บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/37276761
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/37283918
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/37299152
...................
ความเดิม..
แต่เพื่อการได้รับการยอมรับให้เป็นปีศาจเต็มตัว มันจึงไม่มีทางเลือกให้การจำยอมเริ่มต้นฝึกการเขียนภาพระบายสี พลางนึกเวทนาตัวเองว่า ถ้าปีศาจคนอื่นมาเห็นจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน เสียภาพลักษณ์ความเป็นปีศาจจนหมดสิ้น
แต่ความรู้สึกพิเศษบางอย่างคืออะไรกัน...ปีศาจแมวไม่เข้าใจเลยจริงๆ
...................
น่าประหลาดใจว่าเจ้าปีศาจน้อยตนนั้นเรียนรู้ได้รวดเร็ว อาจเป็นเพราะมันเป็นปีศาจหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ความจริงคือมันใช้เวลาไม่นานเลย กับการใช้สีและพู่กัน รวมทั้งการออกแบบสุดประหลาดพิสดารล้ำลึก ชนิดมีแต่ปีศาจเท่านั้นจะทำได้ ในเวลาไม่กี่วันมันก็สามารถวาดภาพออกมาได้เป็นผลงานชิ้นแรก และเริ่มผลงานชิ้นที่สอง และสามตามลำดับ อย่างไม่น่าเชื่อ..สัปดาห์ต่อมาสิ่งไม่น่าเชื่อมากกว่า ก็เกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อของหนูน้อยมาเพื่อนมาดูห้องภาพของลูกสาว ปรากฏว่าเพื่อนคนหนึ่งซื้อภาพวาดของปีศาจน้อยไปด้วยราคาสูงลิ่วเกือบพอ ๆ กับภาพของหนูน้อยเลยทีเดียว ท่ามกลางความตื่นเต้นของเจ้าของผลงานผู้แอบอยู่ใต้เตียงในร่างแมว
“เห็นไหมว่า ฉันทำได้” เมื่อบรรดาผู้มาเยี่ยมมาเยือนจากไปแล้ว ปีศาจน้อยเปลี่ยนร่างแมวมาเป็นตัวตนแท้จริง กระโดดขึ้นมายืนบนปลายเตียง กอดอกเอียงคอด้วยท่าทางน่าเตะเป็นอย่างยิ่ง การอยู่ในร่างแมวมีข้อจำกัด ทำให้วางท่าสวยงามไม่ได้เต็มที่ “บอกแล้วว่าฉันมีฝีมือในการวาดภาพชั้นต่ำน่ าทึ่งขนาดไหน”
คำว่าชั้นต่ำ ในโลกของปีศาจ มีความหมายไปในทางดีเยี่ยมสำหรับพวกโลกมืด หนูน้อยนอนศีรษะพิงหมอนลายตุ๊กตา มองดูพลางเอามือปิดปากหัวร่อคิกคักอย่างรู้สึกขบขัน เมื่อเห็นท่าทางปลาบปลื้มของอีกฝ่าย
“อย่างนั้น คุณต้องวาดเพิ่มขึ้นแกเรื่อยๆนะคะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หา...อะไรนะ”
“คุณต้องวาดภาพอีก”
“ทำไมฉันต้องวาดด้วย” เจ้าปีศาจทำหน้าปั้นยาก ร้องเสียงแหลมอย่างมึนงงกับชีวิต
