ฮาร์บิน มค 61....หนาวสุด เหนื่อยสุด สวยสุด และต้องใช้สติสุด ๆ เช่นกัน (Part 1 เกือบฮาไม่ออก)

ก่อนอื่นเกริ่นก่อนว่า
1  เราไม่ได้เป็นแบคแพคเกอร์มืออาชีพแต่อย่างใด ได้แต่ฝังตัวอยู่ใน pantip เพื่ออ่าน รีวิว ต่าง ๆ จากเพื่อน ๆ ในนี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมตัว รวมถึง facebook page ต่าง ๆ ด้วย เราได้รับข้อมูลดี ๆ และความช่วยเหลือมากมาย ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และหากมีข้อสงสัยอะไรที่เราพอช่วยได้ ถามมาได้นะคะ  ทริปนี้ เราใช้เวลากับมันพอสมควรค่ะ
2 ทริปนี้ มีแต่ผู้สูงวัย คือ วัยประมาณ  60 กว่า ๆ ถึง 4 คน แล้วก็เรา ซึ่งก็ เลยเลข 3 มาสักระยะแล้ว 555
3 ในกระทู้นี้ เราอยากเก็บประสบการณ์ เอาไว้ เผื่ออาจเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ ที่ ใช้ pantip เป็นฐานข้อมูลในการท่องเที่ยวแบบเรา อาจไม่ครบทุกแง่มุม แต่ก็คงพอช่วยได้บ้าง เราก็ยินดีค่ะ (รึ อาจไม่ได้อะไรเพิ่มเติม)

   ด้วยความที่ แม่ ของเรา ท่านเป็นคนชอบเที่ยว ไปที่ไหน ๆ ก็ดูจะมีความสุขกับการได้เที่ยวเสมอ ทั้งที่ อายุ ก็เลยเลข 6 มาหลายปีแล้ว พ่อก็เหมือนกัน สิ่งที่แม่อยากเห็นมากที่สุด ก็ คิอ หิมะ   จำได้ว่า วันนั้นเผลอพูดไปว่า Harbin เลยมั้ยละ หนาวสุดขั้วดี แล้วก็มี เทศกาลน้ำแข็งระดับนานาชาติอีกด้วย  แม่ก็ตอบตกลงในทันที แถมโทรไปชวนน้า อีก 2 ท่าน ก็ตกลงโดยที่ไม่คิดอะไรกันอีกด้วย 555 เลยจัดการจองตั๋วเครื่องบินไปในทันที

   ตั๋วเครื่องบิน
     เราไม่ได้มีเทคนิคการจองตั๋วแต่อย่างใด ได้แต่ เข้าไปดูเรื่อย  โดยมักใช้บริการ  E...... เป็นหลัก เพราะง่ายดี แต่ ไม่วาย สุดท้ายก็แอบมีปัญหา
ทริปนี้ เราใช้บริการของ China eastern ซึ่งต้องไป เปลี่ยนเครื่องที่ เซี่ยงไฮ้ PVG ตอนแรก plan ว่า จะไป นอนเล่นที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อรอต่อเครื่องเช้า จะได้นอนสบาย ๆ ทริปแบบชิล ๆ กันไป   (ราคาที่ได้ ก็ธรรมดา ไม่ถูก ไม่แพง 13,555 ต่อคน , ค่า รร ที่เซี่ยงไฮ้ ก็ ประมาณห้องละ พันกว่าบาท)


