เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา จขกท ต้องไปซ้อมรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านศาลายา เราไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน ผู้หญิง 4 คนผู้ชาย 4 คน ซึ่งคนที่จองห้องพักให้ ก็จะเป็น รุ่นพี่ ที่จบไปแล้ว และเคยมาพักอยู่ เขาก็จะแนะนำที่นี่ให้ เพราะไม่ค่อยไกลจากมหาวิทยาลัยที่พวกเรา ต้องไปซ้อมรับปริญญากัน มากเท่าไร อีกทั้งยังมีของกินมากมาย ซึ่งหาได้ไม่ยาก และสามารถเดินไปได้ ไม่ไกล
ต้องบอกก่อนว่า ผู้ชาย 4 คน ที่ไปด้วยกัน เรียนกันคนละคณะ แต่เราก็จะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะ 1 ใน 4 คน เป็นแฟน กับ เพื่อนของ จขกท เอง ห้องพักที่นี่ ค่อนข้างกว้าง และสะอาดพอสมควร ราคาก็ย่อมเยาว์ ไม่ถูกไม่แพง จนเกินไป เราจองด้วยกันทั้งหมด 4 ห้อง 2 คืน นอนได้ ห้องละ 2 คน หลังจากที่เดินทางมาถึงที่พัก ก็ทำการเช็คอิน เพื่อเข้าห้องพัก เตรียมแบ่งกุญแจกัน และขนของขึ้นห้อง ห้องเราทั้ง 8 คน จะอยู่ชั้น 3 แต่อยู่คนละฝั่งกันนะคะ พวกผู้ชายเค้าก็จะไปอยู่กันอีกฝั่งนึง ส่วนเราผู้หญิง ก็เลือกห้อง ที่อยู่ฝั่งเดียวกัน และห้องติดกัน
ตอนนั้นคือ จขกท ตื่นเต้นมาก คือรู้สึกเหมือนเราได้มาเที่ยวด้วย เพราะเราไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เที่ยว ก็จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่เรากลับหารู้ไม่ว่า มีสิ่งที่ตื่นเต้นกว่านั้น กำลัง รอ เราอยู่...
พวกเราทั้ง 8 คน แยกย้ายกันเข้าห้องใคร ห้องมัน พวกผู้ชายก็จะขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็ตามไป ก่อนจะขึ้นไปเราก็ทำการแบ่งกุญแจห้องกันเรียบร้อย พอประตูลิฟท์เปิด ห้องที่เราได้ จะอยู่หน้าลิฟท์ 1 ห้อง อีกห้อง ก็จะถัดจากห้องหน้าลิฟท์ไป ก็จะอยู่เยื้องๆ หน้าลิฟท์ ทันทีที่ลิฟท์เปิด (ขออนุญาตพูดคำหยาบนะคะ ตามที่เราพูดกับเพื่อน) เรารีบพูดเลยค่ะ ว่า "เห้ย พวก ห้องหน้าลิฟท์กูจองนะ" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา ทั้งๆที่ยังไม่เห็นข้างใน แต่รู้สึกชอบห้องนั้นและอยากนอนห้องนั้น เพื่อนก็ไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เราจะจับคู่นอนกัน ซึ่งก็จะสนิทกันเป็นพิเศษหน่อย แต่จริงๆ แล้วก็คือ สนิทกันหมดทั้ง 4 คนแหละค่ะ แต่เอาเป็นว่าคนที่เรานอนด้วย เราจะสนิทกว่าใครหน่อย ด้วยความที่บ้านเราอยู่ใกล้กันด้วยมั้งคะ ขอแทน ชื่อเพื่อน คนนี้ว่า n แล้วกันค่ะ อีก 2 คน ขอแทนว่า e กับ a
