สวัสดีทุกๆ ท่านที่ผ่านเข้ามาครับ
ผมอยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาน่ะครับ
(ช่วงต้นๆ เป็นการเกริ่นครับ ข้ามไปช่วงหลังๆ ได้😊)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มแรก ผมขอยอมรับเลยว่าเป็นตุ๊ด ที่ดูออกจะสาว แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแต่งตัวขนาดนั้น ทางครอบครัวผมประกอบไปด้วยพ่อ แม่ (ความจริงแล้วเป็นลุงกับป้าครับที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่ 5 เดือน)และพี่สาว 3 คน(ลูกสาวของลุงและป้าครับอายุห่างกันเกือบ 20 ปี) แต่ผมเรียกพ่อและแม่เพราะผูกพันธ์ครับ
ผมเป็นตุ๊ดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ทางครอบครัวก็ดูออกครับว่าเป็น และผมไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนเหมือนลูกคนอื่นๆ เพราะมีเขินอายบ้าง
พอขึ้นชั้นประถม ทางครอบครัวเคยแกล้งถามว่า
"โตขึ้นจะเอาผัวหรือเมีย?" แกล้งถามบ่อยมากครับ จนผมทนไม่ไหว เลยตอบแบบขอไปทีว่า
"จะเอาผัว" แล้วทุกคนก็หน้าตึง และก็เริ่มที่จะต่อว่าในคำตอบของผมและการเป็นเพศทางเลือกของผมครับ
ผมเลยเป็นเหมือนเด็กเก็บกดอะครับ เวลาอยู่บ้านก็จะดูเป็นผู้ชายติ๋มๆ นี่ล่ะ แต่พอไปโรงเรียนก็สาวแตกเลยครับ สมัยเด็กๆ ผมมีแต่เพื่อนผู้หญิง ผมก็โดนผู้ชายแกล้ง โดนล้อบ้าง สารพัด จนร้องไห้ตลอด
เข้ามัธยมต้นก็วางตัวเหมือนเดิมเวลาอยู่กับครอบครัวครับ จนขึ้นมัธยมปลาย ในช่วงอายุ 17(ม.6)ของผม เกิดเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำขึ้นมามากมายครับทั้งเรื่อง ทั้งเรื่องจะเรียนต่อที่ไหนดี คะแนนไม่ค่อยดีบ้าง ฐานะการเงินทางบ้าน และปัญหาหยิบย่อยภายในครอบครัวครับ และหนักสุดคงจะทะเลาะกับพ่อแม่แท้ๆ แล้วยุติความสัมพันธ์ทางครอบครัวไปครับ
ผมเลยกลายเป็นคนที่เก็บกด มีอะไรก็ไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไร จนทำให้เวลามีปัญหาอะไร ทางครับครัวปัจจุบันก็จะคิดกันไปเองครับ แต่ผมเป็นเด็กดีนะครับ ไม่เคยเที่ยวกลางคืน ไม่ค่อยออกจากบ้านเพื่อเที่ยวเล่น ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เคยแตะสิ่งเสพติดต่างๆ แม้แต่กระทั่งยาคุม (เพราะทางครอบครัวสั่งห้ามเด็ดขาด)
หลังจากคว้างที่ไม่มีที่เรียนมาเป็นเดือน ผมก็ตัดสินใจตามเพื่อนมาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในคณะที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน และที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่เคร้งเรื่องการแต่งตัวมาเรียนครับ
และในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้าน ผมรู้สึกอยากปลดปล่อยความเป็นตัวเองบ้าง เลยเริ่มที่จะอยากไว้ผมยาวบ้าง (เพราะสมัยเรียนตัดเกรียนตั้งแต่ ป.1 - ม.6) เริ่มไว้เล็บยาวบ้าง แต่ก็ไม่แต่งหญิงหรืออะไรครับ แค่มีแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ เลยดูเหมือนผู้ชายติ๋มๆ (มองภายนอกเหมือนตุ๊ดฝึกหัด)
แต่เนื่องด้วยการตัดผมสั้นบ่อยเลยทำให้ผมไม่เป็นทรง และผมเสีย พอเริ่มยาวจะดูรกมาก ใช้อะไรก็ไม่เห็นผล กลับบ้านทีไรมักจะโดนบังคับให้ตัดตลอดเพราะน่าเกลียด และครอบครัวก็ไม่ชอบ ผมเองก็อยากที่จะแต่งตัวเข้าสังคมบ้าง ไม่เคยตัดทรงอื่นเลยนอกจากเกรียน ก็ไม่รู้เค้าตัดทรงอะไรกัน เลยรองทรงไป (ตัดอีกนิดก็เกรียน-_-) แล้วก็กลับมาเรียน ผมก็พยายามที่จะไว้ผมยาว เลยลองปล่อยไปเรื่อยๆ
