ในคืนนั้น... ในค่ำที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ในค่ำคืนที่ดาวหางขนาดใหญ่วิ่งผ่านโลกในระยะใกล้มากที่สุด ด้วยขนาดที่มหึมาของดาวหางดวงนั้นเปลี่ยนให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนกลายเป็นสีฟ้าสว่าง ก่อเกิดคลื่นออร่าแผ่ขยายไปทั่วทั้งโลก
ด้วยเหตุผลบางอย่างแน่นอนว่ามนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกต่างได้รับผลกระทบในครั้งนี้ นั่นเองทำให้มนุษย์เจ็บป่วยยากขึ้น หรือแม้แต่โรคมะเร็งก็สามารถรักษาให้หายได้ หากมีบาดแผลบาดแผลนั้นจะสมานได้เร็วขึ้นถึง3เท่า เพียงแค่ดาวหางดวงนั้นเคลื่อนตัวผ่านโลกผลที่ตามมากับทำให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการขึ้นไปอีกระดับ ตัวเลขจำนวนการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บลดน้อยลง..
แต่ทว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยภัยพิบัติกลับมากขึ้นเป็นทวีคูณ ภัยพิบัติจากด้วยน้ำมือของเหล่าไคจู ที่ปรากฏขึ้นมาทั่วทุกมุมโลก สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ถึงขนาดยักษ์ที่เกิดจากสัตว์ต่างๆที่รับผลกระทบจากดาวหางมากกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไป
ทว่ามนุษย์ที่รับผลกระทบจากดาวหางมากเกินไปก็มีเช่นกันพวกผู้มีพลังพิเศษจากผลกระทบของดาวหางออกต่อสู้สันติสุข นั่นเองคือ "ฮีโร่"
วันวานที่ผมตัดสินใจที่จะใช้พลังที่ได้รับมาเพื่อกลายเป็นฮีโร่ปกปิดตัวตนภายใต้หน้ากากต่อสู้กับเหล่าไคจูมานับไม่ถ้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก สูญเสียพวกพ้องมาก็ไม่น้อย ต้องเผชิญกับเหล่าอธรรมผู้มีพลังพิเศษที่ใช้พลังในทางที่ผิด การต่อสู้อันดุเดือดและโหดร้าย...
ซึ่งนั่นมันก็เรื่องในอดีตเมื่อ20ปีก่อนนับจากที่ผมได้พลังมาล่ะนะ....
*********************************
เวลา ตีสาม
ณ ภายในห้องเช่าแห่งนึง
ภายห้องนั้นรกเละเทะด้วยกองเสื้อผ้าแล้วถุงขยะสีดำ ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและบรรดากระป๋องเบียร์ที่วางกระจัดกระจายไปทั่วห้อง บรรยากาศในห้องไม่ต่างอะไรจากห้องตาลุงซักนิด
(กริ๊งงงงงงงง!)
(เปรี้ยง!!!! โพล๊ะ!!)
นาฬิกาปลุกที่ตั้งข้างหัวเตียงถูกต่อยจนแหลกเละไปติดกำแพง เมื่อเสียงนั้นเงียบลงบุรุษผู้อยู่ใต้ผ้าหุ่มก็ขดตัวแน่นเพื่อหลบแสงตะวันที่สาดส่องเล็ดลอดผ้าม่านเข้า
"งืม... เฮ้ย?!?! นี่ตูเผลอทำนาฟิกาพังอีกแล้วเหรอเนี่ย!!"
ชายวัย30กว่าสะดุ้งสุดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างตื่นตูมเพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าพึ่งจะทำนาฬิกาปลุกเรือนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้พังไป...
ึในเวลาต่อมา...
"เฮ้อ... รู้สึกเหมือนนอนไม่พอยังไงไม่รู้แฮะ นั่งบนรถแบบนี้แทบทั้งวันทุกๆวันก็พาลทำเหน็บกินก้นได้เหมือนกันนะ"
ในตอนนี้เขากำลังอยู่เวลาทำงานที่ต้องถ่างตาขึ้นมาตั้งแต่ตีสามตีสี่ เพื่อขับรถส่งสินค้าจำพวกอาหารเครื่องดื่มที่ค่อนข้างแตกเสียหายง่ายไปเติมให้ห้างหรือร้านค้าตามเขตต่างๆเมืองต่างๆ มันเป็นงานที่น่าเบื่อแต่ก็ต้องฝืนทำต่อไป
ในตอนนี้ตัวเขา กำลังขับรถบนสะพานยาวข้ามฟากในช่วงเช้ามืดที่ทางข้างหน้ามีแต่หมอกหนามองแทบไม่เห็นทาง
"ฮ้าวววว~... ฮะเฮ้ย!!? "
(เอี๊ยดดดดดด!!) ในระหว่างที่เขากำลังหาวแบบสลึมสลือเขาก็สังเกตุเห็นว่าทางด้านหน้านั้นถูกตัดขาดทำให้ต้องเบรครถอย่างกันทันหันทำเอารถเกือบตกสะพาน
"โธ่เอ้ย ให้ตายสิ! ไม่นะ ไม่!"