    ข้อผิดพลาดขั้นรุนแรงที่ว่า คือ:  ด้วยความสะเพร่าของเรา เราไม่ได้ ตรวจก่อนว่า นามสกุลของน้า และลูกของท่าน เมื่อสะกดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว มันไม่เหมือนกัน ทำให้ ในใบจอง กับ passport ไม่ตรงกัน เช่น สมมติคำว่า  พร บางคน ใช้ pon บางคนใช้ porn ทำให้ สายการบินไม่สามารถออกตั๋วได้  ที่ร้ายแรงคือ เราเพิ่มมารู้ที่หน้า เคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่ง มีเวลาเพียงแค่ 2 ชม. ก่อนเครื่องออก
   ผลคือ   1. ทำให้ 2 ใน 5 ไม่สามารถออกตั๋วได้ ซึ่ง มันกระเทือนกับตั๋วทุกใบทั้งไปกลับ  
              2. ต้องตัดสินใจต่อว่า จะไปต่อ หรือ ทิ้งทั้งหมด
              3. ภายใต้เงื่อนไขคือ ทุกคนไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ ไม่มีใครเคยไปจีนมาก่อนด้วยตัวเอง ภาษาอังกฤษ พอได้เล็กน้อย  ทุกคนฝากความหวังไว้ที่เรา  
              4. ต้องติดต่อซื้อตั๋วใหม่ ให้กับอีก 2 ท่าน ที่ออกตั๋วไม่ได้ เพื่อให้ไปและกลับ พร้อมกัน หรืออย่างน้อย ไปใกล้เคียงกันมากที่สุด

    การแก้ไข: แนะนำคนอื่น ๆ ว่า สติ เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาได้ โดยที่เจ็บปวดน้อยที่สุด
    ขั้นตอนที่ได้ทำไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ถูกหรือผิด หรืออาจมีวิธีที่ดีกว่านี้
         1. เช็คเงื่อนไขของตั๋วก่อนว่า สามารถแก้ไขชือ่ หรือ เปลี่ยนชื่อได้หรือไม่ โดยงานนี้ ก็ต้องเช็คกับ Agency ซึ่งเรา ก็ได้คำตอบว่า แนะนำให้โทรไปที่สำนักงานใหญ่ที่จีน หากไม่ได้ คงต้องซื้อตั๋วใหม่ทั้งหมด และ ข้อแนะนำที่สำคัญที่สุด คือ อย่าลืม cancel ตั๋วเดิมให้ทันเวลา เพราะจะทำให้ เราเสียแค่ค่าธรรมเนียม 2800  แล้วที่เหลือจะได้คืนกลับมาในบัตรที่เราใช้จองไป
       ประเด็นนี้ ต้องขอบคุณ call center ของ E..... ที่ช่วยแนะนำเราเป็นอย่างดี และช่วยอำนวยความสะดวกให้เราด้วย

        2. ก่อนออกนอกประเทศ เราควรหาวิธีที่ทำให้ สามารถติดต่อ สื่อสารกันได้ หากว่า เราไม่ได้เดินทางไปพร้อม ๆ กัน เราจะได้นัด หรือ ช่วยเหลือกันได้ซึ่งเราทำการบ้านมาจากใน พันทิปนี้  จึงเตรียม ซิม การ์ดมาแล้ว 3 อัน กะว่า เผื่อ พ่อแม่ น้าจะเล่น ไลน์ เฟส กัน ที่จีน จะได้ไม่ลำบากคิดแค่นั้น  แต่ในครั้งนี้ เรารู้เลยว่า การมีซิม และสามารถติดต่อกันได้ มันช่วยได้มาก จริงๆ  ซึ่ง แน่นอน ขั้นตอน หลังจาก ลงทะเบียน ก็ ต้อง activated ซิม ก่อนออกนอกประเทศ   ไอ้ขั้นนี้แหละที่ ก็มีปัญหา เหมือนกัน เพราะ ไม่ใช่ทุกเครื่องที่ใช้ ซิม นี้ได้ และ ตัวแหลม ๆ ที่ใช้เปลี่ยนซิม หากไม่ได้ติดมาด้วยก็ลำบากพอสมควร  แนะนำว่า ทำให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ที่บ้านจะดีที่สุด เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นด้วย