พอกลับมาบ้านอีกทีในช่วงปิดเทอม แม่ก็บังคับให้ไปตัดผมอีก ผมก็บอกปฏิเสธไปว่า "ไม่อยากตัด" แล้วแม่ก็ต่อว่ามาด้วยถ้อยคำที่ดูรุนแรงอยู่ระดับนึง ไ
'ไม่ชอบและรังเกียจ ผู้ชายไว้ผมยาว ' มันทำให้ผมพูดไม่ออกเลยที่ได้ยินคำนั้นจากปากผู้มี่เลี้ยงเรามา
ทุกคนในครอบครัวผมแอนตี้เพศทางเลือกมากครับ เพศที่นอกเหนือจาก ชายแท้ และ หญิงแท้ ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างที่กล่าวมา คือไม่ยอมรับ
แต่ที่หนักที่สุดก็คงจะประโยคที่ว่า
"รู้อยู่ตลอดแหละว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว แต่แค่ไม่ไม่มีใครพูด" มันก็เหมือนกับ 'การไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ' นั่นแหละครับ มันดูก้ำกึ่งจนเราจะเปิดเผยตัวตนจริงๆ ก็ไม่ได้ ก็ต้องเก็บไว้และมาปลดปล่อยที่มหา'ลัยนี่แหละครับ
ผมกลับมาและเริ่มต้นใหม่อย่างจริงจัง จนปล่อยให้ผมยาวได้แล้ว ผมก็ยังคงไม่เป็นทรง เลยซื้อที่คาดผมมาใส่ และเริ่มทาสีเล็บครับ (สีดำ+แดง) ส่วนการติดต่อก็ติดต่อกับทางครอบครัว ก็ติดต่อผ่านทางไลน์กลุ่มครอบครัวกับพี่สาวเหมือนเดิมครับ
วันหนึ่งผมถ่ายรูปกับเพื่อนส่งไปให้พี่ๆ ดูว่า 'นี่ น้องยังสบายดีอยู่นะ เพื่อนๆ ก็มีเยอะด้วย' แต่พี่สาวทั้งสามว่ามา ว่า "ปล่อยผมยาวสยายเลยนะ" และเริ่มที่จะต่อว่ามา ว่า "ส่งไปเรียนไม่ได้ส่งไปแต่งตัว ดูเล็บก็ยาว ทาเล็บด้วย มันเกินไปไหม? ยังอยากเรียนต่ออยู่หรือเปล่า?" ผมที่กำลังจะเรียน เครียดเลยครับ ไม่มีสมาธิเรียนเลย และไม่ได้ติดต่อกลับไปอีก ผมคิดว่าพี่สาวทั้งสามของผมประกอบอาชีพครูด้วย เลยจะดูเคร้งครัดไปบ้าง ผมยังคงคิดบวกตลอด
และผมที่เครียดเรื่องเรียนมาก เพราะใกล้สอบ Test เรียนก็ไม่รู้เรื่อง สายตาก็ดูล้าๆ ด้วย มองสไลด์ไม่ค่อยชัด อาจจะเป็นเพราะนอนดึก(เล่นเกม/อ่านนิยาย) และบทเรียนก็ยากด้วย(เรียนเป็นภาษาอังกฤษ) คณะนี้ไม่ใช่สายที่ผมชอบ และผมเครียดมาก หลังเลิกเรียนเพื่อนก็ชวนไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ ขากลับมีเครื่องตรวขวัดสายตาฟรี ผมเลยแวะตรวจดู ปรากฏว่าสายตาสั้น 125 ทั้งสองข้างแต่ไม่เอียง พี่ที่ตรวจก็แนะนำ '
ให้ตัดแว่นได้แล้ว' ระหว่างทางนั้งรถกลับผมก็เปิดอินเตอร์เน็ทอ่านกระทู้ต่างๆ ว่า สายตาสั้น 125 นี่แย่ขนาดไหน? ต้องตัดแว่นด้วยเหรอ? สรุปว่า สายตาสั้นที่ 50-75 ก็พากันตัดแว่นแล้ว เครียดไปอีก
รุ่งเช้าแม่โทรมาต่อว่าเรื่องการแต่งตัวของผม โดยที่ไม่มีคำถามที่ถามถึงสุขภาพ หรือการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
แม่โทรมาว่า "ได้ยินข่าวว่าไปเรียนหรือไปแต่งตัว ไปตัดผมออกเดี๋ยวนี้แม่ไม่ชอบ ถ้าไม่ตัดก็กลับมาบ้าน บลาๆ" ผมโฟกัสกับคำพูดที่ว่า "พี่สาวจะไม่ส่งเรียน"
ผมคิดได้แค่ว่า การไว้ผมยาวที่แบบที่ตัวเองชอบ มันส่งผลกระทบกับเส้นทางในอนาคตของเราขนาดนั้นเลยเหรอ? กับการแต่งตัวของเราทำให้ผมต้องทะเลาะกับครอบครัวในเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยเหรอ? เราแต่งตัวเข้าสังคมบ้าง เราผิดงั้นเหรอ?
