ศึกแบดมินตัน DAIHATSU Indonesia Masters 2018 รายการระดับ HSBC BWF World Tour Super 500 หรือระดับ Superseries เดิม น่าแปลกใจมาก ที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาไปแข่งขันน้อยมาก โดยชายเดี่ยวมี 3 คน คือ”กัน” กันตภณ หวังเจริญ , ”ไบรท์”สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ และ”เพชร”โฆษิต เพชรประดับ หญิงเดี่ยวก็ 3 คน คือ “เมย์”รัชนก อินทนนท์ , “แน๊ต”ณิชชาอร จินดาพล และ”ครีม”บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์
ส่วนประเภทคู่ ส่งแค่ชายคู่กับหญิงคู่ประเภทละคู่ คือชายคู่ "ติน-ดีโก้” ติณณ์ อิสริยะเนตร - กิตติศักดิ์ นามเดช และ "กิ๊ฟ-วิว" จงกลพรรณ กิติธรากุล - รวินดา ประจงใจ ในประเภทหญิงคู่
ไทยส่งนักกีฬาไปแข่งแค่ 10 คน ทั้งๆที่รายการต่อไป คือ YONEX-SUNRISE DR. AKHILESH DAS GUPTA India Open 2018 ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับ HSBC BWF World Tour Super 500 ก็จะเริ่มสิ้นเดือน และศึกชิงแชมป์เอเชีย E-Plus Badminton Asia Team Championships 2018 จะแข่งขันวันที่ 6 กุมภาพันธ์
หรือสมาคมแบดมินตันฯ มองว่านักกีฬาไทยมีหน้าที่ซ้อม ซ้อม ซ้อม ...ซ้อมกันเอง เล่นกันเอง
เพราะเมื่อดูประเทศ”คู่แข่ง”อย่างมาเลเซีย ก็ยังส่งนักกีฬาไปร่วมมากมาย ขณะที่เกาหลี ญี่ปุ่น หรือกระทั่งจีน ก็ส่งนักกีฬามาลงแข่งเพื่อ”ทดสอบฝีมือ”มากมายเพื่อทดสอบผลงานการแข่งขัน เพราะหลายชาติกำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนทีม แต่มองว่าการส่งนักกีฬาไปเจอ”ของจริง” ยังไงก็ดีกว่าให้ซ้อมกันเอง อย่างในประเภทหญิงคู่ เกาหลีส่งคู่ของ CHAE Yoo Jung - Hye Rin KIM และ CHANG Ye Na - JUNG Kyung Eun แม้จะพ่ายตกรอบ Quarter Final แต่ก็เห็น”จุดอ่อน”ที่จะต้องแก้ไข ทั้งเพื่อศึกชิงแชมป์เอเชีย ศึกชิงแชมป์โลก Uber Cup หรือกระทั่งเอเชี่ยนเกมส์
ส่วนคู่ของ LEE So Hee - SHIN Seung Chan ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ไปเจอ Greysia POLII - Apriyani RAHAYU เป็นด่านทดสอบว่าจะ”สอบผ่าน”หรือไม่
ขณะที่มาเลเซีย ก็ส่งนักแบดมินตันคู่ผสมมาถึง 3 คู่และคู่ของ GOH Soon Huat - Shevon Jemie LAI กับ TAN Kian Meng - LAI Pei Jing ก็ต้องมาแข่งกันเองเพื่อเข้ารอบรองฯ ขณะที่คู่ Tang Jie CHEN - Yen Wei PECK ตกรอบแรก
นี่ยังไม่รวมคู่ Chan Peng Soon - Liu Ying Goh ที่มาคว้าแชมป์ Thailand Masters และเข้ารอบลึกรายการ Perodua Malaysia Masters 2018 ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชให้”พัก”รายการนี้
