ก่อนอื่นต้องบอกว่าเลี้ยงเดียว เลิกกับแม่เด็กตอนอายุ10เดือน..
ลำบากอย่างที่สุด เพื่อหวังว่าอนาคตของลูกสาวตอนโต
จะสามารถดำเนินชีวิตอย่างคนปกติ ไม่ต้องร่ำรวย แค่อยากให้ใช้ชีวิต ที่มีความสุข ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไปกับค่านิยมผิดๆ เพราะเห็นว่าเขาจะเป็นทาส สิ่งของกับวัถถุ ไปตลอดชีวิต
แต่เพราะต้องดิ้นรนทำงานทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง ประสบผลสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ต้องทำ ทำเพื่ออนาคตของลูกสาวที่ตั้งไว้ปลายทาง
ช่วงม1-ม3 ลูกสาวเริ่มเปลี่ยน เสมือนค่อยๆซึมซับ ให้เป็นทาส วัต
อมปลอม เริ่มเสริมสวยเกินกว่าวัยที่ควรจะเป็น เล่นแต่มือถือเหมือนเป็นอวัยวะที่33 เริ่มเที่ยวเตร่ แต่งตัวในชุดเหมือนคนกลางคืน เริ่มโชว์เริ่มอวดสัดส่วน
การงานหน้าที่ที่บ้านก็ไม่คิดจะทำ ผัดมันไปเรื่อยๆ ปิดห้องล็อคห้อง นอนดึกมากเกินกว่าวัย ใช้เงินมากเหมือนผู้ใหญ่ มีรายงานจากครู ว่าตรวจพบบุหรี่ แล้วค้นในห้องนอน ก็พบบุหรี่แอบซ่อน วาจากิริยาที่พูดกับคนที่บ้าน ใส่เสียงตะคอก ข้าวปลาอาหาร ก้อกินตามอำเภอใจ จะกี่มื้อ หรือกี่โมงกี่ยาม ก็แล้วแต่ใจ
เรียกใช้งานให้ทำอะไร ก้อจะพูดว่าเดี๋ยว หรือเดี๋ยวทำ แต่ก็ไม่ทำ หมักมันไว้ เสื้อผ้า ชุดนักเรียน ก็ใส่แบบดำๆไปเรียน ไม่เรียกให้รีด ก็จะไม่รีด
เลิกเรียนกลับบ้าน ก็ตามจะเขาอยากจะกลับกี่โมง
ถามว่า ผมจะทำยังงัย มีหลังสุดโมโหจนยิงปืนใส่ข้างฝา
เพราะคิดว่าเหลืออดมา หลายปีแล้ว(3ปี)
เรื่องการงานของเรา ต้องบอกว่าแค่ประคอง ดิ้นรนทุกวัน และในยามที่สภาวะย่ำแย่ ก็ต้องเพิ่มความอดทนในการทำ เพราะครอบครัวต้องอยู่ให้ได้ หลายหนเงินหมด ก็จำเป็นขายขาดทุน เพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย ให้หนต้องค้างค่าของเขาไว้ ดิ้นรนหามาคืน จากข้าวที่กิน ก็ลดลงบ้าง ประหยัดให้มากขึ้น เพื่อใช้หนี้เขาตามที่นัดไว้ และไกนจะทางบ้าน พ่อกับแม่ และกับลูกสาว เราต้องดิ้นรนหาให้ได้
ในสภาวะที่ปากกัดตีนถีบ จะทำอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เพิ่มมาตลอดเวลาที่ดิ้นรน คือความกลุ้มใจงานก็ต้องดิ้นรนทำ เรื่องทุกข์ใจของลูกสาวตลอดตั้งแต่ตื่นยันหลับนอน แต่ล่ะวัน ตลอด3ปีมานี้ แทบบอกตรงๆทนไม่ไว้ แต่ต้องทนน่ะ กลัวแม้กระทั้งตอนเช้า จะรบกับลูกไหมก่อนไปเรียน เพราะวันนั้นเราจะพกพาความกลุ้มใจทุกข์ใจติดตัวไปตลอกวัน อยู่แต่ในใจเราตลอด เราจะทนอย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไร แล้วถ้าวันที่เราไม่ไหวแล้ว เราจะเป็นยังงัย บ้างที่ได้แต่คิดว่าคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เราจะต้องพกพาไปตลอดชีวิตที่เรายังหายใจอยู่ เราจะทำยังงัยได้ หาหนทางแก้ไข ปรับปรุงมาหลายปีแล้ว ไม้มีทีท่าว่าจะดีขึ้น มีแต่จะฉุดรั้งให้หนักขึ้นทุกวัน อย่างให้เราสู้ทำงานจนตาย หรือตรอมใจตายจาก สิ่งที่ลูกสาวทำให้เรา
ถ้าสามารถเลือกได้ หรือโอกาสแลกเปลี่ยนได้ เรายอมเหนื่อยมากกว่านี้ร้อยพันเท่า ถ้าลูกสาวกลับตัวกลับใจ เริ่มต้นใช้ชีวิตตามคันรอง ที่ถูกที่ควร...
