ม่อนจอง โดย หมีเอง #ลำบากไม่กลัวกลัวไม่คูล

สวัสดีค่ะ
เราชื่อ หมีนะ เป็นคนเจียงใหม่เจ้า

วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่เราไปม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ นะคะ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อน เราเริ่มเขียนครั้งแรก อาจจะงงๆหน่อยๆ เพราะเราก็เป็นคนงงๆ 555555555555555555 ใครมีคำแนะนำ หรืออยากสอบถามอะไร หลังไมค์มาได้ หรือจะเม้นท์ถามก็ได้ค่ะ

ในทริปนี้ มีทั้งหมด 7 คน ชาย 5 หญิง 2 ตอนแรกเราก็หาข้อมูลจากพันทิปเนี่ยแหละ ถึงวิธีการไป อะไรยังไง จริงๆเราว่ามันง่ายกว่าไปดอยหลวงเชียงดาวนะในแง่ที่ว่าไปเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้น (ช่วงเวลาที่เขาเปิดให้ขึ้น) หมายถึงที่ม่อนจองเขาไม่ได้กำหนดว่าจะให้ขึ้นกี่คนต่อวัน เราไปวันที่ 27-28มกรา คนที่อยู่บนดอยรวมลูกหาบก็ประมาน300คนไป เยอะมากกกกก นึกว่าดอยแตกไปเลยจ้าาาา

ก่อนจะไปเราสามารถโทรถามพี่สมบัติก่อนก็ได้ถึงวิธีการขึ้นแล้วเรื่องค่าใช้จ่าย พี่เขาเป็นหัวหน้าอยู่ที่นั้น เบอร์ 085 708 7441 เราจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

1.การไปม่อนจองเราไปโดยทางรถตู้ ที่มี1รอบต่อวัน คือเวลาตี5 รถตู้จะจอดที่ประตูหายยา หรืออาจจะให้พี่เขามารับก็ได้ถ้าเป็นทางผ่าน อันนี้เป็นเบอร์รถตู้ควรจะโทรไปบอกพี่เขาก่อนเขาจะได้เตรียมล็อคที่นั่งเราไว้ให้ เบอร์ 089 838 7874 ชื่อพี่อาทิตย์ พี่เขาใจดีแวะให้เราลงไปซื้อของกินน้ำดื่มเพื่อเตรียมขึ้นดอยอีก ค่าใช้จ่ายตกคนละ 200 ไปส่งถึงหน้าศูนย์เลย ถ้าจะเหมาก็ได้ ประมาน2000-2500 อันนี้แล้วแต่เราต่อรอง ข้อความระวัง ขากลับลงมาควรที่จะเหมารถกลับไว้เลย ไม่อย่างนั้นจะกลับลงมาไม่ได้เพราะต้องต่อรถหลายต่อ อันนี้เราไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นะ 555 กลับมาตรงนี้ต่อ ออกตี5 ถึง 9.30 โดยประมาณ

2.เรื่องจ้างลูกหาบ ลูกหาบแต่ละคนจะแบกของได้20กิโล แล้วอย่าลืมเตรียมข้าวกลางวันไปให้ลูกหาบด้วยนะ ลูกหาบตกวันละ400ต่อคน ตอนชั่งน้ำหนักของเราควรลูกเฝ้าดีๆไม่อย่างนั้น เขาจะเอาของตัวเองเอาไปชั่งน้ำหนักรวมไปด้วย เจอมากับตัวเลย

3.จากศูนย์ไปถึงจุดเดินเท้า เราต้องจ้างรถขึ้นไป เรามา7คนรวมลูกหาบ ตก3000บาท แล้วจะมีค่าเข้าอีกคนละ20บาท และค่ากางเต๊นท์หลังละ50บาท เอ่อลืมบอกว่า สามารถเช่าเต๊นท์กับถุงนอนได้ที่ศูนย์นะ เต๊นท์หลังละ100 สำหรับผู้หญิงเราว่านอนสบายๆเลย2คน แต่ผู้ชาย น่าจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เต๊นท์มันเล็กแล้วถ้าใครตัวสูงจะเยียดขาไม่ค่อยได้เน้อ เตือนไว้

4.เรื่องอาหารการกิน อันนี้แล้วแต่คนเลยจ้าาา ว่าจะอยากกินอะไร ซึ่งทริปนี้หมีและผ่องเพื่อนบอกแล้วว่า ลำบากไม่กลัว กลัวไม่คลู ฉะนั้นก็แบกหมูจุ่มขึ้นไปกินบนดอย 55555555 หมู 5 กิโล ผักอีก มาม่าอีก3แพ็ค เอ่อเราเอาเตาแก๊สกระป๋องไปมันเลยสะดวกหน่อยๆ น้ำเราแบกไป 2 แพ็คขวดใหญ่

เล่าเพิ่มเติม เรื่องลูกหาบ ไม่ต้องเกรงใจเขานะคะ เราสามารถให้เขาไปเติมน้ำได้เลย ล้างจาน หรือกางเต๊นท์เก็บของได้เลยค่ะ

5.สิ่งที่จะลืมไปไม่ได้คือผ้าเต๊นท์ที่เอาไว้กันน้ำค้าง หรือเอาไว้รองนั่งเวลากินข้าวนะคะ แล้วก็ทิชชูเปียก ไฟฉาย เสื้อกันหนาว ถ้าใครเป็นคนขี้หนาวควรพกไปหนาๆเลย มันไม่ได้หนาวมาก แต่ลมแรงมากกกกกกกกกกกกกกกก ก ไก่ล้านตัว ตัวจะปลิ้วเป็นพักๆ

6.เรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำมีห้องเดียวค่ะ ต้องเปลี่ยนกันเข้า ถ้าใครไม่อยากรอก็วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าไปเลยนะคะ


ลูกหาบ




วิวระหว่างทางเดิน


ถ้าเราเดินมาถึงตรงนี้เราเดินมาได้ครึ่งทางแล้วค่ะ เย้!!!!!!!! อยากจะแอคถ่ายรูปตรงนี้บ้าง แต่มันสูงเกินไป ขาก้าวไม่ถึงจริงๆ


ส่วนตัวคิดว่าเดินไปเรื่อยๆ มีเหนื่อยบ้างเป็นปกติ แต่มีที่ให้แวะถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกกกกก เพลินๆดีค่ะ




อันนี้ดอยสุดท้ายก่อนจะถึงที่พัก ชื่อดอยหมาหอบ เอ่อ เล่นเอาหอบจริงๆ


ที่พักของเราในคืนนี้




เดินไปอีก2กิโล เพื่อไปยอดหัวสิงห์ เพลินๆถ่ายรูปสวย และที่สำคัญวิวสวยตลอดทางเลยค่ะ ลมก็แรงมากด้วย เดินไปตัวจะปลิ้วไป


เจอดอกกุหลาบพันปีด้วย


บอกแล้วทริปนี้ลำบากไม่กลัว กลัวไม่คลู ทางเราก็แบกกีต้าร์เผื่อไปถ่ายรูปแอคเท่ๆบนนั้น 555


ลาไปด้วยรูปนี้


ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าลืมเล่าอะไรไป จะมาเล่าเพิ่มเติมทีหลังนะคะ เราจำค่าใช้จ่ายได้ไม่หมด รู้สึกจะเสียอยู่ประมาณคนละ 1200 บาท แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่