Lady Bird (2017)
คริสติน "เลดี เบิร์ด" คือชื่อของเธอ (รับบทโดย เซอร์เชอร์ โรแนน ซึ่งเล่นได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ) เธออยู่ในซาคราเมนโต เมืองเล็กๆ เชยๆ ในครอบครัวปากกัดตีนถีบ พ่อผู้เป็นรายได้หลัก แม่ขี้บ่น พี่ชายและแฟนสาวลุคสุดพังค์ ฯลฯ ปี 2002 กำลังจะทำให้เลดี เบิร์ดเป็นบ้าเพราะเธอเบื่อและอยากแหกทุกกรอบกรงในชีวิต โบยบินไปหาชีวิตอื่นที่ดีและใหม่ยิ่งกว่าในเมืองที่ใหญ่กว่านี้ วิธีเดียวคือต้องสอบให้ติดมหาวิทยาลัยดังและอยู่ในนิวยอร์คให้ได้... แม้ว่าเธอจะหัวไม่ดีเอาเลยก็ตาม
อเมริกาก่อนเกิดเหตุ 911 คือเด็กสาวซื่อๆ ในสังคมเล็กแคบก่อนชีวิตจะประเคนมือประเคนเท้ามาให้เติบโต ปี 2002 ในเรื่องคือหลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ทำให้สหรัฐฯ เป็นศัตรูกับตะวันออกกลางเพียงปีเดียว มันส่งผลสะเทือนต่ออเมริกาในระดับประวัติศาสตร์ ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติต่อโลกและชีวิต ขณะที่ในระดับปัจเจก มันทำให้คนวัยกลางคนตกงานและทำให้มหาวิทยาลัยในนิวยอร์กแทบไม่มีคนกล้าสมัครเข้าไปเพราะกลัวการก่อการร้ายจนเปิดโอกาสให้เด็กสาวจากบ้านนอก การเรียนก็ไม่ดี ส่งรายชื่อสมัครเข้าไปอย่างมีโอกาสมากพอจะหวังผลได้ มากกว่านั้น ปี 2002 คือโลกก่อนอินเตอร์เน็ตแพร่หลาย เรารู้จักโลกผ่านโทรทัศน์ หนัง และฟอร์เวิร์ดเมล์ การต้านทุนนิยมด้วยท่าทีแบบคอมมิวนิสต์ เช่น แลกของกันแทนใช้เงิน หรือความเชื่อประหลาดๆ อย่างการมวนยาสูบเอง ก็ยังแพร่หลายอยู่มากแม้จะฟังดูประหลาดมากแค่ไหนก็ตาม
.
เราไม่แปลกใจที่หลายคนจะรีเลตกับหนังและตัว เลดี เบิร์ด เพราะแม้มันจะได้คนสวยระดับ เซอเชอร์ โรแนน มาเล่น แต่มันก็เป็นบทที่ไม่เรียกร้องความสวยนัก เราจึงเห็นเธอเป็นเด็กสาวเด๋อๆ แถมยังเป็นสิวผดขึ้นทั้งหน้า เต็มไปด้วยความมั่นใจในขณะเดียวกันก็หวั่นระแวง นิตยสารไฮแฟชั่นซึ่งยังทรงอิทธิพลอยู่ในยุคนั้นทำให้เธอหวังอยากเข้ามาอยู่ในเมืองเริ่ดๆ อย่างนิวยอร์ค มีฝันแบบอเมริกันดรีมที่จะมีบ้านสวยๆ สักหลัง มีเพื่อนคูลๆ-ซึ่งก็เป็นปกติของวัยรุ่นทั้งโลกทุกยุคสมัย-มีคนในครอบครัวเจ๋งๆ แต่ก็เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วทั้งโลกนั่นแหละที่ทะเลาะกับพ่อแม่ตัวเอง ความสัมพันธ์แบบรักมากและรำคาญมากจึงดำเนินไปตั้งแต่ต้นจนจบระหว่างเธอกับ แมเรียน แม่ผู้จู้จี้และพร่ำบ่นไม่หยุด เรารำคาญเลดี เบิร์ดแต่ก็เข้าใจเธอมากเหมือนกัน จนรู้สึกเจ็บกับฉากที่เธอพังทลายนั่นได้
ตัวละครสองแม่ลูกนั่งฟังเทปคนอ่าน 'ผลพวงแห่งความคับแค้น' (The Grapes of Wrath) ของ จอห์น สไตน์เบ็ค เรื่องราวของชาวอเมริกันชนชั้นแรงงานที่ต้องเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจเน่าเฟะ บ้านจะถูกยึด ชีวิตประเคนกำปั้นหนักหน่วง จนเรารู้สึกว่าก็คงเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องใช้เรื่องนี้มาเปิดหนังอันว่าด้วยชาวอเมริกันในยุคที่ผันผวนแบบนี้แหละ
.