(15ปีที่เลี้ยงดูมา แค่3ปีมานี้ที่ลูกสาวเปลี่ยนไป พูดตรงๆว่า พ่อคนนี้จะไม่ไหวแล้ว )
ทุกข์กับลูกสาววัยรุ่น อายุ15
ลำบากอย่างที่สุด เพื่อหวังว่าอนาคตของลูกสาวตอนโต
จะสามารถดำเนินชีวิตอย่างคนปกติ ไม่ต้องร่ำรวย แค่อยากให้ใช้ชีวิต ที่มีความสุข ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไปกับค่านิยมผิดๆ เพราะเห็นว่าเขาจะเป็นทาส สิ่งของกับวัถถุ ไปตลอดชีวิต
แต่เพราะต้องดิ้นรนทำงานทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง ประสบผลสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ต้องทำ ทำเพื่ออนาคตของลูกสาวที่ตั้งไว้ปลายทาง
ช่วงม1-ม3 ลูกสาวเริ่มเปลี่ยน เสมือนค่อยๆซึมซับ ให้เป็นทาส วัตอมปลอม เริ่มเสริมสวยเกินกว่าวัยที่ควรจะเป็น เล่นแต่มือถือเหมือนเป็นอวัยวะที่33 เริ่มเที่ยวเตร่ แต่งตัวในชุดเหมือนคนกลางคืน เริ่มโชว์เริ่มอวดสัดส่วน
การงานหน้าที่ที่บ้านก็ไม่คิดจะทำ ผัดมันไปเรื่อยๆ ปิดห้องล็อคห้อง นอนดึกมากเกินกว่าวัย ใช้เงินมากเหมือนผู้ใหญ่ มีรายงานจากครู ว่าตรวจพบบุหรี่ แล้วค้นในห้องนอน ก็พบบุหรี่แอบซ่อน วาจากิริยาที่พูดกับคนที่บ้าน ใส่เสียงตะคอก ข้าวปลาอาหาร ก้อกินตามอำเภอใจ จะกี่มื้อ หรือกี่โมงกี่ยาม ก็แล้วแต่ใจ
เรียกใช้งานให้ทำอะไร ก้อจะพูดว่าเดี๋ยว หรือเดี๋ยวทำ แต่ก็ไม่ทำ หมักมันไว้ เสื้อผ้า ชุดนักเรียน ก็ใส่แบบดำๆไปเรียน ไม่เรียกให้รีด ก็จะไม่รีด
เลิกเรียนกลับบ้าน ก็ตามจะเขาอยากจะกลับกี่โมง
ถามว่า ผมจะทำยังงัย มีหลังสุดโมโหจนยิงปืนใส่ข้างฝา
เพราะคิดว่าเหลืออดมา หลายปีแล้ว(3ปี)
เรื่องการงานของเรา ต้องบอกว่าแค่ประคอง ดิ้นรนทุกวัน และในยามที่สภาวะย่ำแย่ ก็ต้องเพิ่มความอดทนในการทำ เพราะครอบครัวต้องอยู่ให้ได้ หลายหนเงินหมด ก็จำเป็นขายขาดทุน เพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย ให้หนต้องค้างค่าของเขาไว้ ดิ้นรนหามาคืน จากข้าวที่กิน ก็ลดลงบ้าง ประหยัดให้มากขึ้น เพื่อใช้หนี้เขาตามที่นัดไว้ และไกนจะทางบ้าน พ่อกับแม่ และกับลูกสาว เราต้องดิ้นรนหาให้ได้
ในสภาวะที่ปากกัดตีนถีบ จะทำอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เพิ่มมาตลอดเวลาที่ดิ้นรน คือความกลุ้มใจงานก็ต้องดิ้นรนทำ เรื่องทุกข์ใจของลูกสาวตลอดตั้งแต่ตื่นยันหลับนอน แต่ล่ะวัน ตลอด3ปีมานี้ แทบบอกตรงๆทนไม่ไว้ แต่ต้องทนน่ะ กลัวแม้กระทั้งตอนเช้า จะรบกับลูกไหมก่อนไปเรียน เพราะวันนั้นเราจะพกพาความกลุ้มใจทุกข์ใจติดตัวไปตลอกวัน อยู่แต่ในใจเราตลอด เราจะทนอย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไร แล้วถ้าวันที่เราไม่ไหวแล้ว เราจะเป็นยังงัย บ้างที่ได้แต่คิดว่าคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เราจะต้องพกพาไปตลอดชีวิตที่เรายังหายใจอยู่ เราจะทำยังงัยได้ หาหนทางแก้ไข ปรับปรุงมาหลายปีแล้ว ไม้มีทีท่าว่าจะดีขึ้น มีแต่จะฉุดรั้งให้หนักขึ้นทุกวัน อย่างให้เราสู้ทำงานจนตาย หรือตรอมใจตายจาก สิ่งที่ลูกสาวทำให้เรา
ถ้าสามารถเลือกได้ หรือโอกาสแลกเปลี่ยนได้ เรายอมเหนื่อยมากกว่านี้ร้อยพันเท่า ถ้าลูกสาวกลับตัวกลับใจ เริ่มต้นใช้ชีวิตตามคันรอง ที่ถูกที่ควร...
(15ปีที่เลี้ยงดูมา แค่3ปีมานี้ที่ลูกสาวเปลี่ยนไป พูดตรงๆว่า พ่อคนนี้จะไม่ไหวแล้ว )