      3. การติดต่อซื้อตั๋วใหม่    หากต้องการเดินทางวันนี้  จะต้องซื้อโดยตรง กับ เวป ของสายการบิน  ไม่สามารถ ซื้อตามเวปเดิมของเราได้   เราจึงได้โทรหาน้องสาว ซึ่งเป็นลูกสาวของน้า เพื่อช่วยเราในการหาตั๋วใหม่ ให้ น้าทั้ง  2 ไปได้ ซึ่ง น้องสาวให้ Agency ช่วยหาเที่ยวบิน ที่ใกล้เคียงกับเที่ยวบินเดิมได้  
( กว่าจะรู้ว่าได้ตั๋วใหม่ เราก็ถึงเซี่ยงไฮ้ ซะแล้ว โดย มีแค่ ไฟล์ทเดียวที่ต่างกัน คือ BKK-PVG ที่ ต้องไปช้ากว่า ประมาณ  7 ชม.  แล้ว ทั้ง 5 คนจได้ ไปต่อเที่ยวบิน เดียวกันที่ เซี่ยงไฮ้ (PVG-HRB)  ที่เหลือ ไฟล์ทกลับ ได้เป็นไฟล์ทเดียวกันทั้งหมด แต่ แต่ แต่  ตั๋วใหม่นี้ ราคาแพงเอาการทีเดียว ตกคนละ 23350  บาท.........น้ำตาไหล  แต่เอาน่าาาาาาาาา  ช่างเถอะ ได้ไปด้วยกันก็ดีมากมายละ)

     4.  การเตรียมเอกสาร เรื่องที่พัก ต่าง ๆ เราแบ่ง เอกสารจำนวนนึงให้น้าเอาไว้ เผื่อว่า ต้องกรอกใบ ต.ม. เข้าประเทศ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาลอกกัน ไม่คิดว่า อันนี้ สำคัญสุดเลย เพราะ เราแยกกันเดินทาง  หากไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหน คงกรอกเอกสารเข้า ต.ม. ไม่ได้  เราเลยจัดไว้ให้

      เมื่อคิดได้ประมาณนี้ เราก็ พา พ่อ-แม่ ไป ขึ้นเครื่อง แล้ว ฝากภาระนี้ ให้น้องสาวดูแลต่อ   เรารู้สึกกังวล และรู้สึกเป็นห่วงตลอดทาง เพราะ ก่อนที่เราขึ้นเครื่องนั้น  เรายังไม่รู้เลยว่า น้องสาวจะหาตั๋วใหม่ให้ได้หรือเปล่า  แล้วแผนของเราจะเป็นยังไงต่อ  แล้ว น้าเราจะไปถึงเซี่ยงไฮ้ได้มั้ย  แล้วไปถึงจะติดต่อกนได้ยังไง โอ้ย  กังวล สารพัด  จนแทบไม่หลับเลย    

   ( ลืมเล่าไปเรื่องนึง คือ ก่อนเดินทาง 1 วัน เรามีไข้ เจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ มีคราบขาวเต็มเลย คิดว่า สภาพนี้ จะไหวมั้ยเนี่ย แต่ เอาน่า สู้ ๆ เพื่อพ่อแม่ และน้า เราต้องหายให้ทัน เราก็เลยทั้งกิน ทั้งฉีดยา ทำไงก็ได้ให้หายเร็วที่สุด ส่วนน้าเรา ท่านท้องเสีย คืนก่อนเดินทางเหมือนกัน ทั้ง 2 คน พอเจอหน้ากันต่างพูดว่า อาการไข้ อาการต่าง ๆ เหมือนหายไปชั่วคราว ช่วงเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น  พอเหตุการณ์สงบ มันค่อยกลับมาใหม่ 555 อย่างน้อย ร่างกาย ก็ ถูกจิตใจควบคุมไว้ได้จริง ๆ ด้วย)

ถึง เซี่ยงไฮ้ แล้ว  
     สิ่งที่คิด เริ่มเกิดขึ้น  คือ ต้องกรอกเอกสารเข้าประเทศละ  ดีนะที่ ทำแผนการเดินทางโดยละเอียด แล้วก็ ให้ที่อยู่ รร เอาไว้   ไอ้ที่กะว่าจะเดินตาม ๆ กันอย่างชิล ๆ นี่ไม่ได้ละ  ต้องช่วยกันละ  สิ่งที่เราทำได้ คือ ถ่ายรูป ใบ ต.ม.  ที่เรากรอกแล้ว และส่งกลับไปให้น้า ให้ทัน ก่อนที่ ท่านจะขึ้นเครื่องบิน  เวลา มันช่างบีบเราเหลือเกิน
เราก็พยายามถ่ายรูปเอาไว้ แต่ก็ ชัดมั่ง ไม่ชัดมั้ง
ถ่ายรูปที่อยู่ รร ไว้ เผื่อว่า น้าเอาให้ taxi ดู จะได้พามาที่ รร  เพื่อเจอกันได้