ส่วนประเภทชายคู่ มาเลเซียก็ส่งมาแข่งขัน 3 คู่คือ GOH V Shem - TAN Wee Kiong คู่ของ Kah Ming CHOOI - LOW Juan Shen และคู่ Sze Fei GOH - Nur IZZUDDIN ซึ่งสุดท้าย แม้จะมีเพียงคู่รองแชมป์โอลิมปิก 2016 ที่เข้ารอบลึกถึง Quarter Final แต่อีก 2 คู่ที่แม้จะตกรอบเร็ว แต่ก็ได้”ประสบการณ์”การแข่งขันที่หาไม่ได้ในสนามซ้อม
ขนาด”อินเดีย” ที่ไม่มีชื่อในประเภทชายคู่ ยังส่งมาแข่งขันถึง 3 คู่ และสุดท้าย Satwiksairaj RANKIREDDY - Chirag SHETTY ก็ส้รางประวัติศาสตร์ เมื่อเอาชนะ Mads CONRAD-PETERSEN - Mads Pieler KOLDING คู่มือวางอันดับ 4 ในรอบ Quarter Final เข้าเจอของจริงคือ Marcus Fernaldi GIDEON - Kevin Sanjaya SUKAMULJO ในรอบรองชนะเลิศ
ซึ่งถ้าไม่มาแข่งขัน “เด็กใหม่”เหล่านี้ก็คงไม่สามารถหาโอกาสแบบนี้ได้
นี่จึงเป็นเรื่อง”น่าเสียดาย”ที่นักกีฬาไทยมากมายไม่มีโอกาสไปแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือ ทั้งๆที่รู้กันว่า”รายการใหญ่”ของแบดมินตัน จัดในเอเชียมากกว่าทวีปอื่น ซึ่งหมายถึง”ค่าใช้จ่าย”ในการส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่ำกว่าส่งไปแข่งขันที่ยุโรปหรือกระทั่งอเมริกา ในขณะที่สมาคมแบดมินตันฯ ก็ออกข่าวว่า”มีเงิน”จากผู้สนับสนุนรายใหม่ และมีการติดหน้าอกเสื้อเพิ่มเติมจาก SCG ที่แฟนๆแบดมินตันไทยคุ้นเคย
นี่เป็น”บทเรียน”ที่เกิดขึ้นซ้ำซากของนักแบดมินตันไทยในปัจจุบัน
cr.
http://www.badmintonthaitoday.com/news_detail.php?nid=1431#.Wm2N_v-AUV0.facebook
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับข่าวนี้กันครับ
ส่วนประเภทคู่ ส่งแค่ชายคู่กับหญิงคู่ประเภทละคู่ คือชายคู่ "ติน-ดีโก้” ติณณ์ อิสริยะเนตร - กิตติศักดิ์ นามเดช และ "กิ๊ฟ-วิว" จงกลพรรณ กิติธรากุล - รวินดา ประจงใจ ในประเภทหญิงคู่
ไทยส่งนักกีฬาไปแข่งแค่ 10 คน ทั้งๆที่รายการต่อไป คือ YONEX-SUNRISE DR. AKHILESH DAS GUPTA India Open 2018 ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับ HSBC BWF World Tour Super 500 ก็จะเริ่มสิ้นเดือน และศึกชิงแชมป์เอเชีย E-Plus Badminton Asia Team Championships 2018 จะแข่งขันวันที่ 6 กุมภาพันธ์
หรือสมาคมแบดมินตันฯ มองว่านักกีฬาไทยมีหน้าที่ซ้อม ซ้อม ซ้อม ...ซ้อมกันเอง เล่นกันเอง
