ไม่ได้ออกไปชนบท เราเลยพบว่า เทคโนโลยี ต่าง ๆ ไปไกลกว่าบ้านเราพอสมควร ใช้จ่ายผ่าน แอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะร้านเล็กใหญ่ หรือ taxi ก็ มี QR code สำหรับจ่ายเงิน ซึ่งเราว่า ก็สะดวกดีนะ หากรถไฟฟ้าเสร็จเร็วกว่านี้ อีกสัก 2-3 ปี การเดินทางในฮาร์บิน จะสะดวกกว่านี้มาก ๆ ทริปนี้เราไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเลย ใช้รถเมล์เป็นหลัก ประหยัดดี 5-10 บาท เท่านั้นเอง