รีวิว Maze Runner : The Death Cure (คะแนน 7/10)
รู้สึกเฉยๆกับภาคนี้ แต่ถ้าเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาด..
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
ปิดฉากไตรภาคหนังแฟรนไชส์ดังอย่าง Maze Runner ที่ได้ "วิ่ง" กันมาถึงภาคสุดท้ายแล้ว กับภาค The Death Cure : ไข้มรณะ หลังเปิดตัวภาคแรกไปตั้งแต่ปี 2014 กับ The Maze Runner : วงกตมฤตยู และภาคต่อมาทันทีในปี 2015 กับ Maze Runner : The Scorch Trials สมรภูมิมอดไหม้
โดยส่วนตัวผมแล้ว เคยดูแต่ภาคแรกเมื่อปี 2014 เท่านั้น แล้วก็กระโดดข้ามมาดูภาคปัจจุบันนี้เลย การรีวิวนี้เลยเป็นมุมมองของคนที่ได้ดูเพียงแค่ภาคแรก และไม่ได้รู้เรื่องราวในส่วนของภาคสองใดๆเลย ซึ่งต้องบอกว่า ก็พอดูรู้เรื่องในระดับหนึ่ง เพราะมีพื้นฐานการรู้จักตัวละครมาบ้างแล้ว แต่มันจะขาดส่วนสำคัญบางอย่างในภาค 2 ไป ทางผู้กำกับก็ใจดีใส่เนื้อหาให้มีพูดถึงเรื่องราวในภาคก่อนๆลงไปในหนัง สำหรับคนที่หลงเข้ามาดูตามแฟน ตามกิ๊กให้พอเข้าใจบ้าง
ส่วนคนที่ไม่เคยดูทั้งสองภาคก่อนหน้ามาก่อนเลย คุณอาจจะดูรู้เรื่องกับภารกิจที่กลุ่มพระเอกทำในภาคนี้ แต่จะไม่รู้ที่มาที่ไป ความสัมพันธ์ของตัวละคร การตัดสินใจทำอะไรที่ดูโง่ๆ และทำให้เสียอรรถรสไปเยอะครับ เพราะฉะนั้น..จึงอยากแนะนำว่าถ้าคุณคิดจะไปดู The Death Cure ภาคนี้จริงๆ ขอแนะนำให้ย้อนไปดูภาคก่อนๆทั้งสองภาคเสียก่อน แล้วคุณจะสนุกและอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครมากขึ้นครับ
เรื่องย่อ แบบพยายามจะย่อที่สุดแล้ว >.< คือกลุ่มพระเอกนั้นเคยถูกองค์กรหนึ่งจับตัวมาทดลองในสถานที่ปิดอยู่ในกำแพงยักษ์ และมีทางออกคือเขาวงกตที่สุดแสนจะลึกลับเหลือคณา แต่ด้วยสกิลพระเอกของพวกพี่แก เลยทำให้หลุดออกมาได้ และได้รู้ว่าพวกตนนั้นถูกนำมาทดลอง เผื่อค้นหาบุคคลที่ร่างกายสามารถผลิตเซรุ่มฆ่าเชื้อที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ได้ โดยที่องค์กรนั้นเห็นว่ามนุษย์ที่ถูกจับมา เป็นเพียง "สินค้า" เท่านั้น
แต่เราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป พวกพระเอกซึ่งอาจจะเคยวิ่งมาแล้วพอๆกับพี่ตูนในสองภาคที่ผ่านมา จึงพยายามหนีจากการตามล่าขององค์กรนี้ แต่เจ้ากรรมเพื่อนดันโดนจับตัวไป (คาดว่าเกิดขึ้นในภาค 2) ภาคนี้เลยต้องทำภารกิจเสี่ยงตาย วอนเซย์ฮายยมทูต เข้าไปช่วยเพื่อนที่โดนจับไปในตึกที่มีการคุ้มกันแน่นหนาสุดๆ!!
จุดที่ชอบและไม่ชอบในหนังเรื่องนี้.. หนังเปิดตัวได้น่าสนใจ แค่เปิดเรื่องมา 15 นาทีแรกก็ลุ้นกันมันส์ตัวโก่งแล้ว แต่สักพักก็ดรอปลงไปเรื่อยๆ หนังใช้เวลาไปกับการดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก จนล่วงเลยเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนัง ที่ปล่อยของกันสุดฤทธิ์สุดเดช เน้นแอคชั่นมันส์กระจาย เลยเป็นจุดเดียวของหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกชอบพออยู่บ้าง
โดยภาพรวม ส่วนตัวค่อนข้างๆเฉยๆกับหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีอะไรให้ร้อง "ว้าว" เลยตลอดความยาวหนัง 140 นาที แต่ก็ไม่ได้รู้สึก "ไม่ชอบ" แต่อย่างใด พอจะดูเอามันส์ได้บ้าง คิดว่าถ้าใครเป็นแฟนคลับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ ระดับอยากซื้อบัตรจับมือกับเหล่าตัวเอก #เดี๋ยวนะ #มันใช่หรอ!! คิดว่ายังไงก็ควรไปดูบทสรุป การปิดไตรภาคของหนังแฟรนไชส์ดังเรื่องนี้ครับ
สรุป.. ส่วนตัวเฉยๆมาก อาจเป็นเพราะไม่ถูกจริตกับการนำเสนอ ยังไงก็ลองดูรีวิวของท่านอื่นๆประกอบการตัดสินใจกันดูครับ ^_____^
“รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองในโรงหนังดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^”
.
.
.