เจ้าตัวหัวเสียเพราะงานของเขามันต้องทำเวลา การต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มันทำให้เขาเสียการเสียงานสุดๆ เขาก้าวลงจากรถแล้วเดินไปที่บริเวณส่วนที่ถูดตัดขาดพยายามเพ่งมองเข้าไปในหมอกเพื่อมองหาฝั่งตรงข้ามลองสะพานที่ถูกตัดขาดแต่ก็ไม่อาจมองเห็นได้เพราะหมอกมันหนามาก
ทว่าเขากลับไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจ้องมองมาที่เขา บางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ บางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกหนา
ตอนนี้ใบหน้าของมันยื่นออกมาจากหมอกด้วยคอที่ยาวเอาเรื่องมุ่งไปหาชายขับรถบรรทุกที่กำลังพยายามยืนเพ่งมองอยู่ริมสะพาน
(แหมะ...)
เสียงหยดน้ำลายหยดลงพื้นดึงความสนใจให้ผู้ถูกจับตามองรู้สึกตัว เขาค่อยหันมองไปตามเสียงอย่างช้าๆ และสิ่งที่เขาได้เห็นนั่นก็คือ...
ใบหน้ากลมโตขนาดใหญ่สิ่งมีชีวิตประหลาดไร้ขนที่มีแววตาบ้องแบ๋วมีจงอยดุ๊กดิ๊กบนหัวปากของมันมนเรียวราวกับปากแมว ดูแล้วอย่างกับหลุดมาจากตัวการ์ตูนให้เด็กอ่อนดู...
"อุ๋ง"
"เอาจริงดิ... อุ๋งเนี่ยนะ.."
(หงับ! หงำๆ)
มันขบเข้าที่หัวของชายดวงซวย(มั้ง) เข้าไปทั้งหัวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขในขณะที่เขายังคงยืนนิ่งๆทั้งๆที่ถูกอมหัวทั้งหัวจนเหนอะชุ่มน้ำลาย มองดูแล้วแทนที่จะเรียกว่าขย้ำหัวควรจะเรียกว่าเป็นการอมมากกว่า...
"รำคาญโว้ย!!"
(ตู้ม!!!)
หัวของไคจูสุดแบ๋วแตกกระจุยจากการต่อยเสยใต้คางเบาๆ สำหรับเขาเพียงแค่ออกแรงนิดเดียวก็ฆ่าพวกไคจู 'สมัยนี้' ได้แล้ว
ในปัจจุบันพวกไคจูมีพละกำลังความเก่งที่ด้อยกว่าสมัยก่อนอย่างมาก รวมไปถึงหน้าตาที่หน่อมแน้มขึ้นต่างจากแต่ก่อนที่มักจะทรงพลังป่าเถื่อนโหดร้ายน่าเกรงขาม...
"อ่า... บ้าเอ้ย เปื้อนหมดเลย เลือดสีชมพูนี่มันก็... หืม? อ้าว หมอกเริ่มจากลงแล้วนี่? มองเห็นอีกฝั่งของสะพานแล้วทีนี้เราก็น่าจะแบกรถข้ามไปได้..."
(กุกกักๆ)
เจ้าตัวพึ่งจะมาสังเกตุว่ารถบรรทุกที่เขาขับมานั้นจะโยกเยก ซึ่งความจริงคือมีไคจูอีกตัวกำลังฟาดขนมขบเคี้ยวเครื่องดื่มจากรถบรรทุกอย่างตะกละตะกลาม
"อุ๋ง"
"อุ๋งๆๆ"
"อุ๋งๆๆๆๆ"
เมื่อหมอกนั้นจางลงตัวเขาก็พบว่าตอนนี้รอบๆตัวเขาที่เป็นน้ำทะเลได้มีพวกไคจูหน้าเดียวพิมพ์เดียวกับที่เขาพึ่งจัดการไปเมื่อกี้นี้โผล่จากผิวน้ำขึ้นร่วม10ตัวราวล้อมจ้องมองเขาด้วยใบหน้ากลมโตน่ารักน่าชังร้อง อุ๋งๆ แต่ละตัวมีส่วนสูงราวๆ6-8เมตร และดูจะยื่นคอได้ยาวตามต้องการอีกด้วย
ในตอนนี้ชายวัย30กว่าถึงกับกุมขมับ...
นี่มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว วันวานแห่งการต่อสู้กับไคจูที่ยากลำบาก การต่อสู้อันดุเดือด ที่ทุกการปะทะอาจต้องแลกด้วยชีวิต ตอนนี้ตัวเขากลับมีแต่ความรู้สึกอเนจอนาถเกินจะบรรยาย กับศัตรูที่โดนต่อยเบาๆยังร่างแหลก แถมไม่เหลือเค้าความน่าเกรงขามดั่งในอดีตเลย
"โอเค~ ได้เลย...ได้เลย...ถ้างั้น.. ดาหน้ากันเข้ามาเลยเซ่!!!"
