ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเรื่องนี้ตอนแรกเราไม่คิดจะดูเลยแม้แต่นิ๊ดเดียว เพราะความที่ trailer ทำออกมาเหมือนหนังชีวประวัตเน้นดราม่าเล่าเรื่องชีวิต เราเลยเฉยๆมาก (ถึงแม้ตอนนั้นจะยอมรับว่า this is me ที่เป็นเพลงประกอบ trailer เพราะติดหูสุดๆ แต่ก็แค่เพลงประกอบอะเนอะ) บวกกับได้ข่าวว่าคะแนนมะเขือเน่าก็ไม่ค่อยดีนักเลยไม่ได้สนใจอะไร จนเราได้มีโอกาสดูคลิปเบื้องหลัง This is me ของ Keala Settle
โหยย
โหยยยยยย
โหยยยยยยยยยยยย
คือมันทรงพลังมากกกกกกก Keala คือเข้าถึงอารมณ์เพลงจริงๆ กระชากอารมณ์เราไปมาแบบทำเอานั่งไม่ติดเลยอะ เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวฮึกเหิม 555 ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังเพิ่มถึงรู้ว่ามันเป็นมิวสิคัลนี่หว่าาา ทีนี้แหละความอยากดูพุ่งพรวดเลย ตัดสินใจจะไปดูให้ได้ ก็เปิดมือถือขึ้นมาดูว่ามีรอบไหนบ้าง ปรากฎว่า...
ทั้งประเทศเหลือแค่รอบเดียว คือ...
รอบ21.40 ที่ Terminal 21
//ก็แหงละ อยู่ตั้งนานไม่ดู มาอยากดูตอนนี้มันจะทันมั้ยฮะะะะะะ
แต่นับว่ายังดี๊ที่อยู่ดีๆต่อมาก็มีรอบ 16.30 โผล่ขึ้นมา เอ้าเฮฮฮฮฮ รออะไรละคะ จัดการกำตั๋วเข้าไปดูเรียบร้อย ถึงได้รู้ตัวว่า
เฮ้ย นี่แกเกือบพลาดของดีไปเลยนะเว้ย!
ก็จริงที่ The Greatest Showman ในมุมของหนัง อาจไม่ใช่หนังที่ดีนัก เนื้อเรื่องก็เร็ว ประเด็นก็ไม่สุดซักทาง เหมือนค้างครึ่งๆกลางๆ ประวัตตัวละครก็แตะเพียงผิวเผินทั้งๆที่มีปูมหลังให้เล่นเยอะแยะ ทั้งตัวบาร์นัม ทั้งเหล่าคนประหลาด ทั้งความสัมพันธ์พระนาง (ทั้งสองคู่) คือเล่นดราม่าได้อีกเยอะ
แต่ถ้ามองในมุมมิวสิคัล ต้องบอกว่า "ยอดเยี่ยม" น่าจะเป็นคำที่เหมาะที่สุด
ผกก.เรื่องนี้เคยบอกว่า มิวสิคัลที่ดีคือมิวสิคัลที่คนดูดูเสร็จแล้วฮัมเพลงออกจากโรง (และยินดีด้วย คุณทำได้แล้ว ตอนนี้นี่ยังฮัม This is me อยู่เลย บ้าจริง
) เอาจริงบอกไม่ถูกว่าชอบเพลงไหนที่สุด เพราะมันเพราะทุกเพลงเลยยย จนถึงตอนนี้ยังฟัง soundtrack วนๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นล้ะ นอกจากนี้ทั้งฉาก แสง สี เสียง นักแสดง อารมณ์เพลง การเต้น จังหวะ ทุกๆอย่างมันทำให้เราตื่นตาตื่นใจไปหมด เพลงก็ลื่นไหลต่อเนื่องซะจนรู้ตัวอีกทีหนังก็จบซะละ (เราชอบฉาก rewrite the star สุด การจัดองค์ประกอบและจังหวะเพลงมันดีมากจริงๆ อยากจะกริ๊ดทุกครั้งที่ Zac กับ Zendaya อยู่บนเชือกด้วยกันนน สวยมากกก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อดคิดไม่ได้ว่าฉากนี้ถ้า Zac โดดจากระเบียงชั้น 2 ไปหา Zandaya ผิดจังหวะขึ้นมานี่เงิบเลยนะ555
ส่วนด้านเนื้อเรื่องสำหรับเราถ้ามองเป็นละครเวทีมันก็พอจะเข้าใจได้ว่าคงจะต้องรวบรัดตัดตอนประมาณนี้แหละ เพราะไปเน้นใช้เพลงในการเล่าเรื่องซะส่วนใหญ่ คงยากที่จะมีเวลามาขยี้ปมอื่น
สุดท้าย ถ้ากำลังมองหาหนังดีๆซักเรื่อง The Greatest Showman อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้ามองหามิวสิคัลดีๆที่พร้อมจะล้างสมองคุณด้วยเพลงและการเต้นสุดอลังแล้วละก็ The Greatest Showman คือเรื่องที่ควรค่าแก่การชม และเชื่อเถอะว่า อาจจะเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่คุณพร้อมจะหยิบมาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ และรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตให้ตัวเองพร้อมๆกับได้ความอิ่มเอมใจทุกครั้งหลังดูจบก็เป็นได้
ปล. ขอบคุณ major และ SF มากนะคะที่อยู่ดีๆอาทิตย์นี้รอบก็ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เซอร์ไพรส์มากอะ(ทั้งๆที่เกือบจะสิ้นหวังไปแล้น) ยังพอมีรอบจนถึงวันพุธนะคะ เผื่อใครยังไม่ได้ดูหรืออยากดูซ้ำน้า
ปล2. ส่วนตัวชอบ This is me ที่สุด รองลงมาคือ A million dream ละก็ Rewrite the star แต่เอาจริงๆจัดลำดับยากม๊ากกกกกกก ชอบทุกเพลงเลย ฟังวนซ้ำแบบหยุดไม่ได้ ฮืออออ
[CR] (อารมณ์ยังค้าง) The Greatest Showman มิวสิคัลชั้นดีที่เกือบพลาดไป
โหยย
โหยยยยยย
โหยยยยยยยยยยยย
คือมันทรงพลังมากกกกกกก Keala คือเข้าถึงอารมณ์เพลงจริงๆ กระชากอารมณ์เราไปมาแบบทำเอานั่งไม่ติดเลยอะ เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวฮึกเหิม 555 ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังเพิ่มถึงรู้ว่ามันเป็นมิวสิคัลนี่หว่าาา ทีนี้แหละความอยากดูพุ่งพรวดเลย ตัดสินใจจะไปดูให้ได้ ก็เปิดมือถือขึ้นมาดูว่ามีรอบไหนบ้าง ปรากฎว่า...
