...สัพเพเหระ ไก่ กา อาราเร่ เมื่อผม "ออกเดทครั้งแรก" กับแหม่ม ..../วัชรานนท์

กระทู้คำถาม
ระหว่างรอดูการชกชิงแชมป์โลกของ ถิรชัย  ศิษย์หมอเส็ง
--------------------------------------------------------------

ที่นำมาเล่าตรงนี้  เขียนจากประสบการณ์ชีวิตจริงๆ    ก่อนเข้าเรื่อง...ขออนุญาตเกริ่นเรื่องไว้ตรงนี้ว่าเป็นเรื่องราวที่ผมออกเดทครั่งแรกในชิวิตกับแหม่มฝรั่ง "นางฟ้า" ประจำสายการบินชาวแคนาดาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม   ซึ่งเป็นชีวิตหลังจากที่ผมสิกขาลาเพศจากสามเณรได้ไม่นาน (ผมบวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 12  จนถึง 22  แต่ไม่ยอมบวชพระแม้อายุจะเลยยี่สิบแล้ว  เพราะกลัวรักษาศีล227 ไม่ได้และอีกเหตุผลอื่นๆ)


คงจะด้วย "ภาษาอังกฤษ" บวกกับ "พรมลิขิต" ที่นำพาให้ผมและเธอต้องมาพบกัน   สมัยผมบวชเรียนนั้น  แรกเริ่มเดิมทีกะจะเอาดีทางด้านภาษาบาลีให้ถึงชั้นสูงสุดคือเปรียญธรรม๙ ประโยค  ตั้งความหวังไว้ว่าถ้าจะบวชพระก็จะขอเป็น "นาคหลวง" บวชที่วัดพระแก้วโดยมีในหลวงเป็นองค์อุปถัมภก  คือต้องสอบเปรียญ ๙ ให้ได้ตั้งแต่เป็นสามเณร  แต่ผมก็ต้องมาตกม้าตายเอาระหว่างทาง  คือทิ้งตำราภาษาบาลีมาหันมาสนใจภาษาอังกฤษ  ส่วนเพื่อนสามเณรที่เคยสะพายย่ามเรียนมาด้วยกันได้เปรียญ๙ เป็นนาคหลวงไปหนึ่งคน (ตอนนี้สึกแล้วไปเป็นรองศาสตราจารย์ที่สอนบาลีสันสกฤตที่ม.ศิลปากร)  