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว... เป็นยุคที่ฮีโร่รุ่นเก่าอย่างชายขับรถบรรทุกคนนี้ หรืออดีตฮีโร่สวมหน้ากากที่เคยถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดอย่าง พาวเวอร์แมน ถูกลืม...
ณ ร้านกาแฟแห่งนึงในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง
หญิงสาวยื่นกล่องใส่แหวนคืนให้ชายตรงหน้าของเธอหลังจากที่เขาเซอร์ไพรซ์ เธอด้วยการขอแต่งงาน เมื่อกี้...
"ขอโทษด้วยนะคะ... แต่ฉันคงรับแหวนวงนี้จากคุณไม่ได้... ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ ลาก่อนค่ะ..."
เธอลุกจากโต๊ะก้มหัวให้เคย์ตะก่อนจะเดินจากไปเป็นการปิดการคบหาดูใจกันมาได้เกือบหนึ่งปี
"เฮ้อ..."
(ตึง...)
ชายวัย30กว่าที่พึ่งถูกหักอกฉับพลันถึงกับตัวอ่อนหัวลงกระแทกกับโต๊ะ ตอนนี้ตัวของเขาอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง เงินที่อุส่าห์อดทนเก็บมาเพื่อซื้อแหวนมั่นให้สาวที่ตนอยากจะใช้ชีวิตลงหลักปักฐานด้วยกัน มันช่างสูญเปล่าเสียจริง
"โดนไล่ออกจากงานตอนเช้า ...แล้วยังต้องมาโดนหักอกตอนเย็น เหอๆ จะรับไม่ไหวแล้วนะ"
"คุณพนักงาน ผมขอสั่งไอศครีมซันเดย์ หนึ่งที่นะคร้าบ~"
"ค่า~ ไอศครีมซันเดย์หนึ่งที่นะคะ"
"หืม... นี่... ไม่เห็นรึว่าโต๊ะนี้มีคนนั่งอยู่นะ..."
ด้วยเสียงการสั่งไอศครีมของชายคนนึงที่ดังขึ้นใกล้ๆกัน ดึงความสนใจให้เขาต้องแหงนหน้ามองเขาก็พบชายใส่สูทกับเนกไทลายดอกบานเย็น และถึงจะใส่แว่นกันแดดแต่โครงหน้านั่นมันช่างตะขิดตะควงใจคุ้นๆเหลือเกิน
"แหม่ อย่าใจร้ายกันนักสิครับ... คุณพาวเวอร์แมน~"
"ตูไม่รู้จักคนที่ชื่อเห่ยๆแบบนั้น เอ็งจะไปไหนก็ไปเลยไป"
เจ้าตัวคว่ำหน้าลงบนผิวโต๊ะอย่างหมดอารมณ์ ในตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าชายตรงหน้าที่จู่ๆมาร่วมโต๊ะกับเขาคือใคร
"อย่าใจร้ายกับอดีตคู่หูกันสิคร้าบ~"
"นี่แกช่วยพูดเบาๆหน่อยจะได้ไหม ไอ้นิสัยระรื่นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะแกน่ะ และอีกอย่างไม่ยังกะจำได้เลยว่ามีแกเป็นคู่หู"
"ใจร้ายจังเลยน๊า~"
"แล้วนี่แกหาฉันเจอได้ยังไงไม่ทราบ?"
"ก็นะครับ คนต่างด้าวที่หลบหนีไปตามที่ต่างๆบนโลกแถมใช้ชื่อปลอมตั้งมากมาย ก็เป็นอะไรที่ตามหาตัวยากสุดๆเลยล่ะครับ แต่ถ้ามีเส้นสายกับเงินอีกนิดหน่อย นั่นเองที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงหน้าคุณได้ในรอบสิบปีไงล่ะคร้าบ~"
"...แก้ปัญหาด้วยเงินอีกตามเคยสินะ งั้นที่อุตส่าห์ตามหาฉันมาจนถึงที่นี่มีธุระอะไรว่ามา?"
"ว่าแต่เอ...?๋ นี่แหวนหมั้นใช่ไหมครับเนี่ยจะขอใครแต่งงานเหรอครับ?"
"เออๆ ถ้าไม่มีธุระอะไรงั้นก็ขอตัวก่อนล่ะ"
แหวนบนโต๊ะถูกคว้ามาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงในเสี้ยววิจนมองแทบไม่ทันประกอบกับเจ้าของแหวนทำท่าตะลุกขึ้นไปให้พ้นๆจากที่นี่ซักที
"ใจเย็นก่อนสิครับ ที่ผมมาที่นี่เพื่อที่จะเสนองานให้เฉยๆเท่านั้นเอง"
"งาน... งานอะไร?"
ชายที่ถูกเรียกว่าพาวเวอร์แมนเกิดสนใจข้อเสนอของยูไกขึ้นมานิดนึงเพราะตอนนี้ตัวเขากำลังตกงานด้วย
"เป็นงานที่ผมอยากให้เป็นคุณเท่านั้นเป็นคนทำน่ะครับ เป็นงานที่ผมคิดว่าเป็นคุณเท่านั้นที่จะทำมันได้ดี"
"ไอศครีมที่สั่งได้แล้วค่า"
"ขอบคุณมากคร้าบ~ เอ้าๆ นั่งก่อนสิครับ"
พาวเวอร์แมนยอมที่จะนั่งลงลองฟังรายละเอียดดูก่อน
"แล้วสรุปงานที่ว่านั่นน่ะคืออะไรกันแน่?"
