10 หนังสืบสวนไทย ที่คุณไม่ควรพลาด

กระทู้สนทนา

ภาพยนตร์ระทึกขวัญ ภาพยนตร์สยองขวัญ ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ชีวิต รางวัลภาพยนตร์

"การฆาตกรรม ปมซ่อนเงื่อน ด้านมืดของสังคม"

หนังสืบสวนไทย (Thai Suspense) เป็นลิสต์ที่มีหลายท่านขอมาทางหลังไมค์ ผมจึงได้เก็บข้อมูลตั้งเเต่ปลายปีก่อนเเล้วคัดมา 10 เรื่องที่น่าสนใจ ถ้าตกหล่นเรื่องไหนก็มาคอมเม้นท์เเนะนำเพิ่มเติมได้ครับ...

หนังสืบสวน คือหนังที่กระตุ้นให้คนดูเกิดความจดจ่อ อยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะมีการปกปิดเงื่อนงำ ความลับ และข้อสงสัยต่างๆ โดยสิ่งกระตุ้นอารมณ์เหล่านี้ได้มาจากการใช้ดนตรีประกอบ การใช้มุมกล้อง การใช้เเสงเงา เเละการทำจุดหักเหของพล็อตเรื่องซึ่งเป็นองค์ประกอบที่หนังสืบสวนส่วนใหญ่มักใช้กันอยู่บ่อยครั้ง...

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. อวิชชา (2546)

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเรื่องของไสยศาสตร์ ความเชื่อในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้กลายเป็นแม่แบบหลักในการสร้างสรรค์หนังสยองขวัญไทยในยุคปัจจุบัน และบางเรื่องก็เต็มไปด้วยฉากแหวะ ความสยองชวนคลื่นไส้ที่หลายคนไม่อาจรับได้ แต่สำหรับ 'อวิชชา' ดูฉลาดในการหยิบเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเป็นกิมมิคในการสร้างปมอาฆาต เพื่อกลบความไม่เมคเซ้นส์บางจุดที่ไม่อาจหาข้อสรุปด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ โดยพล็อตหนังพูดถึงหมอหนุ่มที่พบรอยนิ้วมือแปลกประหลาดในบ้านของตน และไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เป็นตำรวจให้ช่วยสืบหาความจริง

9. คืนบาป พรหมพิราม (2546)

สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมันคือเรื่องจริง และเป็นความจริงที่น่าหดหู่ น่าสะเทือนใจยิ่งนัก กับผู้หญิงตัวเล็กๆที่น่าสงสารคนหนึ่งที่ถูกชายกว่า 30 คนรุมโทรมและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต โดยหนังเปิดเรื่องด้วยการตายของหญิงสาวรายนี้ และแม้ว่าคนทั่วไป อาจเคยได้ยิน รับรู้ความจริงเกี่ยวกับคดีนี้กันมาพอสมควร แต่หนังก็สามารถเล่าได้ชวนติดตาม กับการสืบหาปมการตายที่แท้จริง และเหล่าชายที่อยู่เบื้องหลังของการกระทำที่ชั่วร้าย ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์

8. ศพไม่เงียบ (2554)

ปมการตายของเด็กวัดที่เหล่าตำรวจไม่สามารถเสาะหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ได้ และนำมาสู่การตายซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นกับพระรูปหนึ่ง จนกระทั่งพระที่เป็นอดีตนายตำรวจต้องเข้ามาสืบหาความจริงของเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นับเป็นหนังสืบสวนชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งของไทย นอกจากมีพล็อตที่ดูไม่จำเจ มีการผูกปม การเล่าเรื่องที่ชวนให้ติดตาม ยังสอดแทรกด้วยประเด็นสะท้อนสังคมที่น่าสนใจอย่าง ปัญหายาเสพติด เด็กไร้บ้าน การทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของตำรวจไทย และที่สำคัญหนังยังเข้าไปขุดคุ้ย สะท้อนด้านมืดของสถาบันศาสนาได้อย่างตรงไปตรงมา

7. เชอร์รี่แอน (2544)

เหตุการณ์จริงที่กลายเป็นรอยด่างพร้อยของวงการตำรวจไทย เมื่อสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ถูกลักพาตัวและฆาตกรรมระหว่างเดินทางกลับบ้าน โดยหนังอิงข้อมูลจากแฟ้มสืบสวนคดี และโฟกัสไปยังผลกระทบในวงกว้าง เพราะนี่คือเหตุฆาตกรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก และกลายเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของเหล่านักข่าว ทางตำรวจจึงพยายามปิดคดีให้โดยเร็วที่สุด แต่ทว่าเมื่อคดีไม่มีความคืบหน้า ขาดเบาะแสที่น่าเชื่อถือ ขาดพยานของเหตุการณ์ ประจวบกับแรงกดดันจากหลายๆฝ่าย จึงมีการจับผู้บริสุทธิ์หลายรายมาเป็นแพะรับบาปของคดี และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยก็ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่จดจำในฐานะความอัปยศอย่างแท้จริงของกระบวนการความยุติธรรมไทย

6. นวลฉวี (2528)

เปิดเรื่องด้วยปมฆาตกรรมอันน่าสะเทือนขวัญ เมื่อชาวบ้านพบศพหญิงสาวรายหนึ่งลอยขึ้นอืดที่แม่น้ำสะพานนนทบุรี ซึ่งสภาพศพถูกมัดมือมัดเท้าด้วยสายไฟ บริเวณชายโครงถูกแทงด้วยของมีคมสามแผล โดยหนังลดทอนกระบวนการสืบสวนที่ในเหตุการณ์จริงอาจมีความยุ่งยากและความซับซ้อนอยู่ไม่น้อย เพื่อโฟกัสไปยังเรื่องราวของชีวิตคู่ เจาะลึกปมความรัก ความขัดแย้งต่างๆที่นำมาสู่การฆาตกรรม โดย 'คุณสินจัย เปล่งพานิช' ก็มอบบทบาทการแสดงที่ยอดเยี่ยมจนเรียกได้ว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดของนักแสดงระดับตำนานรายนี้

