ทริปรัสเซีย…เมียขอมา [ เรื่องเล่าสัพเพเหระเผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนกำลังแพลนไปเที่ยวรัสเซีย ] PART2

Part 1 ย้อนกลับไปเริ่มต้นที่มาของทริปนี้กันก่อนนะ--->https://ppantip.com/topic/37327127



7 เม.ย สถานที่ที่เราวางแผนจะไป ก็เป็นที่ๆ ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเมื่อถึงมอสโก
เริ่มจาก Cathedral of Christ the Saviour
ที่นี่สวยนะ วิธีไปไม่ยากเลย ก็ใช้รถไฟใต้ดินแล้วก็มองหาชื่อสถานีนี้ “Кропоткинская” ลงแล้วก็เดินดูทิศนิดนึงก่อนโผล่ขึ้นไปข้างบน เราขอบอกว่า เรากับแฟนเดินหลงเหมือนกันแต่สนุกดีนะ สุดท้ายก็ออกมาเจอ เดินตามทางไปเรื่อยๆ ออกจากสถานีก็เห็นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ขอแนะนำให้เดินอ้อมไปด้านหลังนะ เพราะมีสะพานที่โครตสวยเลย มันโรแมนติกมาก “Bolshoi’s Bridge” ช่วงที่เราไปมีฝนปรอยๆพอดี อ่อ…ช่วงสงกรานต์บ้านเราที่มอสโกเป็นฤดูที่ใกล้จะร้อน เพราะฉะนั้นจะมีฝนสลับอยู่เรื่อยๆ เพราะใกล้เปลี่ยนฤดู แต่อากาศก็อยู่ราวๆ 3–13 องศา และอากาศที่นี่เปลี่ยนบ่อยมาก เดี๋ยวอุ่น เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน สลับกันเป็นรายชั่วโมงเลยทีเดียว


Next Station..ไป The Moscow Kremlin กันต่อ
สำหรับที่นี่จะเป็นพระราชวังเก่า ซึ่งใหญ่มาก มีหลายส่วนด้วยกัน การเดินทางมาที่นี่ เราใช้วิธีเดินมาจาก Cathedral of Christ the Saviour ซึ่งตรงสะพานจะมีทางลงให้เดินได้ เราก็ใช้วิธีเดินตามทางไปเรื่อย เพราะคิดว่าคงไม่ไกลจากจุดนี้เท่าไหร่ มันสามารถมองเห็นอยู่ลิบๆ

ที่นี่เป็นสถานที่ ที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม และเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ บวกกับยังใช้เป็นสถานที่เก็บของเก่า หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ พิพิธภัณฑ์

Kremlin Armoury : พิพิธภัณฑ์เก็บข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์ และเจ้าขุนนายมูลทั้งหลายในแต่ละสมัย ที่เราประทับใจสำหรับที่นี่คือ ของทุกชิ้นยังคงอยู่ในสภาพดี และยังหลงเหลือให้ ลูกหลาน เหลน โหลน ดูกันเยอะมากจริงๆ มันใหญ่มาก โซนที่น่าทึ่งคือ ชุดเกราะและอาวุธที่ใช้รบสมัยยังใช้ม้าเป็นอาวุธ จนมาถึงยุคปืนผาหน้าไม้ และที่สำคัญ รถม้าฟักทองมันมีอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ในนิทาน

สำหรับค่าเข้าที่นี่ก็ 700 รูเบิลบวกค่าเข้าชมสถานที่ภายในพระราชวังอีก 500 รูเบิล
(ราคาอัพเดท ณ เดือน เมษายน 2560 : อัตราแลกเปลี่ยน 0.60 บาท/รูเบิล)

หลังจากเดินชมพระราชอันกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว เล่นเอาหมดแรงเหมือนกัน ตอนนั้นน่าจะ 3 โมงเย็นแล้ว เรายังมีอีก 2 ที่ ที่ยังต้องไปเยือน จะรออะไรหล่ะ ลุย!