"ก็สั้นๆเลยคือการ... เอ... ว่าไงดีคงจะราวๆ จัดตั้งทีมฮีโร่ขึ้นน่ะครับ ทีมฮีโร่ที่มีคุณเป็นครูฝึกสอนไงล่ะครับ"
"...เพื่ออะไรกันล่ะ? ในยุคนี้ที่การเป็นฮีโร่มันตกยุคแถมเป็นสิ่งต้องห้ามไปแล้ว ยังจะตั้งทีมฮีโร่ขึ้นมาอีกทำไมกัน??"
ในปัจจุบันอัตราของผู้ตั้งตัวเป็นฮีโร่นั้นน้อยนิดมากแม้จำนวนผู้มีพลังพิเศษจะมากกว่าในอดีต
เหตุผลหลักนั้นมาจากตั้งแต่อดีตเมื่อ 20 ปีก่อนการปะทะกันระหว่างฮีโร่กับไคจูสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หรือกับเหล่าร้าย มักก่อความเสียหายให้กับสิ่งต่างๆโดยรอบไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่คนทั่วไปที่โดนลูกหลงจากการต่อสู้
ความไม่พอใจนั้นมันสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงได้มีกฏห้ามการเป็นฮีโร่แต่สำหรับผู้มีพลังพิเศษหรือแม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่อยากปกป้องบ้านเมือง และผู้คนจากไคจูหรือเหล่าร้าย รัฐบาลทั่วทุกมุมโลกต่างลงมติร่วมมือกันก่อตั้งองค์กรเพื่อสันติภาพโลกนามว่า "The Saviours Corp. " ขึ้นมาเพื่อจัดการกับเหล่าไคจูกับเหล่าร้ายโดยเฉพาะ...
"เพื่อสันติภาพ เพื่อมวลมนุษย์ เพื่อความสงบสุข เหล่านี้คือสิ่งที่คุณเคยยึดมั่นเพื่อเป็นฮีโร่สินะครับ แต่การก่อตั้งกลุ่มฮีโร่ขึ้นมาสำหรับผมมันไม่ใช่เพื่อสิ่งพวกนั้นหรอก สิ่งที่ผมต้องการและที่คุณต้องการ ไม่ว่าใครก็ต้องการ... มันคือ [เงิน] ไงล่ะครับ"
"หาเงินจากการตั้งทีมฮีโร่เนี่ยนะ? จะทำยังไงไม่ทราบ?"
ในตอนนั้นเองยูไก ได้ชี้ไปทางทีวีติดผนังที่กำลังออกข่าวเกี่ยวกับวงไอดอลวงใหม่ที่พึ่งเปิดตัว
"ทีวี.. รายการทีวี? เดี๋ยวนะ... ยะ ..อย่าบอกนะว่าความต้องการจริงๆของแกคือ..."
"มันน่าสนุกดีไม่ใช่เหรอครับ? ฮีโร่คุณธรรมสูงส่งผู้คอยปกป้องผู้คนจากสิ่งชั่วร้ายมันตกยุคไปแล้ว ผมต้องการที่จะสร้างยุคที่มีกลุ่มฮีโร่อันเป็นที่รักของทุกคนคอยปกป้องผู้คนจากความชั่วร้ายและต้องมอบความสุขให้กับทุกคนไปด้วย... แล้ว... คุณพาวเวอร์แมนผู้เกรียงไกร จะมาเป็นครูฝึก อืม... ไม่สิ จะมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กลุ่มฮีโร่ไอดอลในสังกัดของผมไหม?"
"พูดซะดูดี... แกเองก็แค่จะเกาะความดังนั่นเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าไม่ใช่รึไงกัน รวยล้นฟ้าอยู่แล้วยังจะโลภไปถึงไหน?"
"สำหรับผมเงินคือทุกสิ่ง... สำหรับคุณในตอนนี้ยังไม่คิดเหมือนผมอีกเหรอครับ?"
"อา..."
พาวเวอร์แมนนิ่งครุ่นคิดถึงอดีตวันวานที่ออกเสี่ยงตายคอยปกป้องผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเพียงแค่เขาได้ต่อสู้เพื่อปกป้องคนอื่นเขาก็พอใจแล้ว...
แต่ว่าจากนั้นไม่ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเขาก็ค้นพบตัวเองว่า ที่ต่อสู้เพื่อสันติ ความสงบอะไรนั่นมันแต่การหลอกลวง เป็นแค่ความคิดโง่ๆที่เอาไว้หลอกตัวเอง
เพราะแท้ที่จริงแล้วพาวเวอร์แมนก็แค่รู้สึกสนุกที่ได้ต่อสู้ มีความสุขที่ได้อยู่ในสถานะการที่เสี่ยงตาย มันไม่ต่างอะไรเลยกับคนบ้าที่เสพติดการฆ่าเลยซักนิดเดียว...