“อ้าว... เพราะคุณวาดเก่งนี่คะ เพื่อตอกย้ำความเก่งกล้าสามารถของคุณ ก็ต้องวาดต่อไป ให้โลกเห็นผลงานของคุณ และที่สำคัญ หนูกำลังใจอ่อนอย่างมาก เรื่องการทำข้อตกลงกับคุณ พยายามต่อไปนะคะ หนูเอาใจช่วยสุดๆ”
คำพูดของเจ้าของห้องคนสำคัญทำให้ปีศาจน้อยมีทีท่าครุ่นคิดทันที สีหน้าของคนพูดก็ไม่ใช่บ่งบอกว่าเป็นการล้อเล่น บางทีความสำเร็จ อาจรออยู่ข้างหน้าไม่ไกลนักก็เป็นได้ แต่มันก็ยังมีข้อสงสัยอันชวนน่าคิด
“เธอจะหลอกให้ฉันวาดภาพ แล้วขายเอาเงินเข้าบัญชีใช่ไหมล่ะ.. อย่ามาหลอกกันเลย ฉันไม่โง่หรอก”
“หนูไม่ได้หลอกสักหน่อย หนูเอาเงินคุณ เข้าบัญชีหนูตรงๆเลย อย่างนี้ไม่ใช่การหลอกนะคะ”
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไรมากมาย วันๆเห็นใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในบ้านเท่านั้น”
เด็กหญิงหันไปมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านออกไปทางหน้าต่าง ประกายตามีแววอันน่าพิศวงชนิดหนึ่ง ดูมุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้กับเด็กวัยนี้ ราวกับว่าเธอกำลังมองโลกไกลออกไป จนพ้นรัสมีของสายตาปกติ
“หนูมีความฝันว่า ถ้ามีเงินพอ วันหนึ่งจะเอาเงินไปสร้างอาคารหลังใหญ่ๆ ให้เด็กๆ พิการ เด็กกำพร้า ได้มาพักได้อาศัยกัน นั่นล่ะความฝันของหนูล่ะ คุณน่าจะดีใจที่มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความฝันของหนูนะคะ”
“ความฝันบ้า...มีเด็กถูกทิ้งเยอะๆ นั่นล่ะดีแล้ว... สนุกดีออกจะตาย โลกจะได้ระทมทุกข์กันให้มากๆ จ้างฉันก็ไม่ช่วยหรอก”
“หนูถามจริง เถอะ .. ทำไม คุณอยากให้โลกมันมีความทุกข์มากๆ คะ มันเป็นค่านิยมของปีศาจหรือวัฒนธรรมของนรกกันแน่คะ”
คำถามสำคัญทำเอาเจ้าปีศาจถึงกับอึ้ง นั่นสินะ....ทำไมต้องอยากให้โลกมนุษย์วุ่นวายทุกข์ร้อนกันด้วย แล้วจะได้อะไรขึ้นมา โลกทุกวันนี้ยังไม่เลวร้ายพอหรืออย่างไรกัน เรื่องพวกนี้ยังไม่เคยเรียนให้ละเอียด บางทีต้องรอพิสูจน์ผลงานของตัวเองเสียก่อนกระมัง?
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ในที่สุดมันอ้อมแอ้มตอบอย่างไม่แน่ใจ เดินวนไปมาบริเวณปลายเตียง หยุดจ้องหน้าหนูน้อยถามด้วยความอยากรู้ว่า
“เธอล่ะ... คิดว่าอะไรคือความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลของโลกมนุษย์”
“ชีวิตไงคะ”
“ชีวิต..?”