     เราก็พาพ่อแม่ไปที่ รร ที่จองไว้ ( Joyful star wanxia) อ่านมาซะดิบดี ว่า มี เคาน์เตอร์ของ รร ที่ สนามบิน มีรถรับส่งที่ รร นะ  แต่พอไปถึงจริง ๆ  ไม่มีอ่ะ  เคาน์เตอร์ หาย.....เอาละสิ Taxi ก็ได้   ระหว่างนี้พยายามจำสิ่งต่าง ๆ จุดนักหมาย landmark ที่สำคัญ ๆ ที่สนามบินเอาไว้ เผื่อ จะได้ นัด น้าเวลามาถึง   ตามกำหนด เครื่องน้า จะมาถึง ประมาร ตี 2 ครึ่ง แล้วพวกเราต้องต่อเครื่องไปต่อตอน 7 โมงเช้า คิดใหม่ว่า  ให้น้ารอที่ สนามบินจะดีกว่า  แต่จะไปเจอกันที่ไหน ละ นี่สิ ปัญหา

     ตี 2 ครึ่งละ น้าเรา โทรไลน์ มา  เราดีใจมากกกก  อย่างน้อย เค้าก็ติดต่อเราได้    แต่  แต่ แต่  น้าเรา ไม่สามารถบอกได้ว่า ตัวเอง อยู่ที่ไหน  ตำแหน่งไหน เราเลยถามว่า งั้น มาที่ รร มั้ย  เอารูปที่อยู่ให้ taxi ดู น่าจะมาได้  น้าก็ OK   พอไปเรียก taxi เจอขูดไป 200 หยวน เลยไม่เอาดีกว่า รอที่ สนามบิน อีก สัก 2-3 ชม. ก็ได้เจอกันละ   ปัญหาคือ จะไปอยู่ตรงไหน ถึงจะเจอกัน   เรานี่ มึนตึบไปเลย  นี่ ไม่ใช่ที่ สุวรรณภูมิ ที่คุ้นเคย เลยยากสำหรับเรา  
    
     เราเลยต้องหาข้อมูลแล้วส่งกลับไป พบว่า  PVG นี่ มี 2 terminal ซึ่งห่างกันซะด้วย  ทำไงดี   เอางี้ดีกว่า ลองหาว่า ไฟล์ท ที่เราจะบินเช้า ต้องที่ terminal ไหน ชั้นไหน  หาไปหามา ก็เจอ ตารางบิน  แบบนี้  โชคดีมากกกก

หาต่ออีกนิดว่า ชั้นไหน คือ ชั้นที่เป็น เคาน์เตอร์เช็คอิน แล้วก็เจอ

เราเลยบอกว่า ให้หาทางไป ชั้น 3  terminal 1  ให้ได้    สักพัก น้า ก็ส่งรูปนี้มา เรานี่ โล่งเลย
OK   หาที่นอนรอได้เลย    เช้าแล้วเจอกัน   สบายใจละ   กำลังจะนอน  ดูเวลา ตี 4 โอยยยยยย    ไปต่อก็ได้  เลยตื่นขึ้น รถ รร ไป สนามบิน

สุดท้ายก็เจอกัน  เรียนร้อยไป 555

นี่ยังไม่ถึง ฮาร์บินเลย เกือบจะฮาไม่ออกซะแล้ว

( Part ต่อไป คงจะถึงที่ ฮาร์บินแล้วนะคะ    หากเล่ายาวไป เยอะไป  ข้ามได้เลยนะคะ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่