จากใจจริงผมชอบคุณน้ำมิตร แต่คุณน้ำมิตรคือจุดอ่อน

กระทู้คำถาม
เรื่องการไกล่เกลี่ย การเสนอตัวมาเป็นกรรมการห้ามมวย ถือว่าคุณน้ำมิตรมเจตนาดี มีความพยายามสูง
ถึงแม้ว่าพฤติกรรมออกจะค้านสายตากองเชียร์อีกฝ่ายก็ตาม สำหรับผมก็ยังถือว่าโอเคสอบผ่านอยู่

แต่เพียงแค่เจตนาดี มีความพยายามสูง มันไม่เพียงพอครับ เพราะจุดเดือดของคุณน้ำมิตรคือตัวปัญหา

นั่นคือ จุดเดือดต่ำ ซึ่งกลับกลายเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดไฟติดลุกลามบานปลายง่ายโดยไม่รู้ตัว

ต้องบอกว่า คุณน้ำมิตรไม่รู้ตัวจริงๆ ว่า การตอบโต้ของคุณน้ำมิตร ต่อคู่กรณีของคู่กรณี อาทิ คุณหล่อ
ต่อกองเชียร์ อาทิ ป้าสาว ต่อฝ่ายซ้ำ อาทิ หมวยอินดี้ที่เคยมีเรื่องกินเเกาเหลากันมาก่อน
รวมไปถึงต่อกองกำลังที่ทราบฝ่าย อาทิ นอนแดงที่สามารถออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

อย่างกระทู้ล่าสุด ความคิดเห็นน้องพรท่วมทู้ แต่คู่กรณีกลับโหรงเหรง ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่กรณีที่ท่านเรียก
น้องพร (หมวยอินดี้) เยอะ คุณน้ำมิตรก็แยะตาม จากทู้เคลียร์ของคนอื่น ก็เลยกลายเป็นทู้เยอะแยะของสาว 2 น

ถึงจะมีคู่กรณีมาตอบหนึ่งคน ซึ่งก็ทำให้ทราบผลลัพธ์ว่า กระทู้นี้ไม่บรรลุตามเจตนาของคุณน้ำมิตรเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนกรณียิบย่อย อาทิ ข้อเสนอของคุณน้ำมิตร อาจจะไม่ตรงใจกับคนดู กองเชียร์ กองแช่ง และคู่กรณีเอง
คุณน้ำมิตรต้องเปิดใจรับฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี อีกฝ่ายจะพูดอะไร ก็ให้พิมพ์มา มีแรงพิมพ์มา ก็ปล่อยให้พิมพ์ไป
พิมพ์เมื่อยนิ้วเมื่อไหร่ เดี๊ยวอีกฝ่ายก็คงจะเลิกพิมพ์เอง ถ้าไม่เลิกพิมพ์ พิมพ์วนมาวนไป เดี๋ยวคนดูรำคาญคนดูก็ด่าเอง
อย่างแพนด้ารำคาญน้องพร แพนด้าก็ออกหน้าเอง คุณน้ำมิตรในฐานะคนกลางควรแสดงความนิ่งครับ

ส่วนกระทู้ที่คุณน้ำมิตรตั้งออกมาเยอะแยะ ซึ่งผมไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านนะ
บางกระทู้ผมอ่านหัวข้อผมก็รู้ล่ะว่า เป็นเรื่องดราม่ากระทบชิ่งตอบโต้กันไปมา
แนวอ้อมโลก วนรอบระบบสุริยะ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นวังวนเดิมๆ คือ เถียงเอาชนะ

พูดๆ ไป มันก็คือ อีโก้ นั่นล่ะ อย่างน้องพรนี่พูดจริง อีโก้น่าจะสูงสุดถึงขั้นกลายเป็นเทพเซียนไปแล้ว
แต่ก็มีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ อีโก้ของน้องพรก็ยังสามารถลดลงมาได้อย่างน่าทึ่ง
เหมือนมีใครเอาวีโต้ไปทาดับกลิ่นเต่า แต่พอวีโต้หมดกลิ่นเต่าก็เลยตุๆ อีกครั้ง เลยยากที่จะเดาทางน้องพร

