ควรทำอย่างไรเมื่อศาลปกครองพิจารณาคำฟ้องไม่ตรงประเด็น

เราเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมาย แต่ต้องฟ้องหน่วยงานราชการเนื่องจากออกใบอนุญาต รง.4 ให้กับโรงงานจำพวกที่ 3 (อู่ซ่อมรถ) ที่มีสถานที่ตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ตั้งติดกับโรงพยาบาลและอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน) และสร้างความเดือดร้อนรำคาญอย่างมากให้กับบ้านของเรา เราได้แจ้งผู้ประกอบการแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไขจึงได้ร้องเรียนไปที่เขต และศูนย์ดำรงธรรมควบคู่กันไป แต่กับได้รับการกดดันและข่มขู่จากผู้ประกอบการรวมถึงส่งคนมาเจรจาขอซื้อบ้านของเรา รวมถึงเสนอเงินเพื่อให้เรายุติเรื่อง โดยบอกเป็นนัยว่าพวกเขารู้จักผู้มีอำนาจ เมื่อทราบว่าโรงงานแห่งนี้มีสถานที่ตั้งไม่ชอบด้วยกฏหมาย เจ้าหน้าที่เขตให้เราร้องเรียนไปที่หน่วยงานที่ออกใบอนุญาตเอง และในทุกครั้งเราจะแจ้งว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญเนื่องจากโรงงานดังกล่าวมีสถานที่ตั้งไม่ถูกกฎหมาย ขอให้ตรวจสอบเรื่องสถานที่ตั้งของโรงงาน และเมื่อเหตุการณ์มีทีท่าว่าไม่มีใครจะไม่สนใจต้นเหตุเรื่องสถานที่ตั้งโรงงานแห่งนี้ (ทั้งๆ ที่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบพบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเราจึงทำคำคัดค้านการขยายโรงงานไว้ แต่หน่วยงานดังกล่าวกับทำการวัดเสียง และให้ทางโรงงานทำแบบสอบถามไปสอบถามผู้ที่อยู่ไกลจากโรงงานและเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงงาน) เราจึงได้เดินเรื่องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และได้รับความช่วยเหลือให้ทนายอาสา แต่ทนายคนดังกล่าวกับทำงานอยู่ในบริษัทคู่กรณีของเรา เราจึงยื่นเรื่องยกเลิกขอความช่วยเหลือและดำเนินการฟ้องเอง โดยได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินควบคู่กันไป และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องของเราไว้และเมื่อเราติดตามเรื่องผู้รับผิดชอบเรื่องของเราแจ้งว่าถ้าเราฟ้องศาลปกครอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะเลิกดำเนินการดำเนินการ และสุดท้ายเราได้รับจดหมายจากสำนักงานฯ ว่า เขตไม่มีความผิดในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่เราฟ้องหน่วยงานที่ออกคำสั่งอนุญาต ใบรง.4  ให้รอฟังคำตัดสินจากศาล
ในระหว่างสืบข้อเท็จจริงหน่วยงานดังกล่าวกับออกใบอนุญาตขยายโรงงานให้โดยไม่สนใจใดใดทั้งสิ้นในระหว่างนั้นเราได้โทรสอบถามศาลปกครองแล้วได้รับคำตอบว่าเราสามารถส่งเรื่องเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาประกอบกับแม่ของเรามีปัญหาสุขภาพเราจึงคิดว่าจะรอฟังคำพิพากษาก่อน แต่ระหว่างที่รอผู้ประกอบการได้ทำการขยายและปรับปรุงสถานที่ เราจึงยื่นคำขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากทุกอย่างเกิดในระหว่างพิจารณาคดี และสืบค้นข้อเท็จจริง เอกสารและคำให้การ คำคัดค้านต่างๆ อยู่ในแฟ้มเดียวกันทั้งสิ้น และเรากลับได้รับจดหมายว่าไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราวและเรียกให้เข้าให้การเพิ่มเติม และเมื่อเราขอคำปรึกษาจากฝ่ายให้คำปรึกษาคดีว่าเป็นการละเมิดเราและเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องจากคำสั่งที่พิพากอยู่
สุดท้ายเราได้รับจดหมายไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราว และคำกล่าวสรุปคำฟ้องของเราก็ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องสถานที่ตั้งของโรงงานแห่งนี้เลย ทั้งๆ ที่เราเขียนไว้ทั้งในคำร้องทุกข์ และคำฟ้องอย่างชัดเจน
ตอนนี้รู้สึกหมดสิ้นกำลังใจ และหมดความศรัทธาต่อความถูกต้อง เราอยากทราบว่าเรายังสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง และควรทำอย่างไรดี รู้สึกหมดสิ้นหนทาง หรือสุดท้ายเราต้องขายบ้านให้นายทุนจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่