สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
คืออยากเล่าเรื่องนี้มานานละค่ะ แต่ไม่มีเวลาเลยจริงๆ ทำงานๆๆตลอด
เข้าเรื่องเลยละกัน ตัว จขกท.เองก็เรียนจบป.ตรี จากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังย่านรังสิต
ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาทำสายโรงงาน และไม่ชอบการทำงานในกรุงเทพ ตอนเรียนก็คิดตลอดว่าจบไปคงสอบงานราชการ เพราะที่บ้านปลูกฝังมาแบบนี้
แต่ใครว่างานราชการมันจะเข้ากันง่ายๆ มีขั้นตอนสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์กันหลายด่าน สุดท้าย จขกท.ไม่อยากเสียเวลาไปกับการรอ
ก็เลยส่ง resume ผ่านทรงเว็บหางานชื่อดังต่างๆ ส่งไปประมาณ 200 บริษัท ในเวลา 3-4 เดือน
ถึงจะเริ่มมีบริษัทโทรมาเรียกสัมภาษณ์ มีตั้งแต่อยุธยายันระยองเลยค่ะ แต่ยอมรับยังไม่มีประสบการณ์ในการคุย ถามรายละเอียดกับบริษัทต่างๆที่โทรมา
ทำให้บางทีก็ชวด บางทีก็ปฏิเสธไปเอง
จนสุดท้ายมีบริษัทในนิคมแถวระยองโทรมา คุยรายละเอียดกันก็คิดว่าโอเคในระดับหนึ่ง เลยบอกแม่ว่าจะไปสัมภาษณ์นะ (ซึ่งบ้าน จขกท.ไม่ได้อยู่ใกล้ระยองเลย ห่างไปเป็นพันกิโล) แม่ก็โอเค ลองไปดู ซึ่งการมาครั้งนี้บอกเลยว่าไม่มีคนรู้จักอยู่แถวระยองเลย ไม่ได้ตามเพื่อนหรือแฟนมา แต่ยังมีความโชคดีอยู่ในนั้น มีคนรู้จักของเพื่อนของเพื่อนแม่(ดูห่างไกลมาก 555 ). อยู่แถวระยองพอดี เค้าเลยอาสาจะพาไปสัมภาษณ์
โรงงานที่1 โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์
ตอนไปสัมภาษณ์มี candidates ประมาณ 4-5คน ระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์ก็ทักทาย ส่วนมากคือเด็กจบใหม่ทั้งนั้น
จขกท โดนเรียกคนแรกเลยค่ะ เพราะมาถึงคนแรก เค้านัดบ่ายโมง มาถึงตอนเที่ยงครึ่ง
เข้าไปก็สวัสดี เค้าก็ให้แนะนำตัว จำได้ว่าพูดน้อยมาก จนเค้าถามว่าแค่นี้หรอ ก็ตอบแค่ว่า ค่ะ แล้วก็ยิ้มๆ
แต่ HRคือพูดดีมาก ชวนคุย ถามเรื่องอื่นๆ เล่นๆจนเราผ่อนคลายได้เยอะ คุยเรื่องเงินเดือน สวัสดิการ ที่นี่ก็จะให้เงินเดือน+ค่าอาหาร+ค่าเดินทาง+ค่าเช่าบ้าน ซึ่งก็อยู่ในเรทเด็กจบใหม่ คุยกันประมาณ20นาที ก็ออกมานั่งรอ
เค้าบอกว่าให้รอสัมภาษณ์กับนายญี่ปุ่นอีกรอบ ไอเราก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้หรือไม่ได้ สุดท้ายสัมภาษณ์กับนายผ่านล่าม
สัมภาษณ์เสร็จ HRบอกว่า จะติดต่อกลับไปภายในพรุ่งนี้ ถ้าสัมภาษณ์ผ่าน จขกท.ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดแค่ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เตรียมตัวเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพ แล้วต่อเครื่องกลับบ้าน
แต่!! ค่ำวันนั้น HR โทรกลับมา ถามว่าให้เริ่มงานภายในวันนี้ๆ ได้มั้ย ไอเราก็งงๆ ถามอะไรได้หมด สรุปคืออีก 4วันเริ่มงาน 555