ส่วน (ส่วนอีกแล้ว หลายส่วนเหลือเกิน) ที่คุณน้ำมิตรเคยถามผมเป็นใคร ในอดีตเคยพูดคุยกันมาก่อนหรือเปล่า
ผมขอตอบว่า ผมเห็นคุณน้ำมิตรมา 10 ปี แล้วครับ ผมไม่เคยอ่านหรือตอบกระทู้คุณน้ำมิตรเลยครับ
สาเหตุเพราะช่วงเวลานั้นเห็นคุณน้ำมิตรเป็นคนประเภท สายลม แสงแดด ไม่ใช่พวกราชดำเนินส่วนหน้า
อยู่พื้นที่ปะทะทางความคิดในเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง อย่าง นางเอกจำปูน คุณ TSC คุณป้าสาว คุณนพ คุณทอง
ที่ชอบออกมาแลกหมัดซดปะทะทางความคิดในเรื่องทางการเมืองกับอีกฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ

ขอจบเอาดื้อๆ ขอตัวไปทำธุระก่อน หมดเวลาพอดีครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
สวัสดีค่ะจขกท.
ขออภัยที่อ่านเพียง 4 บรรทัดแรก  ก็เกิดอยากเล่าประสบการณ์บางเรื่องให้ฟังค่ะ   เม่าเศร้า
จากคดีที่ดิฉันเป็นโจทย์ 3 คดีที่สู้กันถึง 5 ศาล มีหลายเรื่องที่ทำให้เรามีความรู้มากขึ้น
รวมถึงขั้นตอนทางกฎหมายด้วย

กล่าวคือ พอเรื่องไปถึงศาลก่อนจะถึงขั้นตอนการไต่สวน
จะมีหมายนัดให้คู่ความเข้าสู่ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยก่อน  แต่ดิฉันปฎิเสธ  ปฎิเสธที่จะประนีประนอม.....แล้ว
ซึ่งทนายบอกไม่ได้  เพราะเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ต้องทำ (ภาคบังคับมั้ง?)
จุดประสงค์คือ เผื่อสามารถเจรจากันได้ในชั้นไกล่ไกลี่ย  เรื่องที่จะนำเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาล  จะได้ลดลง

ที่อยากจะเล่า คือ (เผื่อจะได้เห็นภาพกันน่ะค่ะ)  จนท.ศาลที่อยู่แผนกศูนย์ไกล่เกลี่ย ดิฉันมีความรู้สึกว่าเขาคัดคนที่เหมาะสมจริง
หรืออาจเป็นได้ว่า ต้องผ่านการอบรมเฉพาะ น่าจะเป็นนักจิตวิทยาหรือเปล่า
เอาสถานที่ก่อน  สถานที่จะเป็นอีกโซนของห้องพิจารณาคดี  และคนละชั้น
จะมีหลายห้องเล็กใหญ่ต่างกัน ติดแอร์เย็นฉ่ำ หน้าห้องจะมีป้ายเสียบ เลขที่คดี...../....
ชื่อโจทย์  เวลาที่ใช้ห้อง  คู่ความจะได้มารอถูกห้อง

แล้วจนท.ที่รับผิดชอบไกล่เกลี่ยคดีของเราก็มาพร้อมเอกสาร (สำนวนของคดี)
แล้วเรียกคู่ความเข้าห้อง  ซึ่งจะมีได้แค่ โจทย์/ทนายโจทย์,จำเลย/ทนายจำเลย  เท่านั้น
เมื่อนั่งกันเรียบร้อย จนท.จะถามว่า ใครเป็นโจทย์?/ทนาย/จำเลย/ทนาย
จากนั้นจนท.ก็ฟังเรื่องราวจากปากคำทั้งสองฝ่ายอีกที (นอกเหนือจากในสำนวนที่เป็นเอกสาร)
ต่อมาจนท.ก็ให้ฝ่ายจำเลยและทนายออกจากห้องไปก่อน  และคุยเฉพาะกับเราและทนาย
พร้อมบันทึกเงื่อนไข/ข้อตกลงของเรา (ถ้ามี)