5. คืนไร้เงา (2546)

หนังสืบสวนไทยจากผู้กำกับหญิง 'พิมพกา โตวิระ' ที่เล่นกับแนวคิดสตรีนิยม มีสารแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจและสะท้อนด้านเปราะบาง-แข็งกร้าวของเพศหญิงอย่างตรงไปตรงมา โดยบอกเล่าผ่านความสัมพันธ์ชีวิตคู่รูปแบบเดียวกับหนังสืบสวนที่พบเห็นในยุคหลังอย่าง Helpless, Gone Girl ที่เริ่มด้วยการวางปมการหายตัวไปของคนรัก ก่อนหนังจะค่อยๆขุดคุ้ย สำรวจปมซ่อนเร้นที่ตัวละครพยายามซุกซ่อนเอาไว้ โดยคืนไร้เงา มีพล็อตว่าด้วยภรรยาที่พบว่าสามีของตนได้หายตัวไปอย่างลึกลับในคืนแต่งงาน เธอจึงไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายและพี่สะใภ้ของสามีให้ช่วยสืบหาความจริงของเรื่องนี้

4. เปนชู้กับผี (2549)

ไม่บ่อยนักในวงการหนังไทยที่จะมีแนวสืบสวนที่ถูกฉาบหน้าด้วยสไตล์หนังผี กับพล็อตที่ว่าด้วยหญิงสาวที่เดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อตามหาสามีในเมืองกรุง โดยจุดเด่นคือความเป็นหนังแนวโกธิค ที่แทบตลอดทั้งเรื่องไม่มีการปรากฏตัวของผี แต่ใช้ความเชื่อ พฤติกรรมอันแปลกประหลาดที่ชวนน่าสงสัยของตัวละคร ผสมกับบรรยากาศของสถานที่ซึ่งเป็นบ้านเรือนไทยเก่าๆ เป็นตัวกระตุ้นสร้างความใคร่รู้ บรรยากาศที่ดูน่ากลัว ด้วยองค์ประกอบโดยรวมสามารถเปรียบเปรยได้ว่านี่คือ The Others ตามแบบฉบับหนังไทย

3. บอดี้ ศพ #19 (2550)

หลายคนรู้จักหนังเรื่องนี้ในฐานะของหนังหักมุมเหนือคาด ส่วนอีกหลายคนจดจำในภาพของหนังฆาตกรรมสยองขวัญชั้นเยี่ยม ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดๆนั้นต้องมีองค์ประกอบหลายๆส่วนหลอมรวมเข้าด้วยกัน และสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดคือ ปมทางจิตวิทยา โดยการเซ็ทตัวเป็นหนังสืบสวนที่มีผี หรือฉากอันน่าสยดสยองเป็นตัวขยายภาพของโลกที่ดำมืดและซับซ้อนของผู้ป่วยจิตเภทให้ออกมาดูน่าเชื่อถือในหลักการทางวิทยาศาสตร์ และต่อยอดไปถึงการหักมุมที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง โดยพล็อตพูดถึงหนุ่มที่ต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับความฝันที่เชื่อมโยงถึงเหตุฆาตกรรม

2. ฆ่าโบกปูน (2546)

หากต้องการเสพอรรถรสที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้ คุณควรรู้ข้อมูลของหนังให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะหนังเดินเรื่องตามขนบหนังสืบสวนสไตล์ Primal Fear, The Life of David Gale ที่ตั้งข้อสงสัยกับตัวละครรายหนึ่ง อย่างในที่นี้ก็คือครูดีเด่น ที่ตกเป็นผู้สงสัยว่าอาจลักพาตัวลูกศิษย์ของตนมาเรียกค่าไถ่ โดยการสืบสวนของเหล่าตำรวจจะเข้าไปขุดคุ้ยปมเบื้องหลังว่าแท้จริงคุณครูท่านนี้ เป็นคนร้ายตัวจริง หรือเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น

1. เฉือน (2552)

หนังสืบสวนไทยมักมีปัญหาต่อวิธีการเล่าเรื่องที่บางครั้งอาจดูยืดยาด กลายเป็นลดความใคร่รู้ ทำให้หนังไม่ชวนน่าติดตามอย่างเท่าที่ควร รวมถึงบางเรื่องอาจมีพล็อตที่ดูจำเจหรือการเฉลยปมที่ดูไม่สมเหตุสมผลมากนัก ซึ่ง 'เฉือน' ก็ดูจะกลบข้อด้อยหลายๆส่วนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังโดดเด่นด้วยทีมนักแสดง งานภาพ และประเด็นสะท้อนสังคมยุคปัจจุบัน ส่วนการสืบสวนจะเน้นใช้ flashback รำลึกเรื่องราวในอดีตแล้วประติดประต่อเพื่อคลายปมปริศนา แม้เป็นวิธีที่ดูรวบรัด แต่ก็ไม่ดูยืดยาดเเละยังชวนให้น่าติดตาม กับพล็อตที่พูดถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ฆาตกรจะทำการหั่นศพเหยื่อแล้วยัดใส่กระเป๋าสีแดง ตัวเอกซึ่งเป็นอดีตตำรวจที่ต้องโทษอยู่ในคุก ก็ได้รับมอบหมายให้ออกมาสืบหาตัวฆาตกรรายนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.