“ใช่ค่ะ... ชีวิตนั่นล่ะคือความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของใครหรืออะไร ชีวิตทำให้เกิดการแก่งแย่งฆ่าฟันกัน ไม่ฆ่ากันเพราะอารมณ์ส่วนตัว อย่างน้อยก็ฆ่ากันเพราะความหิว ผู้ล่าก็ต้องกินเหยื่อ กินต่อกันไปเป็นทอดๆ ทุกวันทุกเวลา เห็นไหนคะว่าชีวิตคือกำเนิดของความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง มองไปทางไหนก็เจอ จะเป็นในน้ำ บนบก ในอากาศ แม้แต่ในตัวเราเอง.. ก็จะรู้สึกถึงการทำลายทำร้ายชีวิตกันอยู่เสมอ”
“ฉันกำลังคุยอยู่กับใครนี่.....” เจ้าปีศาจกุมขมับ “ทำไมพูดจาเกินตัว”
“คุณกำลังคุยกับคนที่มีความสำคัญกับธุรกิจของคุณยังไงคะ เอาล่ะ... เราจะวาดภาพให้เสร็จ เตรียมตัวกันเลยค่ะ”
“ไม่”
“น่ารัก น่ารัก คุณ..น่า”
“พอแล้ว พอแล้ว ไปก็ได้ ว้า...แย่จริงๆ ทำไมฉันต้องมาเจอกับมนุษย์อย่างเธอนะ สงสัยชาติก่อนฉันคงทำบุญมาเยอะเลย ถึงโชคร้ายมาเจอเด็กแก่แดดอย่างเธอ”
ขณะกำลังชวนกันไปห้องวาดภาพ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงใสๆ
“ก๊อกๆๆ ใครเอ่ย...เคาะประตู จะมีใครเสียอีก ก็พี่พยาบาลคนสวยยังไงคะ มากับของที่สั่งค่ะ ก๊อกๆๆ”
เสียงอารมณ์ดีแบบนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้.. นอกจากนางพยาบาลคนเก่งนั่นเอง ตัวยังไม่มาเสียงมาก่อน ประตูยังไม่ทันจะเปิด เจ้าปีศาจน้อยก็รีบกลายร่างเป็นแมวแบบไม่คิดชีวิต เพราะคราวนี้ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ กลายร่างเป็นแมวดำในเสี้ยววินาที ก่อนประตูจะเปิดออก พร้อมกับคนน่ารักประจำบ้าน และรอยยิ้มหวาน ขณะลากรถเข็น พร้อมกับสิ่งของขนาดเล็กแปลกๆ เข้ามาในห้อง
“ชุดเครื่องเสียงชั้นดีมาแล้วค่ะ พร้อมกับแผ่นเสียงหลายแผ่น จะให้วางที่ไหนคะ”
นางพยาบาลสาวคนนั้นนั่นเอง คนที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่เคยทอดทิ้ง ไม่เคยบ่นเรื่องงาน ไม่เคยต่อรองอะไร มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นใจใจอย่างประหลาด เด็กหญิงลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจ พลางบอกให้นำไปติดตั้งในห้องวาดภาพ เจ้าแมวดำมองหน้าเหมือนจะถามว่าจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก แต่เจ้าของห้องยกมื่อเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องถามอะไร เด็กหญิงพยุงตัวเองตามไป กำกับดูแลเครื่องเสียงราคาแพงให้วางเป็นที่เป็นทาง โดยมีเจ้าแมวเดินตามเก้ๆกังๆ ไปแบบไม่เข้าใจกึ่งระแวง นางพยาบาลต่อสายเครื่องเสียงเสร็จหันมามองเจอแมวดำเข้าพอดี เธอยิ้มกว้างเดินตรงเข้ามาหา เจ้าแมวรีบเผ่นออกจากห้องวาดภาพ ไปหลบใต้เตียงนอนอย่างอกสั่นขวัญแขวนเพราะกลัวโดนอุ้ม
“อะไรกันเจ้าเหมียว เล่นตัวจริงนะแก” หญิงสาวมองตามอย่างสงสัย เคยอุ้มแมวเล่นมาแล้วหลายตัว แต่ไม่เคยเจอแมวหวงตัวขนาดนี้มาก่อน
“มันคงไม่ชินคนค่ะ” เด็กหญิงเข้ามาแก้สถานการณ์ไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงมีการไล่ตามแมวมาอุ้มเล่นเป็นแน่แท้
“อยู่มานานขนาดนี้ ยังจะมาเล่นตัวอีก คอยดูนะ วันหนึ่งฉันจะอุ้มแกให้ได้”
“อย่าคิดมากเลยนะคะ”
เสียงใสๆ ของเด็กหญิง ทำให้นางพยาบาลหันไปมอง เห้นประกายตาสดใสและคำพูดใสๆ
“มาหาหนู ได้ไหมคะ”
หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าเจ้านายตัวน้อยกำลังจะพยายามบอกอะไร แต่ก็เดินไปหาโดยดี ร่างน้อยบนเก้าอี้ประจำตัว ยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“หนูขอกอดคุณได้ไหมคะ”
คำพูดสั้นๆ แต่มีความหมาย ไม่ใช่อ้อมกอดจากวงแขน แต่เป็นอ้อมกอดจากหัวใจ
“ได้สิคะ...เรากอดกันนะคะ”
เสียงของพยาบาลสาวสั่นสะท้าน แม้จะพยายามเก็บอาการทางอารมณ์ เธอเป็นคนทำงานตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ใช่หรือ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเด็กไม่สมประกอบก็ได้... มันควรจะเป็นอย่างนั้น ..แต่ทำไม...?