"เออ... นั่นสินะ"
[นิยาย] The Idol Hero:Remastered อุบัติการณ์รัก ปั้นไอดอลกู้โลก ตอนที่ 1
ด้วยเหตุผลบางอย่างแน่นอนว่ามนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกต่างได้รับผลกระทบในครั้งนี้ นั่นเองทำให้มนุษย์เจ็บป่วยยากขึ้น หรือแม้แต่โรคมะเร็งก็สามารถรักษาให้หายได้ หากมีบาดแผลบาดแผลนั้นจะสมานได้เร็วขึ้นถึง3เท่า เพียงแค่ดาวหางดวงนั้นเคลื่อนตัวผ่านโลกผลที่ตามมากับทำให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการขึ้นไปอีกระดับ ตัวเลขจำนวนการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บลดน้อยลง..
แต่ทว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยภัยพิบัติกลับมากขึ้นเป็นทวีคูณ ภัยพิบัติจากด้วยน้ำมือของเหล่าไคจู ที่ปรากฏขึ้นมาทั่วทุกมุมโลก สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ถึงขนาดยักษ์ที่เกิดจากสัตว์ต่างๆที่รับผลกระทบจากดาวหางมากกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไป
ทว่ามนุษย์ที่รับผลกระทบจากดาวหางมากเกินไปก็มีเช่นกันพวกผู้มีพลังพิเศษจากผลกระทบของดาวหางออกต่อสู้สันติสุข นั่นเองคือ "ฮีโร่"
วันวานที่ผมตัดสินใจที่จะใช้พลังที่ได้รับมาเพื่อกลายเป็นฮีโร่ปกปิดตัวตนภายใต้หน้ากากต่อสู้กับเหล่าไคจูมานับไม่ถ้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก สูญเสียพวกพ้องมาก็ไม่น้อย ต้องเผชิญกับเหล่าอธรรมผู้มีพลังพิเศษที่ใช้พลังในทางที่ผิด การต่อสู้อันดุเดือดและโหดร้าย...
ซึ่งนั่นมันก็เรื่องในอดีตเมื่อ20ปีก่อนนับจากที่ผมได้พลังมาล่ะนะ....
*********************************
เวลา ตีสาม
ณ ภายในห้องเช่าแห่งนึง
ภายห้องนั้นรกเละเทะด้วยกองเสื้อผ้าแล้วถุงขยะสีดำ ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและบรรดากระป๋องเบียร์ที่วางกระจัดกระจายไปทั่วห้อง บรรยากาศในห้องไม่ต่างอะไรจากห้องตาลุงซักนิด
(กริ๊งงงงงงงง!)
(เปรี้ยง!!!! โพล๊ะ!!)
นาฬิกาปลุกที่ตั้งข้างหัวเตียงถูกต่อยจนแหลกเละไปติดกำแพง เมื่อเสียงนั้นเงียบลงบุรุษผู้อยู่ใต้ผ้าหุ่มก็ขดตัวแน่นเพื่อหลบแสงตะวันที่สาดส่องเล็ดลอดผ้าม่านเข้า
"งืม... เฮ้ย?!?! นี่ตูเผลอทำนาฟิกาพังอีกแล้วเหรอเนี่ย!!"
ชายวัย30กว่าสะดุ้งสุดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างตื่นตูมเพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าพึ่งจะทำนาฬิกาปลุกเรือนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้พังไป...
ึในเวลาต่อมา...
"เฮ้อ... รู้สึกเหมือนนอนไม่พอยังไงไม่รู้แฮะ นั่งบนรถแบบนี้แทบทั้งวันทุกๆวันก็พาลทำเหน็บกินก้นได้เหมือนกันนะ"
ในตอนนี้เขากำลังอยู่เวลาทำงานที่ต้องถ่างตาขึ้นมาตั้งแต่ตีสามตีสี่ เพื่อขับรถส่งสินค้าจำพวกอาหารเครื่องดื่มที่ค่อนข้างแตกเสียหายง่ายไปเติมให้ห้างหรือร้านค้าตามเขตต่างๆเมืองต่างๆ มันเป็นงานที่น่าเบื่อแต่ก็ต้องฝืนทำต่อไป
ในตอนนี้ตัวเขา กำลังขับรถบนสะพานยาวข้ามฟากในช่วงเช้ามืดที่ทางข้างหน้ามีแต่หมอกหนามองแทบไม่เห็นทาง
"ฮ้าวววว~... ฮะเฮ้ย!!? "
(เอี๊ยดดดดดด!!) ในระหว่างที่เขากำลังหาวแบบสลึมสลือเขาก็สังเกตุเห็นว่าทางด้านหน้านั้นถูกตัดขาดทำให้ต้องเบรครถอย่างกันทันหันทำเอารถเกือบตกสะพาน
"โธ่เอ้ย ให้ตายสิ! ไม่นะ ไม่!"