Red Square + Saint Basil’s Cathedral


คงคุ้นหูกันอยู่แล้วสำหรับที่นี่ มามอสโกไม่มาได้ไง! ในทุกภาพที่เห็นมันยังเทียบกับความสวยที่เราเห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้เลย สถานที่จริงๆ ทั้ง Red Square และ Saint Basil’s Cathedral สวยมากจริงๆ อยากให้มาสัมผัสเอง เพราะเราไม่สามารถอธิบายความสวยงามที่เราเห็นได้เท่าของจริงแน่นอน

สำหรับที่นี่ก็ไม่มีไรมาก ถ่ายรูปไปเพลินๆ ตั้งแต่ฟ้าสว่าง ยันมืด เพราะเราจะได้บรรยากาศทั้ง 2 แบบ และขอแนะนำว่า ถ้าทนอากาศหนาวๆไหว ให้รอจนค่ำ หรือไม่ก็ไปหาอะไรรองท้องในห้าง GUM ก่อนก็ได้ ที่นี่เป็นห้างที่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวเลย อย่างน้อยก็หลบหนาวได้สบายๆ


อ่อ…เราแนะนำให้ทานสเต็กที่ร้าน “BOSCO CAFE” อร่อยล้ำมากจริงๆ สำหรับราคาถ้าเทียบกับขนาดของเนื้อ เราถือว่าไม่แพงนะ ถ้ามีโอกาสเราอยากให้ลอง
“Rib eyes medium rare”




8 เม.ย

วันนี้เรามีนัดดูละครสัตว์ตอน 6 โมงเย็น แต่ก่อนจะถึงเวลา วันนี้เรามีที่เด็ดๆ จะพาไปชม Izmailovsky Market นี่คือสวรรค์ของนักช้อปปิ้ง ที่ไม่ใช่ของ Hi-end ขึ้นห้างอะไรทั้งนั้น แต่มันคือ คลองถมบวกจตุจักรบ้านเรานั่นเอง ขอบอกเลยว่าใครมาเยือนมอสโกต้องแวะมาที่นี่ให้ได้ เพราะมันน่าทึ่งกับสิ่งของที่ขายจริงๆ ทั้งของเก่า ของมือสอง ของใหม่ มีหมดทุกอย่างจริงๆ เรียกว่าขายสากกะเบือยันเรือรบเลยก็ว่าได้ แต่ตลาดแห่งนี้มีเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น เราจึงแนะนำว่าควรหาเวลาอยู่มอสโกให้ตรงเสาร์อาทิตย์สักหนึ่งวัน และควรมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวันเพื่อเดินเล่น เพราะมันละลานตาจริงๆ นะ เราไม่โกหก


อ่อ…ถ้าคิดจะซื้อของฝาก เราแนะนำให้ซื้อที่นี่เลย เพราะจากที่เราสำรวจมาทุกๆ ที่ ที่นี่ราคาดีที่สุด ส่วนใครอยากซื้อ Chocolate หน้าเด็ก แหล่งที่ซื้อได้ถูก ก็คือตามซุปเปอร์มาเก็ตนะ ร้านขายของฝากที่ GUM จะมีร้านขาย Chocolate ราคาบาร์ละ 110 รูเบิล แต่ถ้าตามซุปเปอร์มาเก็ต จะหาซื้อได้ในราคา 90–99 รูเบิล หากซื้อเยอะ เราแนำนำว่าเข้าซุปเปอร์จะประหยัดกว่ามาก สำหรับที่มอสโก

.....ในซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างทางของทุกอย่างจะราคาถูกกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้าง หรือสถานที่ท่องเที่ยวนะ.....