เพราะเมื่อดูประเทศ”คู่แข่ง”อย่างมาเลเซีย ก็ยังส่งนักกีฬาไปร่วมมากมาย ขณะที่เกาหลี ญี่ปุ่น หรือกระทั่งจีน ก็ส่งนักกีฬามาลงแข่งเพื่อ”ทดสอบฝีมือ”มากมายเพื่อทดสอบผลงานการแข่งขัน เพราะหลายชาติกำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนทีม แต่มองว่าการส่งนักกีฬาไปเจอ”ของจริง” ยังไงก็ดีกว่าให้ซ้อมกันเอง อย่างในประเภทหญิงคู่ เกาหลีส่งคู่ของ CHAE Yoo Jung - Hye Rin KIM และ CHANG Ye Na - JUNG Kyung Eun แม้จะพ่ายตกรอบ Quarter Final แต่ก็เห็น”จุดอ่อน”ที่จะต้องแก้ไข ทั้งเพื่อศึกชิงแชมป์เอเชีย ศึกชิงแชมป์โลก Uber Cup หรือกระทั่งเอเชี่ยนเกมส์
ส่วนคู่ของ LEE So Hee - SHIN Seung Chan ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ไปเจอ Greysia POLII - Apriyani RAHAYU เป็นด่านทดสอบว่าจะ”สอบผ่าน”หรือไม่
ขณะที่มาเลเซีย ก็ส่งนักแบดมินตันคู่ผสมมาถึง 3 คู่และคู่ของ GOH Soon Huat - Shevon Jemie LAI กับ TAN Kian Meng - LAI Pei Jing ก็ต้องมาแข่งกันเองเพื่อเข้ารอบรองฯ ขณะที่คู่ Tang Jie CHEN - Yen Wei PECK ตกรอบแรก
นี่ยังไม่รวมคู่ Chan Peng Soon - Liu Ying Goh ที่มาคว้าแชมป์ Thailand Masters และเข้ารอบลึกรายการ Perodua Malaysia Masters 2018 ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชให้”พัก”รายการนี้
ส่วนประเภทชายคู่ มาเลเซียก็ส่งมาแข่งขัน 3 คู่คือ GOH V Shem - TAN Wee Kiong คู่ของ Kah Ming CHOOI - LOW Juan Shen และคู่ Sze Fei GOH - Nur IZZUDDIN ซึ่งสุดท้าย แม้จะมีเพียงคู่รองแชมป์โอลิมปิก 2016 ที่เข้ารอบลึกถึง Quarter Final แต่อีก 2 คู่ที่แม้จะตกรอบเร็ว แต่ก็ได้”ประสบการณ์”การแข่งขันที่หาไม่ได้ในสนามซ้อม
ขนาด”อินเดีย” ที่ไม่มีชื่อในประเภทชายคู่ ยังส่งมาแข่งขันถึง 3 คู่ และสุดท้าย Satwiksairaj RANKIREDDY - Chirag SHETTY ก็ส้รางประวัติศาสตร์ เมื่อเอาชนะ Mads CONRAD-PETERSEN - Mads Pieler KOLDING คู่มือวางอันดับ 4 ในรอบ Quarter Final เข้าเจอของจริงคือ Marcus Fernaldi GIDEON - Kevin Sanjaya SUKAMULJO ในรอบรองชนะเลิศ
ซึ่งถ้าไม่มาแข่งขัน “เด็กใหม่”เหล่านี้ก็คงไม่สามารถหาโอกาสแบบนี้ได้
นี่จึงเป็นเรื่อง”น่าเสียดาย”ที่นักกีฬาไทยมากมายไม่มีโอกาสไปแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือ ทั้งๆที่รู้กันว่า”รายการใหญ่”ของแบดมินตัน จัดในเอเชียมากกว่าทวีปอื่น ซึ่งหมายถึง”ค่าใช้จ่าย”ในการส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่ำกว่าส่งไปแข่งขันที่ยุโรปหรือกระทั่งอเมริกา ในขณะที่สมาคมแบดมินตันฯ ก็ออกข่าวว่า”มีเงิน”จากผู้สนับสนุนรายใหม่ และมีการติดหน้าอกเสื้อเพิ่มเติมจาก SCG ที่แฟนๆแบดมินตันไทยคุ้นเคย
นี่เป็น”บทเรียน”ที่เกิดขึ้นซ้ำซากของนักแบดมินตันไทยในปัจจุบัน
cr. http://www.badmintonthaitoday.com/news_detail.php?nid=1431#.Wm2N_v-AUV0.facebook