ผมคิดมาตลอดว่า การแต่งตัวของเราทำให้เกรดเราร่วงเหรอ? เรียนเสร็จผมก็กลับห้องตลอด ไม่เคยไปเที่ยวหรือเถลไถลที่ไหนเลย ไม่ว่าจะแฟน หรือคนคุย
ผมก็ไม่เคยมีมาก่อน มีแค่เพื่อนๆ ส่วนเกรดเฉลี่ยในเทอมแรกของผม สำหรับผม คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากนะครับ เยอะกว่าตอนเรียนมัธยมเสียอีก
หรือถ้าเกิดสักวันหนึ่ง ผมเรียนจบ ผมก็จะทดแทนบุญคุณ และเลี้ยงดูพวกท่านอยู่แล้ว ในหัวของผมมีคำถามอยู่ตลอดว่า 'เรื่องเพศสภาพนี้ หรือเรื่องการแต่งตัว ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเราไม่ได้หรือ?'
ถ้าเกิดวันหนึ่ง ผมมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อผมและครอบครัวอย่างไรบ้าง?
เห้ออ แค่นี้ผมก็เครียดมากพอแล้วครับ
เรื่องราวของผมยังมีอีกมากเลย ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงอายุ 17 ที่ผมจำไม่เคยลืม
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ
ถ้าครอบครัวของผมยอมรับการเป็นเพศที่สามของผมแล้ว จะกลับมาบอกเป็นข่าวดีครับ 😊😊😊
จากการคาดเดาของผม คงยากมากที่ทางครอบครัวจะยอมรับ ขอบคุณอีกรอบ สำหรับพื้นที่ระบายนะครับ
ราตรีสวัสดิ์
3/02/2018
3:19 AM
ครอบครัวไม่ยอมรับในเพศสภาพของเรา
ผมอยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาน่ะครับ
(ช่วงต้นๆ เป็นการเกริ่นครับ ข้ามไปช่วงหลังๆ ได้😊)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เกือบ 20 ปี) แต่ผมเรียกพ่อและแม่เพราะผูกพันธ์ครับ
ผมเป็นตุ๊ดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ทางครอบครัวก็ดูออกครับว่าเป็น และผมไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนเหมือนลูกคนอื่นๆ เพราะมีเขินอายบ้าง
พอขึ้นชั้นประถม ทางครอบครัวเคยแกล้งถามว่า
"โตขึ้นจะเอาผัวหรือเมีย?" แกล้งถามบ่อยมากครับ จนผมทนไม่ไหว เลยตอบแบบขอไปทีว่า
"จะเอาผัว" แล้วทุกคนก็หน้าตึง และก็เริ่มที่จะต่อว่าในคำตอบของผมและการเป็นเพศทางเลือกของผมครับ
ผมเลยเป็นเหมือนเด็กเก็บกดอะครับ เวลาอยู่บ้านก็จะดูเป็นผู้ชายติ๋มๆ นี่ล่ะ แต่พอไปโรงเรียนก็สาวแตกเลยครับ สมัยเด็กๆ ผมมีแต่เพื่อนผู้หญิง ผมก็โดนผู้ชายแกล้ง โดนล้อบ้าง สารพัด จนร้องไห้ตลอด
เข้ามัธยมต้นก็วางตัวเหมือนเดิมเวลาอยู่กับครอบครัวครับ จนขึ้นมัธยมปลาย ในช่วงอายุ 17(ม.6)ของผม เกิดเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำขึ้นมามากมายครับทั้งเรื่อง ทั้งเรื่องจะเรียนต่อที่ไหนดี คะแนนไม่ค่อยดีบ้าง ฐานะการเงินทางบ้าน และปัญหาหยิบย่อยภายในครอบครัวครับ และหนักสุดคงจะทะเลาะกับพ่อแม่แท้ๆ แล้วยุติความสัมพันธ์ทางครอบครัวไปครับ