Facebook : ก็แค่คนชอบดูหนัง
[CR] [ก็แค่คนชอบดูหนัง] Maze Runner : The Death Cure โทมัส รักเพื่อน รักการวิ่ง เลยบู๊กระจายเลยครับ.. [**No Spoil]
รู้สึกเฉยๆกับภาคนี้ แต่ถ้าเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาด..
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
ปิดฉากไตรภาคหนังแฟรนไชส์ดังอย่าง Maze Runner ที่ได้ "วิ่ง" กันมาถึงภาคสุดท้ายแล้ว กับภาค The Death Cure : ไข้มรณะ หลังเปิดตัวภาคแรกไปตั้งแต่ปี 2014 กับ The Maze Runner : วงกตมฤตยู และภาคต่อมาทันทีในปี 2015 กับ Maze Runner : The Scorch Trials สมรภูมิมอดไหม้
โดยส่วนตัวผมแล้ว เคยดูแต่ภาคแรกเมื่อปี 2014 เท่านั้น แล้วก็กระโดดข้ามมาดูภาคปัจจุบันนี้เลย การรีวิวนี้เลยเป็นมุมมองของคนที่ได้ดูเพียงแค่ภาคแรก และไม่ได้รู้เรื่องราวในส่วนของภาคสองใดๆเลย ซึ่งต้องบอกว่า ก็พอดูรู้เรื่องในระดับหนึ่ง เพราะมีพื้นฐานการรู้จักตัวละครมาบ้างแล้ว แต่มันจะขาดส่วนสำคัญบางอย่างในภาค 2 ไป ทางผู้กำกับก็ใจดีใส่เนื้อหาให้มีพูดถึงเรื่องราวในภาคก่อนๆลงไปในหนัง สำหรับคนที่หลงเข้ามาดูตามแฟน ตามกิ๊กให้พอเข้าใจบ้าง
ส่วนคนที่ไม่เคยดูทั้งสองภาคก่อนหน้ามาก่อนเลย คุณอาจจะดูรู้เรื่องกับภารกิจที่กลุ่มพระเอกทำในภาคนี้ แต่จะไม่รู้ที่มาที่ไป ความสัมพันธ์ของตัวละคร การตัดสินใจทำอะไรที่ดูโง่ๆ และทำให้เสียอรรถรสไปเยอะครับ เพราะฉะนั้น..จึงอยากแนะนำว่าถ้าคุณคิดจะไปดู The Death Cure ภาคนี้จริงๆ ขอแนะนำให้ย้อนไปดูภาคก่อนๆทั้งสองภาคเสียก่อน แล้วคุณจะสนุกและอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครมากขึ้นครับ
เรื่องย่อ แบบพยายามจะย่อที่สุดแล้ว >.< คือกลุ่มพระเอกนั้นเคยถูกองค์กรหนึ่งจับตัวมาทดลองในสถานที่ปิดอยู่ในกำแพงยักษ์ และมีทางออกคือเขาวงกตที่สุดแสนจะลึกลับเหลือคณา แต่ด้วยสกิลพระเอกของพวกพี่แก เลยทำให้หลุดออกมาได้ และได้รู้ว่าพวกตนนั้นถูกนำมาทดลอง เผื่อค้นหาบุคคลที่ร่างกายสามารถผลิตเซรุ่มฆ่าเชื้อที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ได้ โดยที่องค์กรนั้นเห็นว่ามนุษย์ที่ถูกจับมา เป็นเพียง "สินค้า" เท่านั้น
แต่เราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป พวกพระเอกซึ่งอาจจะเคยวิ่งมาแล้วพอๆกับพี่ตูนในสองภาคที่ผ่านมา จึงพยายามหนีจากการตามล่าขององค์กรนี้ แต่เจ้ากรรมเพื่อนดันโดนจับตัวไป (คาดว่าเกิดขึ้นในภาค 2) ภาคนี้เลยต้องทำภารกิจเสี่ยงตาย วอนเซย์ฮายยมทูต เข้าไปช่วยเพื่อนที่โดนจับไปในตึกที่มีการคุ้มกันแน่นหนาสุดๆ!!
จุดที่ชอบและไม่ชอบในหนังเรื่องนี้.. หนังเปิดตัวได้น่าสนใจ แค่เปิดเรื่องมา 15 นาทีแรกก็ลุ้นกันมันส์ตัวโก่งแล้ว แต่สักพักก็ดรอปลงไปเรื่อยๆ หนังใช้เวลาไปกับการดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก จนล่วงเลยเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนัง ที่ปล่อยของกันสุดฤทธิ์สุดเดช เน้นแอคชั่นมันส์กระจาย เลยเป็นจุดเดียวของหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกชอบพออยู่บ้าง
โดยภาพรวม ส่วนตัวค่อนข้างๆเฉยๆกับหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีอะไรให้ร้อง "ว้าว" เลยตลอดความยาวหนัง 140 นาที แต่ก็ไม่ได้รู้สึก "ไม่ชอบ" แต่อย่างใด พอจะดูเอามันส์ได้บ้าง คิดว่าถ้าใครเป็นแฟนคลับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ ระดับอยากซื้อบัตรจับมือกับเหล่าตัวเอก #เดี๋ยวนะ #มันใช่หรอ!! คิดว่ายังไงก็ควรไปดูบทสรุป การปิดไตรภาคของหนังแฟรนไชส์ดังเรื่องนี้ครับ
สรุป.. ส่วนตัวเฉยๆมาก อาจเป็นเพราะไม่ถูกจริตกับการนำเสนอ ยังไงก็ลองดูรีวิวของท่านอื่นๆประกอบการตัดสินใจกันดูครับ ^_____^
“รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองในโรงหนังดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^”
.
.
.
Facebook : ก็แค่คนชอบดูหนัง