เจ้าตัวหัวเสียเพราะงานของเขามันต้องทำเวลา การต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มันทำให้เขาเสียการเสียงานสุดๆ เขาก้าวลงจากรถแล้วเดินไปที่บริเวณส่วนที่ถูดตัดขาดพยายามเพ่งมองเข้าไปในหมอกเพื่อมองหาฝั่งตรงข้ามลองสะพานที่ถูกตัดขาดแต่ก็ไม่อาจมองเห็นได้เพราะหมอกมันหนามาก
ทว่าเขากลับไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจ้องมองมาที่เขา บางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ บางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกหนา
ตอนนี้ใบหน้าของมันยื่นออกมาจากหมอกด้วยคอที่ยาวเอาเรื่องมุ่งไปหาชายขับรถบรรทุกที่กำลังพยายามยืนเพ่งมองอยู่ริมสะพาน
(แหมะ...)
เสียงหยดน้ำลายหยดลงพื้นดึงความสนใจให้ผู้ถูกจับตามองรู้สึกตัว เขาค่อยหันมองไปตามเสียงอย่างช้าๆ และสิ่งที่เขาได้เห็นนั่นก็คือ...
ใบหน้ากลมโตขนาดใหญ่สิ่งมีชีวิตประหลาดไร้ขนที่มีแววตาบ้องแบ๋วมีจงอยดุ๊กดิ๊กบนหัวปากของมันมนเรียวราวกับปากแมว ดูแล้วอย่างกับหลุดมาจากตัวการ์ตูนให้เด็กอ่อนดู...
"อุ๋ง"
"เอาจริงดิ... อุ๋งเนี่ยนะ.."
(หงับ! หงำๆ)
มันขบเข้าที่หัวของชายดวงซวย(มั้ง) เข้าไปทั้งหัวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขในขณะที่เขายังคงยืนนิ่งๆทั้งๆที่ถูกอมหัวทั้งหัวจนเหนอะชุ่มน้ำลาย มองดูแล้วแทนที่จะเรียกว่าขย้ำหัวควรจะเรียกว่าเป็นการอมมากกว่า...
"รำคาญโว้ย!!"
(ตู้ม!!!)
หัวของไคจูสุดแบ๋วแตกกระจุยจากการต่อยเสยใต้คางเบาๆ สำหรับเขาเพียงแค่ออกแรงนิดเดียวก็ฆ่าพวกไคจู 'สมัยนี้' ได้แล้ว
ในปัจจุบันพวกไคจูมีพละกำลังความเก่งที่ด้อยกว่าสมัยก่อนอย่างมาก รวมไปถึงหน้าตาที่หน่อมแน้มขึ้นต่างจากแต่ก่อนที่มักจะทรงพลังป่าเถื่อนโหดร้ายน่าเกรงขาม...
"อ่า... บ้าเอ้ย เปื้อนหมดเลย เลือดสีชมพูนี่มันก็... หืม? อ้าว หมอกเริ่มจากลงแล้วนี่? มองเห็นอีกฝั่งของสะพานแล้วทีนี้เราก็น่าจะแบกรถข้ามไปได้..."
(กุกกักๆ)
เจ้าตัวพึ่งจะมาสังเกตุว่ารถบรรทุกที่เขาขับมานั้นจะโยกเยก ซึ่งความจริงคือมีไคจูอีกตัวกำลังฟาดขนมขบเคี้ยวเครื่องดื่มจากรถบรรทุกอย่างตะกละตะกลาม
"อุ๋ง"
"อุ๋งๆๆ"
"อุ๋งๆๆๆๆ"
เมื่อหมอกนั้นจางลงตัวเขาก็พบว่าตอนนี้รอบๆตัวเขาที่เป็นน้ำทะเลได้มีพวกไคจูหน้าเดียวพิมพ์เดียวกับที่เขาพึ่งจัดการไปเมื่อกี้นี้โผล่จากผิวน้ำขึ้นร่วม10ตัวราวล้อมจ้องมองเขาด้วยใบหน้ากลมโตน่ารักน่าชังร้อง อุ๋งๆ แต่ละตัวมีส่วนสูงราวๆ6-8เมตร และดูจะยื่นคอได้ยาวตามต้องการอีกด้วย
ในตอนนี้ชายวัย30กว่าถึงกับกุมขมับ...
นี่มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว วันวานแห่งการต่อสู้กับไคจูที่ยากลำบาก การต่อสู้อันดุเดือด ที่ทุกการปะทะอาจต้องแลกด้วยชีวิต ตอนนี้ตัวเขากลับมีแต่ความรู้สึกอเนจอนาถเกินจะบรรยาย กับศัตรูที่โดนต่อยเบาๆยังร่างแหลก แถมไม่เหลือเค้าความน่าเกรงขามดั่งในอดีตเลย
"โอเค~ ได้เลย...ได้เลย...ถ้างั้น.. ดาหน้ากันเข้ามาเลยเซ่!!!"
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว... เป็นยุคที่ฮีโร่รุ่นเก่าอย่างชายขับรถบรรทุกคนนี้ หรืออดีตฮีโร่สวมหน้ากากที่เคยถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดอย่าง พาวเวอร์แมน ถูกลืม...