ผมเลยกลายเป็นคนที่เก็บกด มีอะไรก็ไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไร จนทำให้เวลามีปัญหาอะไร ทางครับครัวปัจจุบันก็จะคิดกันไปเองครับ แต่ผมเป็นเด็กดีนะครับ ไม่เคยเที่ยวกลางคืน ไม่ค่อยออกจากบ้านเพื่อเที่ยวเล่น ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เคยแตะสิ่งเสพติดต่างๆ แม้แต่กระทั่งยาคุม (เพราะทางครอบครัวสั่งห้ามเด็ดขาด)
หลังจากคว้างที่ไม่มีที่เรียนมาเป็นเดือน ผมก็ตัดสินใจตามเพื่อนมาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในคณะที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน และที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่เคร้งเรื่องการแต่งตัวมาเรียนครับ
และในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้าน ผมรู้สึกอยากปลดปล่อยความเป็นตัวเองบ้าง เลยเริ่มที่จะอยากไว้ผมยาวบ้าง (เพราะสมัยเรียนตัดเกรียนตั้งแต่ ป.1 - ม.6) เริ่มไว้เล็บยาวบ้าง แต่ก็ไม่แต่งหญิงหรืออะไรครับ แค่มีแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ เลยดูเหมือนผู้ชายติ๋มๆ (มองภายนอกเหมือนตุ๊ดฝึกหัด)
แต่เนื่องด้วยการตัดผมสั้นบ่อยเลยทำให้ผมไม่เป็นทรง และผมเสีย พอเริ่มยาวจะดูรกมาก ใช้อะไรก็ไม่เห็นผล กลับบ้านทีไรมักจะโดนบังคับให้ตัดตลอดเพราะน่าเกลียด และครอบครัวก็ไม่ชอบ ผมเองก็อยากที่จะแต่งตัวเข้าสังคมบ้าง ไม่เคยตัดทรงอื่นเลยนอกจากเกรียน ก็ไม่รู้เค้าตัดทรงอะไรกัน เลยรองทรงไป (ตัดอีกนิดก็เกรียน-_-) แล้วก็กลับมาเรียน ผมก็พยายามที่จะไว้ผมยาว เลยลองปล่อยไปเรื่อยๆ
พอกลับมาบ้านอีกทีในช่วงปิดเทอม แม่ก็บังคับให้ไปตัดผมอีก ผมก็บอกปฏิเสธไปว่า "ไม่อยากตัด" แล้วแม่ก็ต่อว่ามาด้วยถ้อยคำที่ดูรุนแรงอยู่ระดับนึง ไ
'ไม่ชอบและรังเกียจ ผู้ชายไว้ผมยาว ' มันทำให้ผมพูดไม่ออกเลยที่ได้ยินคำนั้นจากปากผู้มี่เลี้ยงเรามา
ทุกคนในครอบครัวผมแอนตี้เพศทางเลือกมากครับ เพศที่นอกเหนือจาก ชายแท้ และ หญิงแท้ ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างที่กล่าวมา คือไม่ยอมรับ
แต่ที่หนักที่สุดก็คงจะประโยคที่ว่า
"รู้อยู่ตลอดแหละว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว แต่แค่ไม่ไม่มีใครพูด" มันก็เหมือนกับ 'การไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ' นั่นแหละครับ มันดูก้ำกึ่งจนเราจะเปิดเผยตัวตนจริงๆ ก็ไม่ได้ ก็ต้องเก็บไว้และมาปลดปล่อยที่มหา'ลัยนี่แหละครับ
ผมกลับมาและเริ่มต้นใหม่อย่างจริงจัง จนปล่อยให้ผมยาวได้แล้ว ผมก็ยังคงไม่เป็นทรง เลยซื้อที่คาดผมมาใส่ และเริ่มทาสีเล็บครับ (สีดำ+แดง) ส่วนการติดต่อก็ติดต่อกับทางครอบครัว ก็ติดต่อผ่านทางไลน์กลุ่มครอบครัวกับพี่สาวเหมือนเดิมครับ
วันหนึ่งผมถ่ายรูปกับเพื่อนส่งไปให้พี่ๆ ดูว่า 'นี่ น้องยังสบายดีอยู่นะ เพื่อนๆ ก็มีเยอะด้วย' แต่พี่สาวทั้งสามว่ามา ว่า "ปล่อยผมยาวสยายเลยนะ" และเริ่มที่จะต่อว่ามา ว่า "ส่งไปเรียนไม่ได้ส่งไปแต่งตัว ดูเล็บก็ยาว ทาเล็บด้วย มันเกินไปไหม? ยังอยากเรียนต่ออยู่หรือเปล่า?" ผมที่กำลังจะเรียน เครียดเลยครับ ไม่มีสมาธิเรียนเลย และไม่ได้ติดต่อกลับไปอีก ผมคิดว่าพี่สาวทั้งสามของผมประกอบอาชีพครูด้วย เลยจะดูเคร้งครัดไปบ้าง ผมยังคงคิดบวกตลอด