ผมทิ้งภาษาบาลีหันมาบ้าภาษาอังกฤษชนิดเป็นบ้าเป็นหลัง   ต้องแอบๆ ซ่อนๆ เรียนในในกุฏิสมัยนั้น   พอสิกขาลาเพศออกมาก็ลุยภาษาอังกฤษอย่างเดียว   ไปขอเป็นลูกศิษย์วัดใกล้ๆ ถนนข้าวสาร (เพราะมีเพื่อนเป็นพระอยู่ที่นั่น) เพื่อตระเวณฝึกภาษาอังกฤษกับเหล่าบรรดาฝรั่ง backpackers  ถนนข้าวสารสมัยนั้นมีเกสต์เฮ้าส์ไม่ถึงสิบหลังเห็นจะได้   ตรอกข้าวสารตั้งแต่ปากตรอกยันท้ายตรอกเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนยังอยู่ในความจำของผมเสมอ  ร้านขายของชำ  โรงแรม ธนาคาร  ผมรู้แม้กระทั่งซอยเล็กๆ ที่เดินลัดทะลุจากตรอกไปสำนักงานสลากกินแบ่ง      ตอนแรกๆ ก็จะไปตระเวณขอคุยกับฝรั่งที่นั่งตามโต๊ะอาหารโต๊ะนู้นโต๊ะนี้ไปเรื่อยๆ  บางคนใจดีก็ให้เราฝึกภาษาด้วย  บางคนไม่ไว้ใจก็โบกมือชิ้วๆ ไล่ก็มี  จนเจ้าของเขารำคาญก็ออกมาตะเพิดไล่ผมอยู่บ่อยๆ (เพราะไปรบกวนแขกเขา)   สุดท้ายผมก็เลยขอสมัครเป็นเป็นพนักงานเสริฟซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย (อยู่กินกับเขาได้เงินเดือน 700)  ฝึกพูดกับฝรั่งได้ทั้งวัน    เมื่อปีกล้าขาแข็งในทักษะการพูดแล้วผมก็ลาออก    ไปเป็นไกด์ผีหน้าวัดพระแก้ว   แต่ก็เป็นได้ไม่กี่วันก็เลิกเพราะใจไม่ด้านพอและกะล่อนไม่พอ   ไกด์ผีหน้าวัดพระแก้วต้องกะล่อนเก่ง  โกหกเก่ง   คือทำอะไรก็ได้ให้ฝรั่งไปช็อฟกับเรา  ช็อฟในที่นี้หมายถึงพาไปซื้อจิวเวอร์ รี่พวกเพชร นิล จินดา  ร้านไม้แกะสลัก  ร้านตัดสูทเสื้อผ้า   ซึ่งไกด์จะได้ส่วนแบ่งจากร้านที่งดงามมากหากฝรั่งซื้อ  ถึงฝรั่งจะไม่ซื้ออะไรเลย  เจ้าของร้านก็จะให้ "ค่าน้ำ" กับไกด์จำนวน สองร้อยบาท !! (ร้านจิวเวอร์รี่)   ถ้าสามารถพาฝรั่งไปลงได้สองร้าน  ก็ฟันไปเหนาะๆ แล้วสี่ร้อยบาท   ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ สมัยนั้น    แต่ต้องโกหกปลิ้นปล้อนมากๆ   ยกตัวอย่างเช่น  ไปดักจับฝรั่งที่สนามหลวงที่กำลังจะเดินไปชมวัดพระแก้ว   ไกด์ผีก็ต้องโกหกว่าวันนี้วัดพระแก้วปิด   พยายามอ้างต่างนานา  เหตุผลที่ใช้บ่อยที่สุดก็คือปิดเพราะในหลวงเสด็จ  หรือเป็น bank holiday  ถ้าฝรั่งไม่เชื่อก็พาเขาไปดูประตูที่ปิดอีกด้านของวัดพระแก้ว!


ไกด์ผีหน้าวัดพระแก้วบาปมากเลยล่ะ   โกหกยังไม่พอ  ยังทำลายภาพพจน์ประเทศไปด้วย   สุดท้ายผมเลยไปเป็นล่ามแปลหมอดูที่วัดโพธิ์ดีกว่า   ฝรั่งสนใจดูดวง ดูลายมือ  ผูกชะตา ฯลฯ  และหมอดูวัดโพธิ์ที่มีเป็นสิบๆ ตั้งโต๊ะตามมุมต่างๆ ในบริเวณวัดเพียบ   บางวันผมทำเงินได้หลักพัน   ขี้หมูขี้หมาอย่างต่ำก็ห้าสิบบาท (ดูลายมือ)    อยู่ได้สักพัก  ผมก็พิสูจน์ให้ฝีมือให้เป็นที่ไว้ใจของหมอดู   เหล่าพ่อหมอดูจะชอบเรียกใช้บริการผมเวลามีลูกค้าฝรั่ง   เพราะผมไม่เถลไถลออกนอกเรื่องโดยเฉพาะเวลาที่มีลูกค้าเป็นแหม่มสาว   ล่ามคนอื่นๆ มักจะแปลออกนอกคำทำนาย  ลวนลามลูกค้าทั้งคำพูดและมือไม้ก็มี


เอาล่ะ...พล่ามมาซะยาว   ขอเชิญอ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตด้วยความหรรษาได้เลยครับ

ปล.  ขอความรบกวนว่าถ้าชอบก็อย่าโหวตกระทู้เลยนะครับ  ผมอายที่เนื้อหาไม่เกี่ยวอะไรกับห้องนี้  ถ้าชอบหรือได้รับความบันเทิงและหรรษา  ก็ให้ถือซะว่าเป็นอภินันทนาการด้านบันเทิงจากผม  เพื่อดึงพี่ๆ น้องๆ ออกจากชามมาม่าประเดี๋ยวประด๋าว พักยกให้คลายเครียดกัน   หากชอบจะกดถูกใจผมก็ยินดีครับ แต่ไม่ต้องโหวต   หากไม่ชอบก็ติได้  ผมก็น้อมรับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่