สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วย ก็ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ
คือขอเล่าก่อนนะคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ราวๆตั้งแต่ม.2(ปัจจุบันเราม.4) คือตอนนั้นเรามีปัญหากับเพื่อนทั้งห้องเลย ซึ่งมันก็เกิดจากความผิดพลาดของเราเองนั้นแหละ ทำให้เรารู้สึกว่าเพื่อนทั้งห้องแบนเรา เราไม่มีเพื่อนสนิทสักคนเลยตอนนั้น นอกจากก็มีปัญหาอื่นๆตามมาเป็นขบวนแบบทุกอย่างมันdownไปหมดเลยเรียกว่าเป็นจุดต่ำสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ช่วงนั้นเราร้องไห้ทุกวันแบบมีเรื่องอะไรนิดๆหน่อยๆมาสะกิดหน่อยเราก็ร้องแล้ว แต่ยังดีหน่อยที่ตอนนั้นครอบครัวยังพึ่งได้(เขาเกือบจะได้พาเราไปหาหมอแล้วแต่ก็มีเรื่องนู้นเรื่องนี่เข้าแทรกตลอดเลยไม่ได้ไปสักที)บวกกับเราก็พยายามฮีลตัวเองด้วย กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้คือเราเปลี่ยนตัวเองไปเยอะมาก แต่ที่เห็นได้ชัดๆเลยคือเราแคร์เพื่อนน้อยลง ช่างแ_่งกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเยอะขึ้น และแคร์ครอบครัวมากขึ้น...แต่มันก็ยังอาการตกค้างอยู่หลายอย่าง เช่น ความมั่นใจบางส่วนหายไป เรามักจะคิดมากกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่ เรามักจะกังวลว่าสายตาคนอื่นที่เขามองเราเป็นไงและเรามักจะพยายามสร้างภาพลักษ์แบบที่เราอยากให้คนอื่นเห็นเราเป็นขี้นมา...เรามักจะกลัวที่จะกลับไปทักเพื่อนเก่ามากกว่าเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน คือเราทำตัวไม่ถูก เราไม่รู้ว่าเรายังสามารถพูดคุยกับพวกเขาเหมือนเดิมได้มั้ย ยิ่งเพื่อนผู้ชายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ พอขึ้นมัธยมมาเราก็เข้าโรงเรียนสตรี มันวางตัวไม่ถูกจริงๆ(แต่พอขึ้นม.4มาเรามีเพื่อนผู้ชายบ้างแล้วก็ปรับตัวได้อยู่) ดูเหมือนทุกอย่างมันจะดีขึ้นใช่ไหมคะ? แต่เปล่าเลย ที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้ เรามีปัญหากับครอบครัวบ่อยส่วนมากก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ คือเหมือนเราแคร์เขามากไง พอมีเรื่องนิดๆหน่อยๆเราก็น้อยใจแล้วแอบหนีไปร้องไห้คนเดียวเขาไม่รู้หรอก เช่น แบบวันนี้อ่ะเราทำตัวดีทั้งวันเลยแต่เราดันทำเรื่องเล็กๆน้อยๆพลาดจนถูกว่าเราก็จะจิตตกไปเลย บวกกับตอนนี้แม่(ในบ้านเราจะแคร์แม่มากที่สุดแล้ว)เราเป็นไทรอยด์ด้วยคือนางจะบ่นว่าร้อนตลอดแล้วจะหงุดหงิดง่ายอารมณ์แปรปรวน เราก็พยายามทำตัวเป็นเด็กดีให้ท่านพอใจนะแต่บางทีมันก็ขีดจำกัดเหมือนกัน เช่น
"เราจะซื้อครีมล้างหนัาตัวนี้แต่แม่บอกให้เอาอีกตัวที่ราคาถูกกว่าแต่เราอยากใช้ตัวนี้ไง แม่เลยยืนกรานว่าถ้าจะซื้อตัวนี้แม่จะไม่จ่ายเงินให้ เราก็โอเคจ่ายเงินเองก็ได้ แม่เราก็ไม่พอใจเราก็ว่าเราไม่เชื่อฟังแม่ แล้วก็ไม่พูดกับเราตลอดขากลับบ้าน" แล้วคือมันอยู่ในรถยนต์ไงคะ มันอึดอัดมาก เราก็ปล่อยโฮกเลยค่ะ คือความรู้สึกนั้นไม่ใช่ว่าเสียใจที่แม่ไม่พูดด้วยนะ แต่แบบมันเป็นความน้อยใจปนเสียใจที่เราไม่มีสิทธิในตัวเลือกของเราเลย...