พวกเราทั้ง 4 คน ก็แยกย้ายกันเข้าห้อง เตรียมเก็บสัมภาระ ของตัวเอง e กับ a นางก็เข้าห้องพวกนางไป ส่วนเรากับ n ก็ แยกเข้าห้องตัวเอง จุดเริ่มต้นก็เริ่มจากตรงนี้แหละค่ะ ตั้งแต่ก้าวเข้าไป คือมันไม่ได้มีความรู้สึกว่าหลอน หรือกลัว แต่อย่างใด แต่คือเรา สงสัย เสียมากกว่า ว่า เห้ย ทำไมยุงเยอะจัง คือยุงบินเต็มห้อง และตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น เราก็พูดกับ n ค่ะว่า n ทำไมยุงเยอะจัง แม่บ้านเค้าลืมปิดหน้าต่างรึป่าว n ก็เดินไปสำรวจห้อง เราก็จะนั่งตบยุงอยู่บนที่นอน ซึ่งตอนนี้ มันกัดขาเราลายหมดแล้วค่ะ สักพัก n ก็หันมาหาเรา และตะโกนบอกเราว่า " แม่บ้านลืมปิดหน้าต่างจริงๆด้วยว่ะ" แล้วนางก็เปิดผ้าม่านให้เราดู ซึ่งหน้าต่างห้องจะเป็นแบบบานเลื่อน แน่นอนค่ะว่า แม่บ้านไม่ได้ปิดหน้าต่างจริงๆ
ในใจเราก็คิดนะคะ ว่า รีบอะไรขนาดนั้น หน้าต่างก็ไม่ปิด แถมผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำก็ไม่มี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะห้องที่เราได้ มันสวยมากค่ะคุณ สวยกว่าห้องอื่นๆ แถมทาสีซะด้วย ซึ่งเราก็เดินไปดูห้องของ e กับ a ไม่ได้ทาสีสดใสแบบห้องเรา ห้องพวกผู้ชายก็เหมือนกัน มีแต่ห้องเรานี่แหละค่ะที่ทาสีอยู่ห้องเดียว ถ้าจำไม่ผิด คิดว่า น่าจะเป็น สีเขียว สักพักนึง e กับ a ก็เข้ามานั่งในห้องเรา เรานั่งจับกลุ่มคุยกันที่ปลายเตียง n พูดขึ้นมาว่า "พวก กูมีอะไรจะบอก" แล้ว n ก็เดินไปที่หน้าต่างบานที่บอกกับเรา ว่าป้าแม่บ้าน คงลืมปิด นางเปิดผ้าม่านอีกรอบ แล้วบอกว่า เห็นอะไรไหม คือ e กับ a นางเห็นแล้วนะคะ เพราะนางกำลังอึ้งกัน แต่เราไม่เห็น กำลังบื้ออยู่ 555 เราถามว่า เห็นอะไร ไม่เห็นมีอะไร เพื่อนทุกคนหันมาหาเราโดยพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย e ถามเราว่า ไม่เห็นจริงๆอ่ะ เราก็เพ่งมอง n นางคงรำคาญเราค่ะ นางบอก มองบนขวามือ
คุณพระ!! เราเห็นค่ะ เต็มๆลูกกะตา มันคือ พวงมาลัย! พวงมาลัยแห้งๆที่เหมือนแขวนได้ 2 วันแล้ว คือ เรายอมรับนะคะ ว่าเรากลัว แต่ n นางบอกว่า "กูเห็นตั้งแต่ตอนเปิดม่านครั้งแรกแล้ว ที่มองหาที่มาของยุง" เราก็ตวาดนาง ว่าทำไมไม่บอกแต่แรก นางก็บอกว่า กลัวว่าพวกเราจะกลัวกัน โดยเฉพาะเรา เพราะเรานอนกับ n แต่เราก็พยายามคิดในแง่ดี n ก็จะพยายามจะปลอบใจเรา ว่าไม่มีอะไรหรอก คนมีคนเอามาไหว้ไว้ แล้วคงจะลืมเอาไปทิ้ง หรือคนที่ทำความสะอาดห้อง อาจจะไม่เห็น เลยไม่ได้เก็บไปทิ้ง e กับ a ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราก็ไม่คิดอะไรนะคะ เพราะเราจะมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน 555 พยายามคิดว่าไม่มีอะไรหรอก ทันทีที่บทสนทนาเราจบลง ตู้ที่ไว้ใส่รองเท้า มันดังขึ้น ดัง "ตึงงงงงงงง"
เรื่องเล่า ที่ศาลายา ...