ทั้งประเทศเหลือแค่รอบเดียว คือ...
รอบ21.40 ที่ Terminal 21
//ก็แหงละ อยู่ตั้งนานไม่ดู มาอยากดูตอนนี้มันจะทันมั้ยฮะะะะะะ
แต่นับว่ายังดี๊ที่อยู่ดีๆต่อมาก็มีรอบ 16.30 โผล่ขึ้นมา เอ้าเฮฮฮฮฮ รออะไรละคะ จัดการกำตั๋วเข้าไปดูเรียบร้อย ถึงได้รู้ตัวว่า
เฮ้ย นี่แกเกือบพลาดของดีไปเลยนะเว้ย!
ก็จริงที่ The Greatest Showman ในมุมของหนัง อาจไม่ใช่หนังที่ดีนัก เนื้อเรื่องก็เร็ว ประเด็นก็ไม่สุดซักทาง เหมือนค้างครึ่งๆกลางๆ ประวัตตัวละครก็แตะเพียงผิวเผินทั้งๆที่มีปูมหลังให้เล่นเยอะแยะ ทั้งตัวบาร์นัม ทั้งเหล่าคนประหลาด ทั้งความสัมพันธ์พระนาง (ทั้งสองคู่) คือเล่นดราม่าได้อีกเยอะ
แต่ถ้ามองในมุมมิวสิคัล ต้องบอกว่า "ยอดเยี่ยม" น่าจะเป็นคำที่เหมาะที่สุด
ผกก.เรื่องนี้เคยบอกว่า มิวสิคัลที่ดีคือมิวสิคัลที่คนดูดูเสร็จแล้วฮัมเพลงออกจากโรง (และยินดีด้วย คุณทำได้แล้ว ตอนนี้นี่ยังฮัม This is me อยู่เลย บ้าจริง) เอาจริงบอกไม่ถูกว่าชอบเพลงไหนที่สุด เพราะมันเพราะทุกเพลงเลยยย จนถึงตอนนี้ยังฟัง soundtrack วนๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นล้ะ นอกจากนี้ทั้งฉาก แสง สี เสียง นักแสดง อารมณ์เพลง การเต้น จังหวะ ทุกๆอย่างมันทำให้เราตื่นตาตื่นใจไปหมด เพลงก็ลื่นไหลต่อเนื่องซะจนรู้ตัวอีกทีหนังก็จบซะละ (เราชอบฉาก rewrite the star สุด การจัดองค์ประกอบและจังหวะเพลงมันดีมากจริงๆ อยากจะกริ๊ดทุกครั้งที่ Zac กับ Zendaya อยู่บนเชือกด้วยกันนน สวยมากกก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนด้านเนื้อเรื่องสำหรับเราถ้ามองเป็นละครเวทีมันก็พอจะเข้าใจได้ว่าคงจะต้องรวบรัดตัดตอนประมาณนี้แหละ เพราะไปเน้นใช้เพลงในการเล่าเรื่องซะส่วนใหญ่ คงยากที่จะมีเวลามาขยี้ปมอื่น
สุดท้าย ถ้ากำลังมองหาหนังดีๆซักเรื่อง The Greatest Showman อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้ามองหามิวสิคัลดีๆที่พร้อมจะล้างสมองคุณด้วยเพลงและการเต้นสุดอลังแล้วละก็ The Greatest Showman คือเรื่องที่ควรค่าแก่การชม และเชื่อเถอะว่า อาจจะเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่คุณพร้อมจะหยิบมาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ และรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตให้ตัวเองพร้อมๆกับได้ความอิ่มเอมใจทุกครั้งหลังดูจบก็เป็นได้
ปล. ขอบคุณ major และ SF มากนะคะที่อยู่ดีๆอาทิตย์นี้รอบก็ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เซอร์ไพรส์มากอะ(ทั้งๆที่เกือบจะสิ้นหวังไปแล้น) ยังพอมีรอบจนถึงวันพุธนะคะ เผื่อใครยังไม่ได้ดูหรืออยากดูซ้ำน้า
ปล2. ส่วนตัวชอบ This is me ที่สุด รองลงมาคือ A million dream ละก็ Rewrite the star แต่เอาจริงๆจัดลำดับยากม๊ากกกกกกก ชอบทุกเพลงเลย ฟังวนซ้ำแบบหยุดไม่ได้ ฮืออออ