ณ ร้านกาแฟแห่งนึงในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง
หญิงสาวยื่นกล่องใส่แหวนคืนให้ชายตรงหน้าของเธอหลังจากที่เขาเซอร์ไพรซ์ เธอด้วยการขอแต่งงาน เมื่อกี้...
"ขอโทษด้วยนะคะ... แต่ฉันคงรับแหวนวงนี้จากคุณไม่ได้... ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ ลาก่อนค่ะ..."
เธอลุกจากโต๊ะก้มหัวให้เคย์ตะก่อนจะเดินจากไปเป็นการปิดการคบหาดูใจกันมาได้เกือบหนึ่งปี
"เฮ้อ..."
(ตึง...)
ชายวัย30กว่าที่พึ่งถูกหักอกฉับพลันถึงกับตัวอ่อนหัวลงกระแทกกับโต๊ะ ตอนนี้ตัวของเขาอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง เงินที่อุส่าห์อดทนเก็บมาเพื่อซื้อแหวนมั่นให้สาวที่ตนอยากจะใช้ชีวิตลงหลักปักฐานด้วยกัน มันช่างสูญเปล่าเสียจริง
"โดนไล่ออกจากงานตอนเช้า ...แล้วยังต้องมาโดนหักอกตอนเย็น เหอๆ จะรับไม่ไหวแล้วนะ"
"คุณพนักงาน ผมขอสั่งไอศครีมซันเดย์ หนึ่งที่นะคร้าบ~"
"ค่า~ ไอศครีมซันเดย์หนึ่งที่นะคะ"
"หืม... นี่... ไม่เห็นรึว่าโต๊ะนี้มีคนนั่งอยู่นะ..."
ด้วยเสียงการสั่งไอศครีมของชายคนนึงที่ดังขึ้นใกล้ๆกัน ดึงความสนใจให้เขาต้องแหงนหน้ามองเขาก็พบชายใส่สูทกับเนกไทลายดอกบานเย็น และถึงจะใส่แว่นกันแดดแต่โครงหน้านั่นมันช่างตะขิดตะควงใจคุ้นๆเหลือเกิน
"แหม่ อย่าใจร้ายกันนักสิครับ... คุณพาวเวอร์แมน~"
"ตูไม่รู้จักคนที่ชื่อเห่ยๆแบบนั้น เอ็งจะไปไหนก็ไปเลยไป"
เจ้าตัวคว่ำหน้าลงบนผิวโต๊ะอย่างหมดอารมณ์ ในตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าชายตรงหน้าที่จู่ๆมาร่วมโต๊ะกับเขาคือใคร
"อย่าใจร้ายกับอดีตคู่หูกันสิคร้าบ~"
"นี่แกช่วยพูดเบาๆหน่อยจะได้ไหม ไอ้นิสัยระรื่นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะแกน่ะ และอีกอย่างไม่ยังกะจำได้เลยว่ามีแกเป็นคู่หู"
"ใจร้ายจังเลยน๊า~"
"แล้วนี่แกหาฉันเจอได้ยังไงไม่ทราบ?"
"ก็นะครับ คนต่างด้าวที่หลบหนีไปตามที่ต่างๆบนโลกแถมใช้ชื่อปลอมตั้งมากมาย ก็เป็นอะไรที่ตามหาตัวยากสุดๆเลยล่ะครับ แต่ถ้ามีเส้นสายกับเงินอีกนิดหน่อย นั่นเองที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงหน้าคุณได้ในรอบสิบปีไงล่ะคร้าบ~"
"...แก้ปัญหาด้วยเงินอีกตามเคยสินะ งั้นที่อุตส่าห์ตามหาฉันมาจนถึงที่นี่มีธุระอะไรว่ามา?"
"ว่าแต่เอ...?๋ นี่แหวนหมั้นใช่ไหมครับเนี่ยจะขอใครแต่งงานเหรอครับ?"
"เออๆ ถ้าไม่มีธุระอะไรงั้นก็ขอตัวก่อนล่ะ"
แหวนบนโต๊ะถูกคว้ามาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงในเสี้ยววิจนมองแทบไม่ทันประกอบกับเจ้าของแหวนทำท่าตะลุกขึ้นไปให้พ้นๆจากที่นี่ซักที
"ใจเย็นก่อนสิครับ ที่ผมมาที่นี่เพื่อที่จะเสนองานให้เฉยๆเท่านั้นเอง"
"งาน... งานอะไร?"
ชายที่ถูกเรียกว่าพาวเวอร์แมนเกิดสนใจข้อเสนอของยูไกขึ้นมานิดนึงเพราะตอนนี้ตัวเขากำลังตกงานด้วย
"เป็นงานที่ผมอยากให้เป็นคุณเท่านั้นเป็นคนทำน่ะครับ เป็นงานที่ผมคิดว่าเป็นคุณเท่านั้นที่จะทำมันได้ดี"
"ไอศครีมที่สั่งได้แล้วค่า"
"ขอบคุณมากคร้าบ~ เอ้าๆ นั่งก่อนสิครับ"
พาวเวอร์แมนยอมที่จะนั่งลงลองฟังรายละเอียดดูก่อน
"แล้วสรุปงานที่ว่านั่นน่ะคืออะไรกันแน่?"