"อย่าทิ้งหนูไปนะคะ”
ไม่...พี่คนดีจะไม่ทิ้งหนูไป หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงเวลาจะร้องไห้...ทำไมภึงถามแบบนั้น ที่มาดูแลจนทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
เมี๊ยว.....!
เสียงแมวร้องมาขัดจังหวะพอดี แมวดำโผล่มาหน้าห้องอย่างสงสัย ด้วยทางทางน่าอุ้มน่ากอด แต่แล้วเจ้าแมวดำก็กระโจนหนีออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าบรรลุเป้าหมายบางอย่าง
“ยังไม่ได้อุ้ม ยังไม่ได้กอดเลย”
นางพยาบาลคนงามบ่นอย่างเสียดาย เพราะไม่ทันได้อุ้มแมวสมอยาก สุดท้ายต้องยอมเดินออกจากห้องไปอย่างผิดหวัง นั่นล่ะ... เจ้าแมวดำจึงรีบเดินเข้ามาในห้องก่อนเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจขนาดเล็กตัวสีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้ความสนใจของมันอยู่กับเครื่องเสียงมากกว่าอย่างอื่น
“เอาไว้ฟังตอนวาดภาพยังไงคะ” หนูน้อยอธิบาย นั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าเครื่องเสียง พลางเลือกดูแผ่นเสียงไปมา “มันจะทำให้เกิดสามาธิ เกิดปัญญา”
“ฉันว่าเกิดปัญหามากกว่า เป็นปีศาจต้องไม่ชอบฟังเพลง”
“อยากเจอคำว่า ‘น่ารัก’ ไหมคะ”
.
หนูน้อย...... กับป๊ศาจ.....4
https://ppantip.com/topic/37276761
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/37283918
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/37299152
...................
ความเดิม..
แต่เพื่อการได้รับการยอมรับให้เป็นปีศาจเต็มตัว มันจึงไม่มีทางเลือกให้การจำยอมเริ่มต้นฝึกการเขียนภาพระบายสี พลางนึกเวทนาตัวเองว่า ถ้าปีศาจคนอื่นมาเห็นจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน เสียภาพลักษณ์ความเป็นปีศาจจนหมดสิ้น
แต่ความรู้สึกพิเศษบางอย่างคืออะไรกัน...ปีศาจแมวไม่เข้าใจเลยจริงๆ
...................
น่าประหลาดใจว่าเจ้าปีศาจน้อยตนนั้นเรียนรู้ได้รวดเร็ว อาจเป็นเพราะมันเป็นปีศาจหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ความจริงคือมันใช้เวลาไม่นานเลย กับการใช้สีและพู่กัน รวมทั้งการออกแบบสุดประหลาดพิสดารล้ำลึก ชนิดมีแต่ปีศาจเท่านั้นจะทำได้ ในเวลาไม่กี่วันมันก็สามารถวาดภาพออกมาได้เป็นผลงานชิ้นแรก และเริ่มผลงานชิ้นที่สอง และสามตามลำดับ อย่างไม่น่าเชื่อ..สัปดาห์ต่อมาสิ่งไม่น่าเชื่อมากกว่า ก็เกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อของหนูน้อยมาเพื่อนมาดูห้องภาพของลูกสาว ปรากฏว่าเพื่อนคนหนึ่งซื้อภาพวาดของปีศาจน้อยไปด้วยราคาสูงลิ่วเกือบพอ ๆ กับภาพของหนูน้อยเลยทีเดียว ท่ามกลางความตื่นเต้นของเจ้าของผลงานผู้แอบอยู่ใต้เตียงในร่างแมว