จากนั้นจนท.ก็เรียกฝ่ายจำเลยเข้ามาคุย/ซักถาม และให้เราออกไปรอบ้าง
เสร็จแล้วเรียกเข้ามาฟังพร้อมกัน  หาข้อสรุปของทุกฝ่ายให้ฟังอีกครั้ง
ไม่ว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ได้อย่างไร  จนท.จะบันทึกเป็นรายงานส่งศาลค่ะ
ถ้าตกลงกันได้ ก็จบในชั้นไกล่เกลี่ยนี้  ไม่ต้องนำส่งสู่ศาล  
โดยจนท.จะทำบันทึกข้อตกลงพร้อมลงลายมือชื่อทุกคน  ยืนยันว่ารับทราบตามที่ตกลงกันค่ะ

การทำหน้าที่ของจนท.ผู้ไกล่เกลี่ยดิฉันรู้สึกประทับใจ  จึงอยากนำมาเล่าสู่น่ะค่ะ คดีดิฉัน จนท.เป็นผู้ชาย
คือ บุคลิกภาพดี ถึงดีมาก ทางด้านกายภาพก็ผ่านแล้ว.....
การเจรจา แกไม่แสดงอาการ (หรือคำพูด) ใดใดที่เอนเอียงไปทางฝ่ายไหนเลยยยยย
ไม่ว่าสีหน้า แววตา น้ำเสียง เนื้อหาของคำพูด ไม่ชี้นำ ไม่เออออ กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไปด้วย
ไม่รุกไล่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือต้อนใครให้จนมุม หรือ เยาะเย้ย ถากถาง หรือเสียดสี ฝ่ายใด
รวมๆคือ ไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด  ว่าคุณมันไม่เป็นกลาง (นี่หว่า) จนไม่อยากร่วมเจรจาด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ไม่รู้เกี่ยวกับกระทู้มั้ย?  แต่ดิฉันเล่าประสบการณ์ที่มีให้ฟังน่ะค่ะ  อมยิ้ม33
เดี๋ยวขอเวลาอ่านกระทู้ของคุณต่อให้จบ.....
อย่างที่บอกค่ะ อ่านไปได้แค่ 4 บรรทัดก็นึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา
ความคิดเห็นที่ 16
ผมแสดงความเห็นต่อกรณีนี้ ตรงนี้แล้วกัน

ประเด็นความขัดแย้ง เริ่มจากตรงไหน ถ้าจะย้อนกันจริง คงไปไกลมาก ถ้าเริ่มจากช่วงที่ผมเข้ามาราชดำเนิน ก็คงเรื่องนิทาน หรือหลังไมค์หลุดโน้น

แต่ถ้าเริ่มมองจากคุณ cnck มีบทบาท ก็คงเรื่อง ทีมเฉพาะกิจ กับการฟ้องร้อง

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมด คุณ cnck กำกับเองทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเรื่องบอกจะฟ้องร้อง เรื่องหาเรื่องเรียกพยานเพราะอยากเห็นหน้า

ในช่วงตั้งแต่กระทู้ 501 เป็นต้นมา ก็มีวิวาทะมากมาย ซึ่งผมก็มีส่วนร่วม ในฐานะสมาชิกบอร์ดคนหนึ่ง ที่นำเสนอความเห็นในมุมมองของปัจเจก อาจจะมีแขวะแรงตามสถานการณ์บ้าง แต่ผมมั่นใจว่า ไม่มีการหยาบคาย ก้าวร้าว รุนแรงแน่นอน

มาถึงปฐมบทของตัวหยาบคาย อันนี้คงเริ่มจากกระทู้ถามความคืบหน้า ที่ผมตั้งในวันครบรอบหนึ่งปีของกระทู้ 501

ปัญหาของกระทู้นั้นมันมีอะไร มันก็แค่กระทู้สอบถามธรรมดา

สอบถามความคืบหน้า ของกรณีที่ตอนเริ่มต้นเปิดตัวอลังการ แจ้งให้รับทราบเป็นการทั่วไป แต่พอเวลาผ่านไป ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ พอแค่โดนถามกลับเป็นเรื่องใหญ่

คิดในมุมกลับ แล้วตอนเริ่มเรื่อง มันไม่ใหญ่กว่าเหรอครับ

ถึงตรงจุดนี้ จุดที่ผมตั้งกระทู้ถามความคืบหน้า ผมมีความผิดตรงไหน

ถ้าไม่มี หลังจากจุดนั้นยิ่งไม่มีทางมีแน่นอน

เพราะหลังจากนั้น ผมแทบไม่ได้ตั้งกระทู้อะไร การตอบกระทู้ก็ตามสถานการณ์ตามสิทธิ ไม่ได้หาเรื่องหาราวใคร