จากนั้นHR ก็แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพที่คลินิก (บริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด) ให้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารนี้ๆนะ
หลังจากนั้น จขกท.ก็แค่เตรียมตัวไปเริ่มงาน ลืมบอกไป บริษัทมีรถตู้รับส่ง สบายไปเลย เพราะเราเพิ่งมาอยู่ไม่มีอะไรเลยซักอย่าง
เริ่มงานวันแรก ไปถึงก็เจอ HR เค้าก็ไปทำบัตรพนักงาน ถ่ายรูป แจกเครื่องแบบพนักงาน ที่นี่ให้ทั้งชุดค่ะ เสื้อช้อป กางเกงขายาว กระเป๋า รองเท้าเซฟตี้ หมวกผ้า หลังจากนั้นก็พาไปโต๊ะทำงาน พาไปแนะนำกับพี่ๆทุกคน หลังจากนั้นก็พาไปอบรมต่างๆ ใช้เวลา 2วัน จะบอกว่าวันแรกเป็นอะไรที่ง่วงนอนมากกกก ไม่มีอะไรทำ กฎบริษัทคือห้ามแตะโทรศัพท์ในเวลางาน ไอเราก็เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงาน ไม่รู้มาก่อน เลยโดนบ่นไปนิดหน่อย คอมที่โต๊ะตัวเองก็ห้ามเปิดเว็บไซต์ใดๆ ถ้าหัวหน้าเห็นคือโดนบ่น แต่ช่วงหลังทำงานมาได้ซักพัก เราก็ต้องมีการเปิดใช้เว็บต่างๆบ้าง พอหัวหน้าเห็นก็บ่น แต่เรื่องที่เราเปิดมันเปิดเพื่อการทำงานค่ะ ไม่ได้เปิดดูหนัง ฟังเพลง แต่กฎนี้ก็สร้างความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย คือน่าจะยืดหยุ่นกันได้มากกว่านี้ ไม่ใช่คอยมาจับผิดว่าใครแอบเปิดเน็ต ดูจะโรคจิตไปหน่อยนะ
จขกท.ก็ทำที่นี่มาได้เกือบๆ4เดือน ตอนนั้นก็มีประเมินผ่านโปร หัวหน้าเราก็ประเมินให้ผ่านเรียบร้อย เพราะเราก็ทำงานได้ ให้อยู่โอทีถึง4ทุ่มก็ทำ ไม่เคยขาดงาน ไม่เคยสายเพราะขึ้นรถบริษัท มีแค่ลาไปรับปริญญาครั้งเดียว แต่!!! หัวหน้าของหัวหน้าอีกที(คนนี้เป็นสาวประเภทสอง แต่แต่งชาย) บอกว่าจะขอต่อโปรไปอีก 2 เดือน เพราะเห็นว่าผลงานยังไม่เข้าตา แต่ไม่มีการเรียกเราไปคุยเพื่อชี้แจงเหตุผลใดๆ หัวหน้าเราก็ปรี๊ดแตก ไปคุยกับหัวหน้าเค้าเอง สุดท้ายก็เรียกคุยกัน 4คน มีจขกท.,GM,HR Manager แล้วก็หัวหน้าของหัวหน้า โดยไม่ให้าหัวหน้าเราเข้ามา หัวหน้าของหัวหน้า เค้ามาแบบลุคนางฟ้าเลยค่ะวันนั้น ช่างแตกต่างจาก 4 เดือนที่ทำงานมา ซึ่งปกติจะชอบแซะ ชอบเหน็บ จขกท. ไม่เคยสอนงานเลยจริงๆ วันนั้นคือจขกท.ได้แต่นั่งฟัง เค้าถามอะไรก็ตอบนิดหน่อย มือสั่น มือเย็นไปหมด
หลังจากนั้นมาก็ได้แต่คิดว่าจะทำไงต่อไป สุดท้ายก็เลยคิดว่าหางานใหม่ดีกว่า อยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้าแน่ๆ จนทำงานต่อมาได้1-2อาทิตย์ ก็ขอใบลาออก
HR manager เค้าก็คุยดี บอกว่า เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรอ ไม่ออกไม่ใช่หรอ(น้ำเสียงแบบอ้อนวอนหน่อย) แต่จขกท.ยืนยันว่า ไม่ไหวหรอกค่ะ
พี่เค้าไม่ชอบหนูขนาดนี้ จนที่สุด ก็ลาออก แต่ที่เด็ดกว่านั้น พอเราลาออกได้อาทิตย์เดียว หัวหน้าของหัวหน้าเค้าก็ลาออก - -!
เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าไปนะคะ
1ปี 4เดือน กับ 5 โรงงาน ประสบการณ์ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
คืออยากเล่าเรื่องนี้มานานละค่ะ แต่ไม่มีเวลาเลยจริงๆ ทำงานๆๆตลอด
เข้าเรื่องเลยละกัน ตัว จขกท.เองก็เรียนจบป.ตรี จากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังย่านรังสิต
ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาทำสายโรงงาน และไม่ชอบการทำงานในกรุงเทพ ตอนเรียนก็คิดตลอดว่าจบไปคงสอบงานราชการ เพราะที่บ้านปลูกฝังมาแบบนี้
แต่ใครว่างานราชการมันจะเข้ากันง่ายๆ มีขั้นตอนสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์กันหลายด่าน สุดท้าย จขกท.ไม่อยากเสียเวลาไปกับการรอ
ก็เลยส่ง resume ผ่านทรงเว็บหางานชื่อดังต่างๆ ส่งไปประมาณ 200 บริษัท ในเวลา 3-4 เดือน
ถึงจะเริ่มมีบริษัทโทรมาเรียกสัมภาษณ์ มีตั้งแต่อยุธยายันระยองเลยค่ะ แต่ยอมรับยังไม่มีประสบการณ์ในการคุย ถามรายละเอียดกับบริษัทต่างๆที่โทรมา
ทำให้บางทีก็ชวด บางทีก็ปฏิเสธไปเอง
จนสุดท้ายมีบริษัทในนิคมแถวระยองโทรมา คุยรายละเอียดกันก็คิดว่าโอเคในระดับหนึ่ง เลยบอกแม่ว่าจะไปสัมภาษณ์นะ (ซึ่งบ้าน จขกท.ไม่ได้อยู่ใกล้ระยองเลย ห่างไปเป็นพันกิโล) แม่ก็โอเค ลองไปดู ซึ่งการมาครั้งนี้บอกเลยว่าไม่มีคนรู้จักอยู่แถวระยองเลย ไม่ได้ตามเพื่อนหรือแฟนมา แต่ยังมีความโชคดีอยู่ในนั้น มีคนรู้จักของเพื่อนของเพื่อนแม่(ดูห่างไกลมาก 555 ). อยู่แถวระยองพอดี เค้าเลยอาสาจะพาไปสัมภาษณ์
โรงงานที่1 โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์
ตอนไปสัมภาษณ์มี candidates ประมาณ 4-5คน ระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์ก็ทักทาย ส่วนมากคือเด็กจบใหม่ทั้งนั้น
จขกท โดนเรียกคนแรกเลยค่ะ เพราะมาถึงคนแรก เค้านัดบ่ายโมง มาถึงตอนเที่ยงครึ่ง
เข้าไปก็สวัสดี เค้าก็ให้แนะนำตัว จำได้ว่าพูดน้อยมาก จนเค้าถามว่าแค่นี้หรอ ก็ตอบแค่ว่า ค่ะ แล้วก็ยิ้มๆ
แต่ HRคือพูดดีมาก ชวนคุย ถามเรื่องอื่นๆ เล่นๆจนเราผ่อนคลายได้เยอะ คุยเรื่องเงินเดือน สวัสดิการ ที่นี่ก็จะให้เงินเดือน+ค่าอาหาร+ค่าเดินทาง+ค่าเช่าบ้าน ซึ่งก็อยู่ในเรทเด็กจบใหม่ คุยกันประมาณ20นาที ก็ออกมานั่งรอ
เค้าบอกว่าให้รอสัมภาษณ์กับนายญี่ปุ่นอีกรอบ ไอเราก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้หรือไม่ได้ สุดท้ายสัมภาษณ์กับนายผ่านล่าม
สัมภาษณ์เสร็จ HRบอกว่า จะติดต่อกลับไปภายในพรุ่งนี้ ถ้าสัมภาษณ์ผ่าน จขกท.ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดแค่ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เตรียมตัวเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพ แล้วต่อเครื่องกลับบ้าน
แต่!! ค่ำวันนั้น HR โทรกลับมา ถามว่าให้เริ่มงานภายในวันนี้ๆ ได้มั้ย ไอเราก็งงๆ ถามอะไรได้หมด สรุปคืออีก 4วันเริ่มงาน 555