“เห็นไหมว่า ฉันทำได้” เมื่อบรรดาผู้มาเยี่ยมมาเยือนจากไปแล้ว ปีศาจน้อยเปลี่ยนร่างแมวมาเป็นตัวตนแท้จริง กระโดดขึ้นมายืนบนปลายเตียง กอดอกเอียงคอด้วยท่าทางน่าเตะเป็นอย่างยิ่ง การอยู่ในร่างแมวมีข้อจำกัด ทำให้วางท่าสวยงามไม่ได้เต็มที่ “บอกแล้วว่าฉันมีฝีมือในการวาดภาพชั้นต่ำน่ าทึ่งขนาดไหน”
คำว่าชั้นต่ำ ในโลกของปีศาจ มีความหมายไปในทางดีเยี่ยมสำหรับพวกโลกมืด หนูน้อยนอนศีรษะพิงหมอนลายตุ๊กตา มองดูพลางเอามือปิดปากหัวร่อคิกคักอย่างรู้สึกขบขัน เมื่อเห็นท่าทางปลาบปลื้มของอีกฝ่าย
“อย่างนั้น คุณต้องวาดเพิ่มขึ้นแกเรื่อยๆนะคะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หา...อะไรนะ”
“คุณต้องวาดภาพอีก”
“ทำไมฉันต้องวาดด้วย” เจ้าปีศาจทำหน้าปั้นยาก ร้องเสียงแหลมอย่างมึนงงกับชีวิต
“อ้าว... เพราะคุณวาดเก่งนี่คะ เพื่อตอกย้ำความเก่งกล้าสามารถของคุณ ก็ต้องวาดต่อไป ให้โลกเห็นผลงานของคุณ และที่สำคัญ หนูกำลังใจอ่อนอย่างมาก เรื่องการทำข้อตกลงกับคุณ พยายามต่อไปนะคะ หนูเอาใจช่วยสุดๆ”
คำพูดของเจ้าของห้องคนสำคัญทำให้ปีศาจน้อยมีทีท่าครุ่นคิดทันที สีหน้าของคนพูดก็ไม่ใช่บ่งบอกว่าเป็นการล้อเล่น บางทีความสำเร็จ อาจรออยู่ข้างหน้าไม่ไกลนักก็เป็นได้ แต่มันก็ยังมีข้อสงสัยอันชวนน่าคิด
“เธอจะหลอกให้ฉันวาดภาพ แล้วขายเอาเงินเข้าบัญชีใช่ไหมล่ะ.. อย่ามาหลอกกันเลย ฉันไม่โง่หรอก”
“หนูไม่ได้หลอกสักหน่อย หนูเอาเงินคุณ เข้าบัญชีหนูตรงๆเลย อย่างนี้ไม่ใช่การหลอกนะคะ”
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไรมากมาย วันๆเห็นใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในบ้านเท่านั้น”
เด็กหญิงหันไปมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านออกไปทางหน้าต่าง ประกายตามีแววอันน่าพิศวงชนิดหนึ่ง ดูมุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้กับเด็กวัยนี้ ราวกับว่าเธอกำลังมองโลกไกลออกไป จนพ้นรัสมีของสายตาปกติ
“หนูมีความฝันว่า ถ้ามีเงินพอ วันหนึ่งจะเอาเงินไปสร้างอาคารหลังใหญ่ๆ ให้เด็กๆ พิการ เด็กกำพร้า ได้มาพักได้อาศัยกัน นั่นล่ะความฝันของหนูล่ะ คุณน่าจะดีใจที่มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความฝันของหนูนะคะ”
“ความฝันบ้า...มีเด็กถูกทิ้งเยอะๆ นั่นล่ะดีแล้ว... สนุกดีออกจะตาย โลกจะได้ระทมทุกข์กันให้มากๆ จ้างฉันก็ไม่ช่วยหรอก”
“หนูถามจริง เถอะ .. ทำไม คุณอยากให้โลกมันมีความทุกข์มากๆ คะ มันเป็นค่านิยมของปีศาจหรือวัฒนธรรมของนรกกันแน่คะ”
คำถามสำคัญทำเอาเจ้าปีศาจถึงกับอึ้ง นั่นสินะ....ทำไมต้องอยากให้โลกมนุษย์วุ่นวายทุกข์ร้อนกันด้วย แล้วจะได้อะไรขึ้นมา โลกทุกวันนี้ยังไม่เลวร้ายพอหรืออย่างไรกัน เรื่องพวกนี้ยังไม่เคยเรียนให้ละเอียด บางทีต้องรอพิสูจน์ผลงานของตัวเองเสียก่อนกระมัง?