แล้วไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรก เราเกือบจะฆ่าตัวตายแล้วด้วยจากเหตุการณ์นี้ แบบความทรงจำเก่าๆทำนองนี้มันย้อนกลับมาหมดเลยไง มันทำให้เรารู้สึกว่าเออ ถ้าไม่สิทธิเลือกในชีวิตขนาดนี้ตายๆไปกว่าดีกว่า หลังถึงบ้านแม่ก็ลงรถไปดับรถอะไรเรียบร้อยแต่เราก็ไม่ลงค่ะ ใจเรากะให้ขาดอากาศตายในรถประชดแม่ไปเลย(ตอนนั้นข่าวที่ตายในรถกำลังปังเลยช่วงนั้น) ชั่วโมงครึ่ง...ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราร้อนก็เลยออกมาเอง... อีกเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆเลยคือแม่มักจะไม่เชื่อว่าเราป่วย ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือใช่ เมื่อก่อนเราจะเป็นเด็กแข็งแรงไงค่ะ(เป็นอีสุกอีใสยังมีแค่ตุ่มขึ้นตามตามแค่นั้นไม่มีไข้ไม่เป็นอะไร) ถ้าเราบอกว่าป่วยแม่ก็มักจะมองว่าขี้เกียจไปโรงเรียน พอโตมาแม่ก็มองเป็นว่าเรามีปัญหากับเพื่อนเลยไม่อยากไปโรงเรียน(ล่าสุด)แต่คือมันก็ไม่มีไง(ถ้าเราปวดหัวแม่ก็จะบอกว่าเพราะเราเล่นมือถือมากยอมรับนะว่ามีปัญหาเรื่องสายตาแต่ก็บับ...) เราก็เลยมักจะน้อยใจแม่ที่ไม่ค่อยเชื่อเรา คือบางทีเราก็ป่วยหนักจริงๆไง นางก็ยังชอบลากเราไปนู้นไปนี่แล้วพอเราแสดงท่าทางหงุดหงิด(หรือบางทีก็น้ำตาร่วง)นางก็จะไม่พอใจ แล้วก็เป็นเราที่ต้องตามง้อตลอด(คือเรื่องหลายเรื่องที่เราเถียงจนชนะนะแต่ถ้าสุดท้ายแม่ง้อแล้วเดินหนีไม่พูดด้วยสุดท้ายเราก็ต้องตามง้ออยู่ดี) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรากับแม่จะไม่เคยเปิดอกคุยกันนะ เราทำ มันก็โอเคแหละ...ตอนนี้กลายเป็นว่าครอบครัวเราแต่ละคนมีที่เป็นของตัวเองคนละที ถ้าไม่พอใจอะไรกันก็แค่เงียบแล้วแล้วต่างคนต่างอยู่สักพัก กลับสู่สภาวะปกติแล้วเราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ข้อดีคือเราทะเลาะกันน้อยลงเพราะไม่ค่อยได้คุยกัน คือว่ากันตามตรงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แต่แค่เรารู้สึกว่าเมื่อก่อนครอบครัวเราอบอุ่นมากกว่านี้เท่านั้นเอง แต่ปัญหาตอนนี้คือตัวเราเองค่ะ...เรารู้สึกว่าตัวเองตอนนี้เริ่มร้าว เราเริ่มร้องไห้แบบไม่รู้สึกอะไรเลยคือ...เรามักจะบอกกับตัวเองว่าเราต้องแกร่งกว่านี้ มันแค่เรื่องเล็กน้อยเอง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนสะกดจิตตัวเองอ่ะคะ แต่ผลตอนนี้คือเราร้องไห้...แบบน้ำตามันมาไวกว่าความรู้สึกอ่ะคะ คือในความคิดเราถ้าโดนว่าเรื่องนี้มันก็เฉยๆนะทนได้อยู่แต่น้ำตานี่เอ่อขึ้นมาแล้ว บางทีนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ดีๆไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเองสะงั้น แล้วก็รู้สึกว่าอารมณ์เราค่อนข้างรุนแรง จากที่สังเกตตัวเองคือเรามักจะแสดงมันออกมาทางสายตา กรอกตามองบน ขวางตามอง บางวันก็หงุดหงิดไปหมดเลย หรือไม่บางวันก็downไปเลย ใส่หูฟังแบบไม่สนโลกงี้อ่ะค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสมาธิสั้นขึ้นทุกวัน แต่ในสายตาคนอื่นเราก็ยังร่าเริงและเด๋อๆอยู่เหมือนทุกๆวัน แต่ข้างในน่ะ...เรากลัวค่ะ กลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ขึ้นมา เราเลยอยากไปหมอแบบจริงๆจังๆเพื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เคยพยายามบอกเขาให้พาไปนะคะแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ ควรจะพูดกับพ่อแม่ยังไงดีให้ได้ผลคะ?