"ก็สั้นๆเลยคือการ... เอ... ว่าไงดีคงจะราวๆ จัดตั้งทีมฮีโร่ขึ้นน่ะครับ ทีมฮีโร่ที่มีคุณเป็นครูฝึกสอนไงล่ะครับ"
"...เพื่ออะไรกันล่ะ? ในยุคนี้ที่การเป็นฮีโร่มันตกยุคแถมเป็นสิ่งต้องห้ามไปแล้ว ยังจะตั้งทีมฮีโร่ขึ้นมาอีกทำไมกัน??"
ในปัจจุบันอัตราของผู้ตั้งตัวเป็นฮีโร่นั้นน้อยนิดมากแม้จำนวนผู้มีพลังพิเศษจะมากกว่าในอดีต
เหตุผลหลักนั้นมาจากตั้งแต่อดีตเมื่อ 20 ปีก่อนการปะทะกันระหว่างฮีโร่กับไคจูสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หรือกับเหล่าร้าย มักก่อความเสียหายให้กับสิ่งต่างๆโดยรอบไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่คนทั่วไปที่โดนลูกหลงจากการต่อสู้
ความไม่พอใจนั้นมันสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงได้มีกฏห้ามการเป็นฮีโร่แต่สำหรับผู้มีพลังพิเศษหรือแม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่อยากปกป้องบ้านเมือง และผู้คนจากไคจูหรือเหล่าร้าย รัฐบาลทั่วทุกมุมโลกต่างลงมติร่วมมือกันก่อตั้งองค์กรเพื่อสันติภาพโลกนามว่า "The Saviours Corp. " ขึ้นมาเพื่อจัดการกับเหล่าไคจูกับเหล่าร้ายโดยเฉพาะ...
"เพื่อสันติภาพ เพื่อมวลมนุษย์ เพื่อความสงบสุข เหล่านี้คือสิ่งที่คุณเคยยึดมั่นเพื่อเป็นฮีโร่สินะครับ แต่การก่อตั้งกลุ่มฮีโร่ขึ้นมาสำหรับผมมันไม่ใช่เพื่อสิ่งพวกนั้นหรอก สิ่งที่ผมต้องการและที่คุณต้องการ ไม่ว่าใครก็ต้องการ... มันคือ [เงิน] ไงล่ะครับ"
"หาเงินจากการตั้งทีมฮีโร่เนี่ยนะ? จะทำยังไงไม่ทราบ?"
ในตอนนั้นเองยูไก ได้ชี้ไปทางทีวีติดผนังที่กำลังออกข่าวเกี่ยวกับวงไอดอลวงใหม่ที่พึ่งเปิดตัว
"ทีวี.. รายการทีวี? เดี๋ยวนะ... ยะ ..อย่าบอกนะว่าความต้องการจริงๆของแกคือ..."
"มันน่าสนุกดีไม่ใช่เหรอครับ? ฮีโร่คุณธรรมสูงส่งผู้คอยปกป้องผู้คนจากสิ่งชั่วร้ายมันตกยุคไปแล้ว ผมต้องการที่จะสร้างยุคที่มีกลุ่มฮีโร่อันเป็นที่รักของทุกคนคอยปกป้องผู้คนจากความชั่วร้ายและต้องมอบความสุขให้กับทุกคนไปด้วย... แล้ว... คุณพาวเวอร์แมนผู้เกรียงไกร จะมาเป็นครูฝึก อืม... ไม่สิ จะมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กลุ่มฮีโร่ไอดอลในสังกัดของผมไหม?"
"พูดซะดูดี... แกเองก็แค่จะเกาะความดังนั่นเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าไม่ใช่รึไงกัน รวยล้นฟ้าอยู่แล้วยังจะโลภไปถึงไหน?"
"สำหรับผมเงินคือทุกสิ่ง... สำหรับคุณในตอนนี้ยังไม่คิดเหมือนผมอีกเหรอครับ?"
"อา..."
พาวเวอร์แมนนิ่งครุ่นคิดถึงอดีตวันวานที่ออกเสี่ยงตายคอยปกป้องผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเพียงแค่เขาได้ต่อสู้เพื่อปกป้องคนอื่นเขาก็พอใจแล้ว...
แต่ว่าจากนั้นไม่ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเขาก็ค้นพบตัวเองว่า ที่ต่อสู้เพื่อสันติ ความสงบอะไรนั่นมันแต่การหลอกลวง เป็นแค่ความคิดโง่ๆที่เอาไว้หลอกตัวเอง
เพราะแท้ที่จริงแล้วพาวเวอร์แมนก็แค่รู้สึกสนุกที่ได้ต่อสู้ มีความสุขที่ได้อยู่ในสถานะการที่เสี่ยงตาย มันไม่ต่างอะไรเลยกับคนบ้าที่เสพติดการฆ่าเลยซักนิดเดียว...
"เออ... นั่นสินะ"