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ในที่สุดมันอ้อมแอ้มตอบอย่างไม่แน่ใจ เดินวนไปมาบริเวณปลายเตียง หยุดจ้องหน้าหนูน้อยถามด้วยความอยากรู้ว่า
“เธอล่ะ... คิดว่าอะไรคือความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลของโลกมนุษย์”
“ชีวิตไงคะ”
“ชีวิต..?”
“ใช่ค่ะ... ชีวิตนั่นล่ะคือความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของใครหรืออะไร ชีวิตทำให้เกิดการแก่งแย่งฆ่าฟันกัน ไม่ฆ่ากันเพราะอารมณ์ส่วนตัว อย่างน้อยก็ฆ่ากันเพราะความหิว ผู้ล่าก็ต้องกินเหยื่อ กินต่อกันไปเป็นทอดๆ ทุกวันทุกเวลา เห็นไหนคะว่าชีวิตคือกำเนิดของความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง มองไปทางไหนก็เจอ จะเป็นในน้ำ บนบก ในอากาศ แม้แต่ในตัวเราเอง.. ก็จะรู้สึกถึงการทำลายทำร้ายชีวิตกันอยู่เสมอ”
“ฉันกำลังคุยอยู่กับใครนี่.....” เจ้าปีศาจกุมขมับ “ทำไมพูดจาเกินตัว”
“คุณกำลังคุยกับคนที่มีความสำคัญกับธุรกิจของคุณยังไงคะ เอาล่ะ... เราจะวาดภาพให้เสร็จ เตรียมตัวกันเลยค่ะ”
“ไม่”
“น่ารัก น่ารัก คุณ..น่า”
“พอแล้ว พอแล้ว ไปก็ได้ ว้า...แย่จริงๆ ทำไมฉันต้องมาเจอกับมนุษย์อย่างเธอนะ สงสัยชาติก่อนฉันคงทำบุญมาเยอะเลย ถึงโชคร้ายมาเจอเด็กแก่แดดอย่างเธอ”
ขณะกำลังชวนกันไปห้องวาดภาพ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงใสๆ
“ก๊อกๆๆ ใครเอ่ย...เคาะประตู จะมีใครเสียอีก ก็พี่พยาบาลคนสวยยังไงคะ มากับของที่สั่งค่ะ ก๊อกๆๆ”
เสียงอารมณ์ดีแบบนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้.. นอกจากนางพยาบาลคนเก่งนั่นเอง ตัวยังไม่มาเสียงมาก่อน ประตูยังไม่ทันจะเปิด เจ้าปีศาจน้อยก็รีบกลายร่างเป็นแมวแบบไม่คิดชีวิต เพราะคราวนี้ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ กลายร่างเป็นแมวดำในเสี้ยววินาที ก่อนประตูจะเปิดออก พร้อมกับคนน่ารักประจำบ้าน และรอยยิ้มหวาน ขณะลากรถเข็น พร้อมกับสิ่งของขนาดเล็กแปลกๆ เข้ามาในห้อง
“ชุดเครื่องเสียงชั้นดีมาแล้วค่ะ พร้อมกับแผ่นเสียงหลายแผ่น จะให้วางที่ไหนคะ”
นางพยาบาลสาวคนนั้นนั่นเอง คนที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่เคยทอดทิ้ง ไม่เคยบ่นเรื่องงาน ไม่เคยต่อรองอะไร มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นใจใจอย่างประหลาด เด็กหญิงลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจ พลางบอกให้นำไปติดตั้งในห้องวาดภาพ เจ้าแมวดำมองหน้าเหมือนจะถามว่าจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก แต่เจ้าของห้องยกมื่อเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องถามอะไร เด็กหญิงพยุงตัวเองตามไป กำกับดูแลเครื่องเสียงราคาแพงให้วางเป็นที่เป็นทาง โดยมีเจ้าแมวเดินตามเก้ๆกังๆ ไปแบบไม่เข้าใจกึ่งระแวง นางพยาบาลต่อสายเครื่องเสียงเสร็จหันมามองเจอแมวดำเข้าพอดี เธอยิ้มกว้างเดินตรงเข้ามาหา เจ้าแมวรีบเผ่นออกจากห้องวาดภาพ ไปหลบใต้เตียงนอนอย่างอกสั่นขวัญแขวนเพราะกลัวโดนอุ้ม