อย่างไรก็ดี เรารักหนังเรื่องนี้มากๆ มีฉากน้ำตาซึมหลายครั้ง โดยเฉพาะฉากที่แมเรียนขับรถห่างไกลออกไป ลอรีน เม็ตคลาฟ เล่นได้ดีแบบต้องกราบ รู้สึกว่าเธอคือมนุษย์แม่ร่างต้นแบบที่ทั้งน่ารักและน่ารำคาญมากจริงๆ และอีกคนที่เรารักมากคือ บีนี เฟลดสไตน์ ในบทเพื่อนรักของเลดี เบิร์ด คือพอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกเลอะเทอะดี ไม่ใช่ตัวละครสาวขี้แพ้หรือคนนอกอะไรขนาดนั้น แค่มันไม่ป๊อปเฉยๆ และคงเพราะมันเป็นสาวค่าเฉลี่ยแบบนี้ก็เลยรีเลตกับเราได้ง่ายด้วยส่วนหนึ่ง
.
บรรยากาศประเทศไทยตอนช่วงปีนั้นเป็นยังไงจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ 2002 เป็นปีที่สหรัฐฯ ถล่มอิรักอย่างเต็มกำลังทุกช่องทางและกลายเป็นบาดแปลใหญ่ในอีกหลายปี ขณะที่ไทยเอง เป็นปีที่ทักษิณดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ ก่อนที่อีกสี่ปีต่อมาจะถูกรัฐประหารในที่สุด
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
(Review + บทวิเคราะห์) Lady Bird บทบันทึกการข้ามผ่านวัยของสาวน้อยที่ชื่อประเทศอเมริกา... และบางทีอาจจะไทยด้วย (?)
คริสติน "เลดี เบิร์ด" คือชื่อของเธอ (รับบทโดย เซอร์เชอร์ โรแนน ซึ่งเล่นได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ) เธออยู่ในซาคราเมนโต เมืองเล็กๆ เชยๆ ในครอบครัวปากกัดตีนถีบ พ่อผู้เป็นรายได้หลัก แม่ขี้บ่น พี่ชายและแฟนสาวลุคสุดพังค์ ฯลฯ ปี 2002 กำลังจะทำให้เลดี เบิร์ดเป็นบ้าเพราะเธอเบื่อและอยากแหกทุกกรอบกรงในชีวิต โบยบินไปหาชีวิตอื่นที่ดีและใหม่ยิ่งกว่าในเมืองที่ใหญ่กว่านี้ วิธีเดียวคือต้องสอบให้ติดมหาวิทยาลัยดังและอยู่ในนิวยอร์คให้ได้... แม้ว่าเธอจะหัวไม่ดีเอาเลยก็ตาม
อเมริกาก่อนเกิดเหตุ 911 คือเด็กสาวซื่อๆ ในสังคมเล็กแคบก่อนชีวิตจะประเคนมือประเคนเท้ามาให้เติบโต ปี 2002 ในเรื่องคือหลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ทำให้สหรัฐฯ เป็นศัตรูกับตะวันออกกลางเพียงปีเดียว มันส่งผลสะเทือนต่ออเมริกาในระดับประวัติศาสตร์ ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติต่อโลกและชีวิต ขณะที่ในระดับปัจเจก มันทำให้คนวัยกลางคนตกงานและทำให้มหาวิทยาลัยในนิวยอร์กแทบไม่มีคนกล้าสมัครเข้าไปเพราะกลัวการก่อการร้ายจนเปิดโอกาสให้เด็กสาวจากบ้านนอก การเรียนก็ไม่ดี ส่งรายชื่อสมัครเข้าไปอย่างมีโอกาสมากพอจะหวังผลได้ มากกว่านั้น ปี 2002 คือโลกก่อนอินเตอร์เน็ตแพร่หลาย เรารู้จักโลกผ่านโทรทัศน์ หนัง และฟอร์เวิร์ดเมล์ การต้านทุนนิยมด้วยท่าทีแบบคอมมิวนิสต์ เช่น แลกของกันแทนใช้เงิน หรือความเชื่อประหลาดๆ อย่างการมวนยาสูบเอง ก็ยังแพร่หลายอยู่มากแม้จะฟังดูประหลาดมากแค่ไหนก็ตาม
.