แต่ก็มีตัวหยาบคายเกิดมา ผมก็ตอบโต้ไปพอควร(ไม่หยาบคาย)

มาถึงตรงนี้ ผมยังมองไม่ออกว่า ผมต้องรับผิดชอบในจุดไหนอย่างไร

เพราะบางทีการสนทนาในฐานะเสียงข้างน้อย มันลำบาก พูดถูกคนไม่เห็นด้วยมาก ก็กลายเป็นผิดได้



จุดยืนผมเหมือนเดิมครับ รอความรับผิดชอบ ไม่มีก็ไม่จบ ก็ปล่อยมันค้างไว้ อยากพูดถึงก็ยกมาพูด

แนวทางอื่น ผมไม่ยอมรับทั้งสิ้น และผมไม่พร้อมจะจ่ายใดๆ เพิ่มทั้งนั้น
ความคิดเห็นที่ 13
ลุงหนวด
เจ้าแพนน่ะ มันไม่ได้รำคาญเราหรอก
มันพยายามทำตัวน่ารำคาญมากกว่า
เพราะเป็นกระทู้ของคนที่นางรักและบูชามากมาย นางเลยไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่ง
แต่นางไม่เคยเรียนรู้ จึงทำให้ยิ่งเบรค ยิ่งไถล ดอกยางไม่มี ล้อฟรีไปอีกหลายกิโล


ส่วนอีโก้ ไฮลักส์ วีเทคอะไรนั่น มันยกได้วางได้
แต่ก็กับเฉพาะคนที่ใช่เท่านั้นแหละ (ฮิ้วว)
หากยกแล้วไม่ได้ผล มีแต่คนได้ใจ มันก็ไม่คุ้ม

กระทู้นั้น ที่ไม่เห็นคู่กรณีของฝ่ายตรงข้าม
เพราะทุกคนรู้ดีว่า พื้นฐานความเข้าใจของผู้ไกล่เกลี่ย มันกลางกระเท่เร่
เหมือนทำเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้โพสความเห็นเท่ๆ แล้วบอกว่า ดีจังเพื่อให้ความร่วมมือ แต่ทำไม อีกฝ่ายไม่สนใจนะ

ยกยอปอปั้นกันไปว่าคิดดีหวังดีกับสังคม แต่คนอื่นที่ "ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ" กลับเป็นคนที่  "ไม่ให้ความร่วมมือ"

หาก ผู้ไกล่เกลี่ย อยากเปิดทางลงให้เพื่อน
ถามง่ายๆเลย คู่กรณีต้องการอะไรคะ เพื่อให้จบ

ได้มาแล้ว กลับไปถามเพื่อน "เรื่องแค่นี้แกทำได้ไหม ถ้าไม่ได้ แกจะทำแค่ไหน"

แล้วนำสิ่งนั้นมาเสนอคู่กรณี

การที่ตัวเองเลือกข้างแล้ว แสดงตัวชัดเจน
แต่กลับออกความเห็นอ้างว่าเป็นกลาง มันเป็นไปไม่ได้เลย

หากเลือกข้างแล้ว คุณต้อง "ยอมที่จะรับข้อเสนอของคนอื่น" ไม่ใช่ยื่นข้อเสนอให้ฝ่ายตรงข้าม

การที่คุณม้า อำ จี ไม่เข้าไปให้ความเห็น เพราะต้องการดูท่าทีเพื่อนของผู้ไกล่เกลี่ยนั่นแหละ

ขนาดยืนข้างเดียวกัน กว่าจะรับคำยังต้องมีเงื่อนไขมากมาย
แล้วคนละฝั่ง จะไร้เงื่อนไขได้อย่างไร?

