[หนังโรงเรื่องที่ 214] Maze Runner: The Death Cure - ยานอนหลับราคา 180 บาท by ตั๋วหนังมันแพง



[หนังโรงเรื่องที่ 214] Maze Runner: The Death Cure -ยานอนหลับราคา 180 บาท ; (Wes Ball, 2018)
by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : C (จากสเกล D-A)

*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ: เนื้อเรื่องต่อจากภาคที่แล้ว (Scorch Trials) เมื่อ "มินโฮ" (Ki Hong Lee) โดน "วิคเค็ด" จับตัวไปใช้ในฐานะหนูทดลองสร้างเซรุ่มเพื่อรักษาโรคระบาดที่กำลังกัดกินโลก ร้อนไปถึง "โทมัส" (Dylan O'Brien) และผองเพื่อนต้องยกโขยงพากันไปช่วยเพื่อนอีกแล้ว

ซึ่งรอบนี้พวกเขาจะต้องแทรกซึมเข้าไปในเมืองแห่งความเจริญสุดท้ายของโลก ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของวิคเค็ดที่มีการรักษาความปลอดภัยขั้นเทพ ... บทสรุปของโรคร้ายนี้จะเป็นยังไง? โทมัสและพรรคพวกจะเอาตัวรอดไปได้หรือไม่? ก็ต้องควักตังไปติดตามกันในโรงหนังต่อไป
.
.

ก่อนอื่นขอบอกตามตรงก่อนเลยว่า "จริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากดูหรอก แต่ดันพลาดหลวมตัวดูไปสองภาคแล้ว ก็เลยต้องปิดจ๊อบ" ... คือ Scorch Trials มันทำออกมาได้ค่อนข้างห่วยจนเราเสียความศรัทธาในหนังชุดนี้ไปพอสมควร ซึ่งถ้าเทียบกับตัวหนังสือแล้วเนื้อหาจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก และการตีความการกระทำและอุปนิสัยตัวละครของผู้กำกับก็ค่อนข้างจะผิดเพี้ยนไปพอสมควร ทั้งหมดทั้งมวลมันทำให้หนังภาคปิดภาคนี้ ถือว่าเป็น "ความล้มเหลว" สำหรับผู้เขียนครับ
.

ปัญหาแรกของหนังก็คือ "บท" ที่ไม่ชักชวนให้อินเลยแม้แต่น้อย คือเราเข้าใจนะ ว่าทำไมมันถึงต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องคิดแบบนั้น ... แต่มันไม่สนุกน่ะสิ จะเอียงคอดูก็แล้ว ตีลังกาดูก็แล้ว ยังไงมันก็ไม่มีความ "น่าสนใจ" เลยแม้แต่น้อย การบุกป่าฝ่าดงไปช่วยเพื่อนของโทมัสมันไม่นำพาเอาซะเลย นี่ยังไม่พูดถึงความชุ่ยของสิ่งสำคัญต่างๆ ที่ปูมาตั้งแต่ภาคแรกอีกนะ
.

ส่วนตัวที่ไม่โอเคมากๆ ก็คือการที่หนังจบตัวเองลงไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้คำตอบกับแกนเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ... ขอเท้าความนิดนึงว่าแก่นของหนังเรื่องนี้มันเป็นการคอนฟลิกต์ระหว่างแนวคิดสองแง่มุม ดังนี้

A.วิคเค็ดทำถูกแล้ว (WICKED is good) ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และทรัพยากรบุคคลมากมายเพื่อค้นคว้าหายารักษาโรคมรณะที่จะทำให้มนุษยชาติต้องถึงกาลอวสาน // แต่วิธีการมันก็ไม่ถูกต้องในแง่มนุษยธรรมซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการจับเด็กที่มีภูมิคุ้มกันโยนเข้าไปในเขาวงกตเพื่อกระตุ้นในภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้นจากความเครียดและความตื่นเต้น
เป็นตัวแทนของแนวคิดที่ว่า "ส่วนเล็ก เพื่อส่วนรวม"


B.โทมัสและพรรคพวกทำถูกแล้ว ที่ไม่ยอมรับการใช้ร่างกายมนุษย์ของคนที่มีภูมิคุ้มกันเหมือนหนูทดลองด้วยวิธีของวิคเค็ด และเลือกที่จะล้มล้างระบบที่ชั่วช้านี้เพื่อที่ตนและผองเพื่อนจะได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง ส่วนคนอื่นก็ช่างหัวมัน เป็นตัวแทนของแนวคิดที่เอาตนและคนใกล้ชิดเป็นสำคัญ

.