เราไม่แปลกใจที่หลายคนจะรีเลตกับหนังและตัว เลดี เบิร์ด เพราะแม้มันจะได้คนสวยระดับ เซอเชอร์ โรแนน มาเล่น แต่มันก็เป็นบทที่ไม่เรียกร้องความสวยนัก เราจึงเห็นเธอเป็นเด็กสาวเด๋อๆ แถมยังเป็นสิวผดขึ้นทั้งหน้า เต็มไปด้วยความมั่นใจในขณะเดียวกันก็หวั่นระแวง นิตยสารไฮแฟชั่นซึ่งยังทรงอิทธิพลอยู่ในยุคนั้นทำให้เธอหวังอยากเข้ามาอยู่ในเมืองเริ่ดๆ อย่างนิวยอร์ค มีฝันแบบอเมริกันดรีมที่จะมีบ้านสวยๆ สักหลัง มีเพื่อนคูลๆ-ซึ่งก็เป็นปกติของวัยรุ่นทั้งโลกทุกยุคสมัย-มีคนในครอบครัวเจ๋งๆ แต่ก็เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วทั้งโลกนั่นแหละที่ทะเลาะกับพ่อแม่ตัวเอง ความสัมพันธ์แบบรักมากและรำคาญมากจึงดำเนินไปตั้งแต่ต้นจนจบระหว่างเธอกับ แมเรียน แม่ผู้จู้จี้และพร่ำบ่นไม่หยุด เรารำคาญเลดี เบิร์ดแต่ก็เข้าใจเธอมากเหมือนกัน จนรู้สึกเจ็บกับฉากที่เธอพังทลายนั่นได้
ตัวละครสองแม่ลูกนั่งฟังเทปคนอ่าน 'ผลพวงแห่งความคับแค้น' (The Grapes of Wrath) ของ จอห์น สไตน์เบ็ค เรื่องราวของชาวอเมริกันชนชั้นแรงงานที่ต้องเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจเน่าเฟะ บ้านจะถูกยึด ชีวิตประเคนกำปั้นหนักหน่วง จนเรารู้สึกว่าก็คงเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องใช้เรื่องนี้มาเปิดหนังอันว่าด้วยชาวอเมริกันในยุคที่ผันผวนแบบนี้แหละ
.
อย่างไรก็ดี เรารักหนังเรื่องนี้มากๆ มีฉากน้ำตาซึมหลายครั้ง โดยเฉพาะฉากที่แมเรียนขับรถห่างไกลออกไป ลอรีน เม็ตคลาฟ เล่นได้ดีแบบต้องกราบ รู้สึกว่าเธอคือมนุษย์แม่ร่างต้นแบบที่ทั้งน่ารักและน่ารำคาญมากจริงๆ และอีกคนที่เรารักมากคือ บีนี เฟลดสไตน์ ในบทเพื่อนรักของเลดี เบิร์ด คือพอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกเลอะเทอะดี ไม่ใช่ตัวละครสาวขี้แพ้หรือคนนอกอะไรขนาดนั้น แค่มันไม่ป๊อปเฉยๆ และคงเพราะมันเป็นสาวค่าเฉลี่ยแบบนี้ก็เลยรีเลตกับเราได้ง่ายด้วยส่วนหนึ่ง
.
บรรยากาศประเทศไทยตอนช่วงปีนั้นเป็นยังไงจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ 2002 เป็นปีที่สหรัฐฯ ถล่มอิรักอย่างเต็มกำลังทุกช่องทางและกลายเป็นบาดแปลใหญ่ในอีกหลายปี ขณะที่ไทยเอง เป็นปีที่ทักษิณดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ ก่อนที่อีกสี่ปีต่อมาจะถูกรัฐประหารในที่สุด
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/