ยิ่งตอบโต้ คนที่เป็นฝั่งเดียวกับเขา เข้าใจเขา พูดแทนเขา
เขาก็ยิ่งคิดว่า ตัวเขาไม่ลงมาเกลือกกลั้วให้เสียเวลา

มันก็เท่านั้นเอง
นางพูดแทนเพื่อนนางได้ เราก็พูดแทนคนที่จะไม่ยอมเข้ามาได้เหมือนกัน
มิฉนั้น สามท่านที่ถูกอ้างถึง ก็จะถูกตราหน้าว่า
ได้

ทุกคนตอบแทน คุณ ม้า อำ จี ไปหมดแล้ว
สามคนนี้ไม่มีอะไรซ่อนมากมายนัก และไม่เงื่อนไขว่า ฉันต้องพูดเอง ออกเสียงเอง อย่ามาพูดแทนฉัน อะไรให้วุ่นวาย
เขายอมรับในความเห็นทั้งหมดที่แสดงเพื่อเขา

หากผู้ไกล่เกลี่ย ต้องการสร้างสันติสุขให้กับสังคมจริง
ไม่ต้องตั้งเงื่อนไขว่า คู่กรณีต้องออกมาบอกเอง
เพราะในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบพูดหรือแสดงตัว
และการให้ความยุติธรรม ไม่ต้องรอให้เขาร้องขอ
อยากให้ก็ให้ ไม่ต้องเงื่อนไขใด
ยิ่งสิ่งที่เขาต้องพูด คือสิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่แล้ว เขาจะพูดไปเพื่ออะไร?

เขาต้องการแค่ความรับผิดชอบ
เขาบอกมานานแล้ว และบอกตลอดมา ว่าต้องการความรับผิดชอบ
ไม่ใช่แค่ คุณม้า อำ จี แต่เป็นทุกคน รวมทั้ง ตกข หรือกลุ่มแก๊งไหนๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของคำโกหก

ตั้งแต่เรื่องฟ้องร้องอ้างให้นอนแดงต้องไปเป็นพยาน
รวมถึงการขอโทษของมะปรางค์
อวตารตัวหยาบคาย และอวตารของตุ้กตาแร้พ ที่ออกมาปกป้องเขาทุกวันนี้

มีจริงหรือไม่อย่างไร เพื่ออะไร

การหยาบคายต้องของโทษ
การโกหก ต้องสารภาพ

ทุกคนรอคอยความรับผิดชอบ ที่ไม่ใช่เพียงแค่คำขอโทษแล้วจบๆไป
หากทำได้ ทุกอย่างก็สงบค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เข้าไปอี๋อ๋อกับตุ๊กตา ขนาดบอกตุ๊กตาเปิดหน้าชก

ทั้งๆที่ตุ๊กตานี่แหระ  ตัวหนึ่งที่ชอบเล่นเรื่องส่วนตัวชาวบ้านเลย  อยู่ฝั่งไหนใครๆก็ดูออก  พวกสร้างตัวละครโนเนมออกมากลบเรื่องหน้าแหวก โยนขรี้ให้คนอื่นอย่างมะปราง นั่งอี๋อ๋อกับห้องเพลงแล้วมาชี้นิ้วว่าคนอื่นอยู่ในทีมงาน  ถามอะไรไม่เคยตอบได้ นอกจากคำติดปากว่า โดนใส่ร้ายป้ายสี....   พวกนี้สร้างเรื่องวุ่นวายแสดงละครลิง ป่วนบอร์ด มามานานเป็นปีๆ ไม่สำนึก?  ไม่ต้องรับผิดชอบ?

ปัญหาถูกแก้ไม่ถูกจุด
ความคิดเห็นที่ 3
อีกประเด็นที่ผมอยากขอเสริม จขกท.
คือเรื่อง อี๋อ๋อ กับกองเชียร์ที่เข้าไปเม้นท์  เข้าไปกดกิ๊ฟ  

แบบเข้าข้างกัน  เชียร์กันออกหน้าออกตา   พอโดนเชียร์  โดนเข้าข้าง  ก็อี๋อ๋อฉอเลาะกัน

มันเป็นการสร้างแรงต้านทางความคิดโดยใช่เหตุ

อย่างเรื่อง "ไอ้ม่อน" กับ "แพนด้า"
เรื่องราวยังไม่ถึงไหน  แห่กันเข้าไปประกาศตัวเป็น "ทีมแพนด้า" กันตรึม
ไม่รู้ผิดรู้ถูกล่ะ  พวกตรูไว้ก่อน

เมื่อไรแดงด้อยพัฒนาพวกนี้จะเลิกซะทีก็ไม่รู้
บ้าพวกไปถึงกั๊นนน...
ถีบขาคู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่