“อะไรกันเจ้าเหมียว เล่นตัวจริงนะแก” หญิงสาวมองตามอย่างสงสัย เคยอุ้มแมวเล่นมาแล้วหลายตัว แต่ไม่เคยเจอแมวหวงตัวขนาดนี้มาก่อน
“มันคงไม่ชินคนค่ะ” เด็กหญิงเข้ามาแก้สถานการณ์ไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงมีการไล่ตามแมวมาอุ้มเล่นเป็นแน่แท้
“อยู่มานานขนาดนี้ ยังจะมาเล่นตัวอีก คอยดูนะ วันหนึ่งฉันจะอุ้มแกให้ได้”
“อย่าคิดมากเลยนะคะ”
เสียงใสๆ ของเด็กหญิง ทำให้นางพยาบาลหันไปมอง เห้นประกายตาสดใสและคำพูดใสๆ
“มาหาหนู ได้ไหมคะ”
หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าเจ้านายตัวน้อยกำลังจะพยายามบอกอะไร แต่ก็เดินไปหาโดยดี ร่างน้อยบนเก้าอี้ประจำตัว ยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“หนูขอกอดคุณได้ไหมคะ”
คำพูดสั้นๆ แต่มีความหมาย ไม่ใช่อ้อมกอดจากวงแขน แต่เป็นอ้อมกอดจากหัวใจ
“ได้สิคะ...เรากอดกันนะคะ”
เสียงของพยาบาลสาวสั่นสะท้าน แม้จะพยายามเก็บอาการทางอารมณ์ เธอเป็นคนทำงานตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ใช่หรือ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเด็กไม่สมประกอบก็ได้... มันควรจะเป็นอย่างนั้น ..แต่ทำไม...?
"อย่าทิ้งหนูไปนะคะ”
ไม่...พี่คนดีจะไม่ทิ้งหนูไป หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงเวลาจะร้องไห้...ทำไมภึงถามแบบนั้น ที่มาดูแลจนทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
เมี๊ยว.....!
เสียงแมวร้องมาขัดจังหวะพอดี แมวดำโผล่มาหน้าห้องอย่างสงสัย ด้วยทางทางน่าอุ้มน่ากอด แต่แล้วเจ้าแมวดำก็กระโจนหนีออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าบรรลุเป้าหมายบางอย่าง
“ยังไม่ได้อุ้ม ยังไม่ได้กอดเลย”
นางพยาบาลคนงามบ่นอย่างเสียดาย เพราะไม่ทันได้อุ้มแมวสมอยาก สุดท้ายต้องยอมเดินออกจากห้องไปอย่างผิดหวัง นั่นล่ะ... เจ้าแมวดำจึงรีบเดินเข้ามาในห้องก่อนเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจขนาดเล็กตัวสีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้ความสนใจของมันอยู่กับเครื่องเสียงมากกว่าอย่างอื่น
“เอาไว้ฟังตอนวาดภาพยังไงคะ” หนูน้อยอธิบาย นั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าเครื่องเสียง พลางเลือกดูแผ่นเสียงไปมา “มันจะทำให้เกิดสามาธิ เกิดปัญญา”
“ฉันว่าเกิดปัญหามากกว่า เป็นปีศาจต้องไม่ชอบฟังเพลง”
“อยากเจอคำว่า ‘น่ารัก’ ไหมคะ”
.