จากนั้นHR ก็แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพที่คลินิก (บริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด) ให้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารนี้ๆนะ
หลังจากนั้น จขกท.ก็แค่เตรียมตัวไปเริ่มงาน ลืมบอกไป บริษัทมีรถตู้รับส่ง สบายไปเลย เพราะเราเพิ่งมาอยู่ไม่มีอะไรเลยซักอย่าง
เริ่มงานวันแรก ไปถึงก็เจอ HR เค้าก็ไปทำบัตรพนักงาน ถ่ายรูป แจกเครื่องแบบพนักงาน ที่นี่ให้ทั้งชุดค่ะ เสื้อช้อป กางเกงขายาว กระเป๋า รองเท้าเซฟตี้ หมวกผ้า หลังจากนั้นก็พาไปโต๊ะทำงาน พาไปแนะนำกับพี่ๆทุกคน หลังจากนั้นก็พาไปอบรมต่างๆ ใช้เวลา 2วัน จะบอกว่าวันแรกเป็นอะไรที่ง่วงนอนมากกกก ไม่มีอะไรทำ กฎบริษัทคือห้ามแตะโทรศัพท์ในเวลางาน ไอเราก็เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงาน ไม่รู้มาก่อน เลยโดนบ่นไปนิดหน่อย คอมที่โต๊ะตัวเองก็ห้ามเปิดเว็บไซต์ใดๆ ถ้าหัวหน้าเห็นคือโดนบ่น แต่ช่วงหลังทำงานมาได้ซักพัก เราก็ต้องมีการเปิดใช้เว็บต่างๆบ้าง พอหัวหน้าเห็นก็บ่น แต่เรื่องที่เราเปิดมันเปิดเพื่อการทำงานค่ะ ไม่ได้เปิดดูหนัง ฟังเพลง แต่กฎนี้ก็สร้างความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย คือน่าจะยืดหยุ่นกันได้มากกว่านี้ ไม่ใช่คอยมาจับผิดว่าใครแอบเปิดเน็ต ดูจะโรคจิตไปหน่อยนะ
จขกท.ก็ทำที่นี่มาได้เกือบๆ4เดือน ตอนนั้นก็มีประเมินผ่านโปร หัวหน้าเราก็ประเมินให้ผ่านเรียบร้อย เพราะเราก็ทำงานได้ ให้อยู่โอทีถึง4ทุ่มก็ทำ ไม่เคยขาดงาน ไม่เคยสายเพราะขึ้นรถบริษัท มีแค่ลาไปรับปริญญาครั้งเดียว แต่!!! หัวหน้าของหัวหน้าอีกที(คนนี้เป็นสาวประเภทสอง แต่แต่งชาย) บอกว่าจะขอต่อโปรไปอีก 2 เดือน เพราะเห็นว่าผลงานยังไม่เข้าตา แต่ไม่มีการเรียกเราไปคุยเพื่อชี้แจงเหตุผลใดๆ หัวหน้าเราก็ปรี๊ดแตก ไปคุยกับหัวหน้าเค้าเอง สุดท้ายก็เรียกคุยกัน 4คน มีจขกท.,GM,HR Manager แล้วก็หัวหน้าของหัวหน้า โดยไม่ให้าหัวหน้าเราเข้ามา หัวหน้าของหัวหน้า เค้ามาแบบลุคนางฟ้าเลยค่ะวันนั้น ช่างแตกต่างจาก 4 เดือนที่ทำงานมา ซึ่งปกติจะชอบแซะ ชอบเหน็บ จขกท. ไม่เคยสอนงานเลยจริงๆ วันนั้นคือจขกท.ได้แต่นั่งฟัง เค้าถามอะไรก็ตอบนิดหน่อย มือสั่น มือเย็นไปหมด
หลังจากนั้นมาก็ได้แต่คิดว่าจะทำไงต่อไป สุดท้ายก็เลยคิดว่าหางานใหม่ดีกว่า อยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้าแน่ๆ จนทำงานต่อมาได้1-2อาทิตย์ ก็ขอใบลาออก
HR manager เค้าก็คุยดี บอกว่า เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรอ ไม่ออกไม่ใช่หรอ(น้ำเสียงแบบอ้อนวอนหน่อย) แต่จขกท.ยืนยันว่า ไม่ไหวหรอกค่ะ
พี่เค้าไม่ชอบหนูขนาดนี้ จนที่สุด ก็ลาออก แต่ที่เด็ดกว่านั้น พอเราลาออกได้อาทิตย์เดียว หัวหน้าของหัวหน้าเค้าก็ลาออก - -!
เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าไปนะคะ