และผมที่เครียดเรื่องเรียนมาก เพราะใกล้สอบ Test เรียนก็ไม่รู้เรื่อง สายตาก็ดูล้าๆ ด้วย มองสไลด์ไม่ค่อยชัด อาจจะเป็นเพราะนอนดึก(เล่นเกม/อ่านนิยาย) และบทเรียนก็ยากด้วย(เรียนเป็นภาษาอังกฤษ) คณะนี้ไม่ใช่สายที่ผมชอบ และผมเครียดมาก หลังเลิกเรียนเพื่อนก็ชวนไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ ขากลับมีเครื่องตรวขวัดสายตาฟรี ผมเลยแวะตรวจดู ปรากฏว่าสายตาสั้น 125 ทั้งสองข้างแต่ไม่เอียง พี่ที่ตรวจก็แนะนำ 'ให้ตัดแว่นได้แล้ว' ระหว่างทางนั้งรถกลับผมก็เปิดอินเตอร์เน็ทอ่านกระทู้ต่างๆ ว่า สายตาสั้น 125 นี่แย่ขนาดไหน? ต้องตัดแว่นด้วยเหรอ? สรุปว่า สายตาสั้นที่ 50-75 ก็พากันตัดแว่นแล้ว เครียดไปอีก
รุ่งเช้าแม่โทรมาต่อว่าเรื่องการแต่งตัวของผม โดยที่ไม่มีคำถามที่ถามถึงสุขภาพ หรือการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
แม่โทรมาว่า "ได้ยินข่าวว่าไปเรียนหรือไปแต่งตัว ไปตัดผมออกเดี๋ยวนี้แม่ไม่ชอบ ถ้าไม่ตัดก็กลับมาบ้าน บลาๆ" ผมโฟกัสกับคำพูดที่ว่า "พี่สาวจะไม่ส่งเรียน"
ผมคิดได้แค่ว่า การไว้ผมยาวที่แบบที่ตัวเองชอบ มันส่งผลกระทบกับเส้นทางในอนาคตของเราขนาดนั้นเลยเหรอ? กับการแต่งตัวของเราทำให้ผมต้องทะเลาะกับครอบครัวในเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยเหรอ? เราแต่งตัวเข้าสังคมบ้าง เราผิดงั้นเหรอ?
ผมคิดมาตลอดว่า การแต่งตัวของเราทำให้เกรดเราร่วงเหรอ? เรียนเสร็จผมก็กลับห้องตลอด ไม่เคยไปเที่ยวหรือเถลไถลที่ไหนเลย ไม่ว่าจะแฟน หรือคนคุย
ผมก็ไม่เคยมีมาก่อน มีแค่เพื่อนๆ ส่วนเกรดเฉลี่ยในเทอมแรกของผม สำหรับผม คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากนะครับ เยอะกว่าตอนเรียนมัธยมเสียอีก
หรือถ้าเกิดสักวันหนึ่ง ผมเรียนจบ ผมก็จะทดแทนบุญคุณ และเลี้ยงดูพวกท่านอยู่แล้ว ในหัวของผมมีคำถามอยู่ตลอดว่า 'เรื่องเพศสภาพนี้ หรือเรื่องการแต่งตัว ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเราไม่ได้หรือ?'
ถ้าเกิดวันหนึ่ง ผมมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อผมและครอบครัวอย่างไรบ้าง?
เห้ออ แค่นี้ผมก็เครียดมากพอแล้วครับ
เรื่องราวของผมยังมีอีกมากเลย ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงอายุ 17 ที่ผมจำไม่เคยลืม
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ
ถ้าครอบครัวของผมยอมรับการเป็นเพศที่สามของผมแล้ว จะกลับมาบอกเป็นข่าวดีครับ 😊😊😊
จากการคาดเดาของผม คงยากมากที่ทางครอบครัวจะยอมรับ ขอบคุณอีกรอบ สำหรับพื้นที่ระบายนะครับ
ราตรีสวัสดิ์
3/02/2018
3:19 AM