6 โมงเย็นแล้วจะรออะไรหล่ะ ถ้าใครสนใจดูละครสัตว์ แนะนำว่าควรไปหาประสบการณ์นะ สำหรับที่นี่ “Nikulin Moscow Circus” สถานีรถไฟ “Цветной бульвар” หาทางออกที่มีเด็กเดินเยอะๆ นั่นหล่ะ รับรองถูกทาง (อันนี้แฟนเราใช้มา แล้วได้ผลจริงๆ)


อันที่จริงเราอยากเห็นสัตว์แสดงมากกว่านี้ ก็เลยให้คะแนนที่นี่ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ดูเพลินๆ นะ ช่วงสุดท้ายของการแสดงเป็นมายากล เกือบหลับแหนะ แต่เราชอบช่วงแมวน้ำที่สุด เพราะมันน่ารักดี (นี่เป็นครั้งแรกที่ดูละครสัตว์ ฉะนั้นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับที่อื่นๆนะ)




9 เม.ย Happy Anniversary
เมื่อคืนก่อนนอน เราส่งตั๋วดูบัลเลท์ให้แฟนทางไลน์ แล้วก็ Happy กันไป…. (ทั้งๆ ที่นอนข้างๆกันนั่นแหละ ก็ไม่รู้จะเซอร์ไพร์สยังไง)


ก่อนจะไปดูบัลเลท์กันในช่วงเย็นวันนี้ ขอแวะพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อวกาศ “Museum of Cosmonauts” ซะก่อน ที่นี่น่าสนใจทีเดียว แต่ก็ต้องเป็นคนที่ชอบนะ ถ้าไม่ชอบก็จะเหมือนแฟนเราคือ เดินแบบเมื่อไหร่จะครบสักที 555 (อันนี้เราดูได้จากสีหน้า)

ถ้าชอบอ่านต่อ

ถ้าไม่ชอบ ข้ามไปนะ เพราะคงไม่น่าสนใจเท่าไหร่

สำหรับเราแล้วที่นี่น่าสนใจมาก เพราะเรารู้สึกว่าพิพิธภัฑ์เค้ามีเรื่องราวเยอะมาก เสียดายที่บ้านเรามีพิพิธภัณฑ์แบบนี้น้อย ไม่งั้นเราคงเพลิน

พิพิธภัณฑ์ที่นี่จะประกอบไปด้วย 3 โซน (อันนี้เราแบ่งเองนะ จากที่เดินๆมา)

โซนแรก พอเดินเข้าไปก็จะเป็นเรื่องราวที่มาที่ไปของ อวกาศ ยานอวกาศทั้งหลายที่ถูกจำลองเอาไว้ในสเกลที่แตกต่างต่างกันไป และเรื่องเล่าของแต่ละยานอวกาส รวมถึงประวัติของนักบินอวกาศ และวิธีการในการขึ้นไปบนยานอวกาศ รวมถึงดวงจันทร์ด้วย


โซนที่สอง เป็นเรื่องราวของนักบินอวกาศที่ก่อนจะขึ้นไปบนอวกาศจะต้องเตรียมร่างกายอย่างไร ต้องฝึกอะไรบ้าง ซึ่งก็มีเครื่องต่างๆ จำลองเอาไว้


โซนสุดท้าย โซนนี้สำหรับคนชอบสัตว์เลี้ยงเลย เพราะที่นี่เป็นโซนสัตว์ทดลอง ที่น่าสนใจคือ ทั้งสุนัข ลิง หนู ล้วนแต่เป็นฮีโร่ เพราะพวกเค้าเหล่านั้นล้วนแต่ถูกทดลองบินไปบนอวกาศ และแน่นอนว่าก็มีทั้งตัวที่ไม่รอด และรอดกลับมา เอาเป็นว่าไปดูเองดีกว่า เดี๋ยวเล่าเยอะจะหมดสนุกตอนไปเดินดูจริงๆ


หลังจากที่เราใช้เวลาที่นี่ร่วม 2 ชั่วโมง เราก็ย้ายตัวเองไปที่ “Bolshoi Theatre” โอ้โฮ….ต้องร้อง ว้าว