อยากไปพบจิตแพทย์แบบจริงจังควรบอกพ่อแม่ยังไงดีคะ?
คือขอเล่าก่อนนะคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ราวๆตั้งแต่ม.2(ปัจจุบันเราม.4) คือตอนนั้นเรามีปัญหากับเพื่อนทั้งห้องเลย ซึ่งมันก็เกิดจากความผิดพลาดของเราเองนั้นแหละ ทำให้เรารู้สึกว่าเพื่อนทั้งห้องแบนเรา เราไม่มีเพื่อนสนิทสักคนเลยตอนนั้น นอกจากก็มีปัญหาอื่นๆตามมาเป็นขบวนแบบทุกอย่างมันdownไปหมดเลยเรียกว่าเป็นจุดต่ำสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ช่วงนั้นเราร้องไห้ทุกวันแบบมีเรื่องอะไรนิดๆหน่อยๆมาสะกิดหน่อยเราก็ร้องแล้ว แต่ยังดีหน่อยที่ตอนนั้นครอบครัวยังพึ่งได้(เขาเกือบจะได้พาเราไปหาหมอแล้วแต่ก็มีเรื่องนู้นเรื่องนี่เข้าแทรกตลอดเลยไม่ได้ไปสักที)บวกกับเราก็พยายามฮีลตัวเองด้วย กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้คือเราเปลี่ยนตัวเองไปเยอะมาก แต่ที่เห็นได้ชัดๆเลยคือเราแคร์เพื่อนน้อยลง ช่างแ_่งกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเยอะขึ้น และแคร์ครอบครัวมากขึ้น...แต่มันก็ยังอาการตกค้างอยู่หลายอย่าง เช่น ความมั่นใจบางส่วนหายไป เรามักจะคิดมากกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่ เรามักจะกังวลว่าสายตาคนอื่นที่เขามองเราเป็นไงและเรามักจะพยายามสร้างภาพลักษ์แบบที่เราอยากให้คนอื่นเห็นเราเป็นขี้นมา...เรามักจะกลัวที่จะกลับไปทักเพื่อนเก่ามากกว่าเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน คือเราทำตัวไม่ถูก เราไม่รู้ว่าเรายังสามารถพูดคุยกับพวกเขาเหมือนเดิมได้มั้ย ยิ่งเพื่อนผู้ชายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ พอขึ้นมัธยมมาเราก็เข้าโรงเรียนสตรี มันวางตัวไม่ถูกจริงๆ(แต่พอขึ้นม.4มาเรามีเพื่อนผู้ชายบ้างแล้วก็ปรับตัวได้อยู่) ดูเหมือนทุกอย่างมันจะดีขึ้นใช่ไหมคะ? แต่เปล่าเลย ที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้ เรามีปัญหากับครอบครัวบ่อยส่วนมากก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ คือเหมือนเราแคร์เขามากไง พอมีเรื่องนิดๆหน่อยๆเราก็น้อยใจแล้วแอบหนีไปร้องไห้คนเดียวเขาไม่รู้หรอก เช่น แบบวันนี้อ่ะเราทำตัวดีทั้งวันเลยแต่เราดันทำเรื่องเล็กๆน้อยๆพลาดจนถูกว่าเราก็จะจิตตกไปเลย บวกกับตอนนี้แม่(ในบ้านเราจะแคร์แม่มากที่สุดแล้ว)เราเป็นไทรอยด์ด้วยคือนางจะบ่นว่าร้อนตลอดแล้วจะหงุดหงิดง่ายอารมณ์แปรปรวน เราก็พยายามทำตัวเป็นเด็กดีให้ท่านพอใจนะแต่บางทีมันก็ขีดจำกัดเหมือนกัน เช่น
"เราจะซื้อครีมล้างหนัาตัวนี้แต่แม่บอกให้เอาอีกตัวที่ราคาถูกกว่าแต่เราอยากใช้ตัวนี้ไง แม่เลยยืนกรานว่าถ้าจะซื้อตัวนี้แม่จะไม่จ่ายเงินให้ เราก็โอเคจ่ายเงินเองก็ได้ แม่เราก็ไม่พอใจเราก็ว่าเราไม่เชื่อฟังแม่ แล้วก็ไม่พูดกับเราตลอดขากลับบ้าน" แล้วคือมันอยู่ในรถยนต์ไงคะ มันอึดอัดมาก เราก็ปล่อยโฮกเลยค่ะ คือความรู้สึกนั้นไม่ใช่ว่าเสียใจที่แม่ไม่พูดด้วยนะ แต่แบบมันเป็นความน้อยใจปนเสียใจที่เราไม่มีสิทธิในตัวเลือกของเราเลย...