ซึ่งถ้าลองพิจารณากันดูดีๆ แล้วก็จะเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลอันชอบธรรมทั้งคู่ และไม่มีใครที่ผิดหรือถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ และต้องมาชั่งน้ำหนักกันระหว่างคำว่า "มนุษยชาติ" กับ "เพื่อนฝูง" เพื่อให้ได้คำตอบที่ "เลว" น้อยที่สุด

แต่ในภาคนี้หนังดันจบแบบคลุมเครือสุดๆ ไม่มีอะไรที่เป็นคำตอบหรือจุดยืนของผู้แต่งเลยแม้แต่น้อย ซึ่งอันนี้ก็ไม่แน่ใจนิยายต้นฉบับเขาจบแบบนี้หรือเปล่า (ไม่ได้อ่านเล่มสาม น่าเบื่อ) แต่สำหรับผู้เขียนแล้วมันเป็นตอนจบที่ชุ่ยมากๆ และไม่รับผิดชอบใดๆ กับสิ่งที่ตัวเองพยายามพูดและผลักดันมาตลอดสามภาคเลยแม้แต่น้อย
.

ในส่วนของฉากแอคชั่น ฉากไล่ล่าต่างๆ ที่เคยเป็นจุดขายของภาคแรกนั้น กลับดูจืดชืดน่าเบื่อไปถนัดตาพอๆ กับบทหนังที่กล่าวไว้ข้างต้น ... ถ้าถามว่าปัญหาคืออะไร?

ผู้เขียนคาดว่ามันเป็นเพราะ "ความซ้ำซาก" (Cliche') ของบรรดาหนังนวนิยาย young-adult ทั้งหลายแหล่ที่เคยเป็นกระแสบูมไปทั่วโลกอยู่ยุคหนึ่ง (ยกตัวอย่างเช่น Divergent ที่เจ๊งแล้วเจ๊งอีกจนไม่ได้ทำภาคจบ part 2 แล้ว)

คือด้วยความที่หนังทำนองนั้นออกมาเยอะและติดกันมากๆ ทำให้เราแทบจะเดาได้แล้วว่าฉากนี้มันจะเป็นยังไงต่อไป? พระเอกจะรอดหรือไม่? จะมีคนมาช่วยหรือเปล่า? คือมันซ้ำซากไปหมด หนังยังมี vibe ของปี 2014 ที่แสนจะล้าสมัยเต็มไปหมด ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันเก่ากรุเกินกว่าจะเอามาฉายในยุคที่ทุกคนพยายามสร้างเรื่องที่แปลกใหม่อย่าง 2018 แล้วล่ะ
.
.

หนังเรื่องนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับท่านใดก็ตามที่มีปัญหานอนไม่หลับ--หลับยาก แค่เพียงท่านควักเงินราคาไม่เกินสองร้อยบาท ก็จะได้ฟังชั่นเบาะนุ่มๆ กับแอร์เย็นๆ แถมมาด้วย บวกกับบทหนังง่วงๆ จืดๆ แล้ว รับประกันว่าหลับสนิทตื่นมาสดชื่นแน่นอนครับ

ป.ล.ท้ายที่สุดนี้ก็ขอกล่าวไว้อีกครั้งว่านี่เป็นเพียงทัศนะส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นนะครับ ความบันเทิงของแต่ละคนไม่เท่ากัน คิดซะว่าหนึ่งในตัวเลือกประกอบการตัดสินใจก็แล้วกัน

ใครที่ดูหนังมาแล้วอย่าลืมแวะมาพูดคุยกันในได้ใจเพจ "ตั๋วหนังมันแพง" ได้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่