ที่นี่เค้าห้ามถ่ายรูปจนกว่าจะแสดงเสร็จ ถึงอนุญาตให้ถ่ายรูปได้


ในภาพคือด้านหน้าของ Bolshoi Theatre (ส่วนโรงละคร Ballet จะอยู่อีกฝั่งของถนน เรียกว่า New Stage)

คือมันสวยมาก มันเป็นโรงละครที่สวยมาก ที่นี่เป็นโรงละครที่จัดแสดงทั้งคอนเสิร์ต โอเปร่า และ บัลเลท์ สถาปัตยกรรมของมันบ่งบอกได้ถึงความรุ่งเรืองขีดสุด และความโอ่อ่างดงามของสถานที่แห่งนี้ มันคือ ศิลปะที่บอกเลยว่าคู่ควรแก่การเยี่ยมชม (ตอนที่จองตั๋วไม่ได้คิดแบบนี้นะ เพราะเราเคยดูละครเพลงแล้ว หลับ!)

เราจองตั๋วไว้สำหรับ 2 ที่ ที่นั่งด้านหน้าเห็นชัดแจ๋ว จะบอกว่าตอนซื้อตั๋วเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่จะดูเป็นเรื่องอะไร เพราะแฟนเราอยากดู SWAN LAKE ซึ่งมันไม่มีตารางแสดงในช่วงที่เราไป แต่เราก็คิดว่า ยังไงบัลเลท์ก็คือบัลเลท์ อย่างน้อยก็ได้พาเข้าโรงละคร มันต้องประทับใจบ้างแหละหน่ะ

“HERO OF OUR TIME” นี่คือเรื่องที่เราดู จริงๆ พอเราจองตั๋วเสร็จ เราพยายามจะอ่านเรื่องสั้น รวมทั้งหาหนังสือแปลที่บ้านเรา เพราะมันคือวรรณกรรมชั้นยอดของรัสเซีย แต่…ก็ต้องผิดหวัง เพราะหนังสือในกรุงเทพฯ ไม่มีขายเลย หมด และต้องสั่งมาซึ่งใช้เวลานานมาก รวมทั้งไม่มีคนไทยแปลเอาไว้เลย หลังจากที่เรารู้ว่าหมดหวัง เราก็เลยลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ท…

Kindle ช่วยได้! เราเจอคนอัพโหลดหนังสือเอาไว้ โดยใช้ App Kindle ในการโหลดมาอ่านฟรีๆ แต่ก็อย่างว่า ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้แข็งแรงมาก แถมเป็นวรรณกรรมหรือนิยาย ที่เราไม่ค่อยถูกโฉลกเท่าไหร่ ก็ไม่ง่ายนักที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เราจึงพยายามอ่าน และจับใจความสำคัญเอาเท่านั้น และเมื่อถึงเวลาดูจริงๆ ก็บอกแฟนว่าแบบสั้นๆ ว่า มันเป็นเรื่องโศกนาฏกรรม (ก็สรุปได้เท่านี้จริงๆ)

และหลังจากที่ดูเสร็จ…เห้ย 3 ชั่วโมง ไม่หลับ! เราจะบอกว่ามันสนุกดีอ่ะ เราชอบ แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจเรื่องราวในการแสดงเลยก็ตาม แต่ที่แน่ๆ เราสรุปถูกนะมันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆ แต่ไม่รู้หรอกว่าเศร้าเพราะอะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไร จนจบก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่การแสดงบัลเลท์ ทำให้รู้สึกว่า มันคือศิลปะที่น่าทึ่งจริงๆนะ คนอะไร บินได้ เราว่ารวมๆ สวยดี

ถ้าใครมีเวลาเราอยากให้ดูนะ มันคือการดูศิลปะของชาติบ้านเมืองเค้าเลยนะ




Part3 การผจญภัยยังไม่จบ...ได้เวลาไปล่าแสงเหนือกันแล้ว --->https://ppantip.com/topic/37327303
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่