แล้วไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรก เราเกือบจะฆ่าตัวตายแล้วด้วยจากเหตุการณ์นี้ แบบความทรงจำเก่าๆทำนองนี้มันย้อนกลับมาหมดเลยไง มันทำให้เรารู้สึกว่าเออ ถ้าไม่สิทธิเลือกในชีวิตขนาดนี้ตายๆไปกว่าดีกว่า หลังถึงบ้านแม่ก็ลงรถไปดับรถอะไรเรียบร้อยแต่เราก็ไม่ลงค่ะ ใจเรากะให้ขาดอากาศตายในรถประชดแม่ไปเลย(ตอนนั้นข่าวที่ตายในรถกำลังปังเลยช่วงนั้น) ชั่วโมงครึ่ง...ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราร้อนก็เลยออกมาเอง... อีกเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆเลยคือแม่มักจะไม่เชื่อว่าเราป่วย ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือใช่ เมื่อก่อนเราจะเป็นเด็กแข็งแรงไงค่ะ(เป็นอีสุกอีใสยังมีแค่ตุ่มขึ้นตามตามแค่นั้นไม่มีไข้ไม่เป็นอะไร) ถ้าเราบอกว่าป่วยแม่ก็มักจะมองว่าขี้เกียจไปโรงเรียน พอโตมาแม่ก็มองเป็นว่าเรามีปัญหากับเพื่อนเลยไม่อยากไปโรงเรียน(ล่าสุด)แต่คือมันก็ไม่มีไง(ถ้าเราปวดหัวแม่ก็จะบอกว่าเพราะเราเล่นมือถือมากยอมรับนะว่ามีปัญหาเรื่องสายตาแต่ก็บับ...) เราก็เลยมักจะน้อยใจแม่ที่ไม่ค่อยเชื่อเรา คือบางทีเราก็ป่วยหนักจริงๆไง นางก็ยังชอบลากเราไปนู้นไปนี่แล้วพอเราแสดงท่าทางหงุดหงิด(หรือบางทีก็น้ำตาร่วง)นางก็จะไม่พอใจ แล้วก็เป็นเราที่ต้องตามง้อตลอด(คือเรื่องหลายเรื่องที่เราเถียงจนชนะนะแต่ถ้าสุดท้ายแม่ง้อแล้วเดินหนีไม่พูดด้วยสุดท้ายเราก็ต้องตามง้ออยู่ดี) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรากับแม่จะไม่เคยเปิดอกคุยกันนะ เราทำ มันก็โอเคแหละ...ตอนนี้กลายเป็นว่าครอบครัวเราแต่ละคนมีที่เป็นของตัวเองคนละที ถ้าไม่พอใจอะไรกันก็แค่เงียบแล้วแล้วต่างคนต่างอยู่สักพัก กลับสู่สภาวะปกติแล้วเราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ข้อดีคือเราทะเลาะกันน้อยลงเพราะไม่ค่อยได้คุยกัน คือว่ากันตามตรงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แต่แค่เรารู้สึกว่าเมื่อก่อนครอบครัวเราอบอุ่นมากกว่านี้เท่านั้นเอง แต่ปัญหาตอนนี้คือตัวเราเองค่ะ...เรารู้สึกว่าตัวเองตอนนี้เริ่มร้าว เราเริ่มร้องไห้แบบไม่รู้สึกอะไรเลยคือ...เรามักจะบอกกับตัวเองว่าเราต้องแกร่งกว่านี้ มันแค่เรื่องเล็กน้อยเอง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนสะกดจิตตัวเองอ่ะคะ แต่ผลตอนนี้คือเราร้องไห้...แบบน้ำตามันมาไวกว่าความรู้สึกอ่ะคะ คือในความคิดเราถ้าโดนว่าเรื่องนี้มันก็เฉยๆนะทนได้อยู่แต่น้ำตานี่เอ่อขึ้นมาแล้ว บางทีนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ดีๆไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเองสะงั้น แล้วก็รู้สึกว่าอารมณ์เราค่อนข้างรุนแรง จากที่สังเกตตัวเองคือเรามักจะแสดงมันออกมาทางสายตา กรอกตามองบน ขวางตามอง บางวันก็หงุดหงิดไปหมดเลย หรือไม่บางวันก็downไปเลย ใส่หูฟังแบบไม่สนโลกงี้อ่ะค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสมาธิสั้นขึ้นทุกวัน แต่ในสายตาคนอื่นเราก็ยังร่าเริงและเด๋อๆอยู่เหมือนทุกๆวัน แต่ข้างในน่ะ...เรากลัวค่ะ กลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ขึ้นมา เราเลยอยากไปหมอแบบจริงๆจังๆเพื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เคยพยายามบอกเขาให้พาไปนะคะแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ ควรจะพูดกับพ่อแม่ยังไงดีให้ได้ผลคะ?