ต้องบอกก่อนว่า ผู้ชาย 4 คน ที่ไปด้วยกัน เรียนกันคนละคณะ แต่เราก็จะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะ 1 ใน 4 คน เป็นแฟน กับ เพื่อนของ จขกท เอง ห้องพักที่นี่ ค่อนข้างกว้าง และสะอาดพอสมควร ราคาก็ย่อมเยาว์ ไม่ถูกไม่แพง จนเกินไป เราจองด้วยกันทั้งหมด 4 ห้อง 2 คืน นอนได้ ห้องละ 2 คน หลังจากที่เดินทางมาถึงที่พัก ก็ทำการเช็คอิน เพื่อเข้าห้องพัก เตรียมแบ่งกุญแจกัน และขนของขึ้นห้อง ห้องเราทั้ง 8 คน จะอยู่ชั้น 3 แต่อยู่คนละฝั่งกันนะคะ พวกผู้ชายเค้าก็จะไปอยู่กันอีกฝั่งนึง ส่วนเราผู้หญิง ก็เลือกห้อง ที่อยู่ฝั่งเดียวกัน และห้องติดกัน
ตอนนั้นคือ จขกท ตื่นเต้นมาก คือรู้สึกเหมือนเราได้มาเที่ยวด้วย เพราะเราไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เที่ยว ก็จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่เรากลับหารู้ไม่ว่า มีสิ่งที่ตื่นเต้นกว่านั้น กำลัง รอ เราอยู่...
พวกเราทั้ง 8 คน แยกย้ายกันเข้าห้องใคร ห้องมัน พวกผู้ชายก็จะขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็ตามไป ก่อนจะขึ้นไปเราก็ทำการแบ่งกุญแจห้องกันเรียบร้อย พอประตูลิฟท์เปิด ห้องที่เราได้ จะอยู่หน้าลิฟท์ 1 ห้อง อีกห้อง ก็จะถัดจากห้องหน้าลิฟท์ไป ก็จะอยู่เยื้องๆ หน้าลิฟท์ ทันทีที่ลิฟท์เปิด (ขออนุญาตพูดคำหยาบนะคะ ตามที่เราพูดกับเพื่อน) เรารีบพูดเลยค่ะ ว่า "เห้ย พวก ห้องหน้าลิฟท์กูจองนะ" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา ทั้งๆที่ยังไม่เห็นข้างใน แต่รู้สึกชอบห้องนั้นและอยากนอนห้องนั้น เพื่อนก็ไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เราจะจับคู่นอนกัน ซึ่งก็จะสนิทกันเป็นพิเศษหน่อย แต่จริงๆ แล้วก็คือ สนิทกันหมดทั้ง 4 คนแหละค่ะ แต่เอาเป็นว่าคนที่เรานอนด้วย เราจะสนิทกว่าใครหน่อย ด้วยความที่บ้านเราอยู่ใกล้กันด้วยมั้งคะ ขอแทน ชื่อเพื่อน คนนี้ว่า n แล้วกันค่ะ อีก 2 คน ขอแทนว่า e กับ a
พวกเราทั้ง 4 คน ก็แยกย้ายกันเข้าห้อง เตรียมเก็บสัมภาระ ของตัวเอง e กับ a นางก็เข้าห้องพวกนางไป ส่วนเรากับ n ก็ แยกเข้าห้องตัวเอง จุดเริ่มต้นก็เริ่มจากตรงนี้แหละค่ะ ตั้งแต่ก้าวเข้าไป คือมันไม่ได้มีความรู้สึกว่าหลอน หรือกลัว แต่อย่างใด แต่คือเรา สงสัย เสียมากกว่า ว่า เห้ย ทำไมยุงเยอะจัง คือยุงบินเต็มห้อง และตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น เราก็พูดกับ n ค่ะว่า n ทำไมยุงเยอะจัง แม่บ้านเค้าลืมปิดหน้าต่างรึป่าว n ก็เดินไปสำรวจห้อง เราก็จะนั่งตบยุงอยู่บนที่นอน ซึ่งตอนนี้ มันกัดขาเราลายหมดแล้วค่ะ สักพัก n ก็หันมาหาเรา และตะโกนบอกเราว่า " แม่บ้านลืมปิดหน้าต่างจริงๆด้วยว่ะ" แล้วนางก็เปิดผ้าม่านให้เราดู ซึ่งหน้าต่างห้องจะเป็นแบบบานเลื่อน แน่นอนค่ะว่า แม่บ้านไม่ได้ปิดหน้าต่างจริงๆ
ในใจเราก็คิดนะคะ ว่า รีบอะไรขนาดนั้น หน้าต่างก็ไม่ปิด แถมผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำก็ไม่มี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะห้องที่เราได้ มันสวยมากค่ะคุณ สวยกว่าห้องอื่นๆ แถมทาสีซะด้วย ซึ่งเราก็เดินไปดูห้องของ e กับ a ไม่ได้ทาสีสดใสแบบห้องเรา ห้องพวกผู้ชายก็เหมือนกัน มีแต่ห้องเรานี่แหละค่ะที่ทาสีอยู่ห้องเดียว ถ้าจำไม่ผิด คิดว่า น่าจะเป็น สีเขียว สักพักนึง e กับ a ก็เข้ามานั่งในห้องเรา เรานั่งจับกลุ่มคุยกันที่ปลายเตียง n พูดขึ้นมาว่า "พวก กูมีอะไรจะบอก" แล้ว n ก็เดินไปที่หน้าต่างบานที่บอกกับเรา ว่าป้าแม่บ้าน คงลืมปิด นางเปิดผ้าม่านอีกรอบ แล้วบอกว่า เห็นอะไรไหม คือ e กับ a นางเห็นแล้วนะคะ เพราะนางกำลังอึ้งกัน แต่เราไม่เห็น กำลังบื้ออยู่ 555 เราถามว่า เห็นอะไร ไม่เห็นมีอะไร เพื่อนทุกคนหันมาหาเราโดยพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย e ถามเราว่า ไม่เห็นจริงๆอ่ะ เราก็เพ่งมอง n นางคงรำคาญเราค่ะ นางบอก มองบนขวามือ
คุณพระ!! เราเห็นค่ะ เต็มๆลูกกะตา มันคือ พวงมาลัย! พวงมาลัยแห้งๆที่เหมือนแขวนได้ 2 วันแล้ว คือ เรายอมรับนะคะ ว่าเรากลัว แต่ n นางบอกว่า "กูเห็นตั้งแต่ตอนเปิดม่านครั้งแรกแล้ว ที่มองหาที่มาของยุง" เราก็ตวาดนาง ว่าทำไมไม่บอกแต่แรก นางก็บอกว่า กลัวว่าพวกเราจะกลัวกัน โดยเฉพาะเรา เพราะเรานอนกับ n แต่เราก็พยายามคิดในแง่ดี n ก็จะพยายามจะปลอบใจเรา ว่าไม่มีอะไรหรอก คนมีคนเอามาไหว้ไว้ แล้วคงจะลืมเอาไปทิ้ง หรือคนที่ทำความสะอาดห้อง อาจจะไม่เห็น เลยไม่ได้เก็บไปทิ้ง e กับ a ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราก็ไม่คิดอะไรนะคะ เพราะเราจะมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน 555 พยายามคิดว่าไม่มีอะไรหรอก ทันทีที่บทสนทนาเราจบลง ตู้ที่ไว้ใส่รองเท้า มันดังขึ้น ดัง "ตึงงงงงงงง"