สวัสดีครับ พอดีว่ามีเรื่องคาใจอยากถามถึงสิ่งที่เจอมาว่ามันคืออะไร เล่าเท้าความก่อนว่าผมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาลัยดังสีชมพูนะครับ เรื่องผีสางอะไรก็ไม่ได้เชื่อมากมาย
มันมีวันหนึ่งตอนช่วงปี 1 ... ทางมหาลัยได้จัดโครงการของนักศึกษาคณะผมให้ไปค่ายอาสาช่วยเหลือโรงเรียนชนบท รายละเอียดกิจกรรมก็จะเป็นการทาสีโรงเรียน สอนหนังสือ ทำสวนหน้าโรงเรียน และทำแปลงผักสวนครัวด้านหลังโรงเรียน ... โรงเรียนที่พวกผมมีโอกาสได้ไปเป็นโรงเรียนวัดที่ใช้ชื่อวัดเป็นชื่อโรงเรียน ประมาณว่า โรงเรียนวัด... ครับ
ผมสมัครไปค่ายนี้กับเพื่อนอีกสามคนรวมทั้งหมดเป็น 4 คน... ทั้งสี่ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องนอกเหนือวิทยาศาสตร์เหมือนกัน (ปกติวัยรุ่นสายวิทย์)
ตอนก่อนจะออกเดินทาง ทางมหาลัยได้จัดรถทัวร์เพื่อพานักศึกษาไปยังโรงเรียนที่ว่า แต่ผมคิดว่าตัวเองอยากกลับบ้านเลยหลังจากจบค่าย ไม่อยากเข้ามหาลัยแล้ววนกลับบ้านอีก เลยขับรถเก๋งไปเองครับ
เมื่อไปถึงก็ได้ทักทายรุ่นพี่ที่ไปค่ายด้วยกันและทางบุคลากรของทางโรงเรียน ผอ.ท่านมารบกวนให้นำรถไปจอดด้านหน้าโรงเรียนใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะว่าเด็กอาจจะเตะฟุตบอลโดนกระจกเอา ผมเลยต้องทำตาม
หลังจากเข้าโรงเรียนไป ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งอาสาพาเราไปเก็บของที่ห้องพักชาย เปิดประตูเข้าไปก็เห็นมุ้งกางเต็มห้องแล้วมีกระเป๋าสัมภาระอยู่ทุกมุ้ง ปล. เรามาสายกว่ารถทัวร์ประมาณ 3 ชั่วโมง รุ่นพี่เลยเลือกที่นอนไปก่อนแล้ว
เมื่อเดินวนดูไปเรื่อยๆเพื่อหามุ้งที่ว่าง ผมก็เห็นมุ้งด้านในสุดที่มุมห้องและอยู่ติดหน้าต่างที่ไม่มีใครจอง ผมเรียกเพื่อนอีกสามคนให้มาดูและจัดแจงเก็บของให้เรียบร้อยก่อนออกไปทำกิจกรรมกัน ในระหว่างที่เก็บของกันอยู่ในมุ้ง ผมก็คุยกับเพื่อนว่า 'ทำไมมุ้งด้านในสุดไม่มีคนจองวะ ตอนกลางคืนไม่ต้องกลัวคนเดินผ่าน แถมติดหน้าต่าง น่าจะเย็นดีด้วย' เพื่อนผมก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
หลังจากที่ทำกิจกรรมสันทนาการณ์จนมืดค่ำ พวกเราก็ไปอาบน้ำนอนกัน
คืนแรกไม่มีอะไร แถมหลับสบายเต็มอิ่มมาก
วันที่สอง พวกผมได้รับหน้าที่เป็นผู้นำสันทนาการตอนเย็น ช่วงกลางวันเลยไม่มีงานอะไรให้ทำ เราเลยไปช่วยเหลือฝ่ายอื่นๆ เช่นทาสี และทำสวนหลังโรงเรียน
เมื่อทำสวนอยู่ถึงเวลาประมาณบ่ายสอง พวกผมสี่คนก็เลยแอบเดินไปพักกัน พวกเราเดินออกจากประตูหลังโรงเรียนแล้วก็พบกับเครื่องออกกำลังกายของเทศบาลอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนพอดี ด้วยความที่ผมและเพื่อนอีกคนชอบออกกำลังกาย ก็เลยตื่นเต้นรีบเดินไปเล่นกันครับ แต่พอพวกเราเลิกคุยเล่นกันแล้วสนใจรอบข้างมากขึ้น ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน
ข้างหน้าผมเป็นถนนเลนสวนเส้นเล็กๆที่กั้นระหว่างโรงเรียนและ ... เจดีย์เก็บโกศครับ
ผมก็สะดุ้งเล็กน้อย รู้สึกเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อะไร เราก็อยู่ส่วนของเรา
เมื่อพักผ่อนได้ประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเราก็เดินกลับเข้ารั้วโรงเรียนเพื่อมาช่วยงานต่อ
ประมาณ 4 โมงเย็น เรื่องมันก็เริ่มแปลกครับ...
รุ่นพี่คนหนึ่งเขาเดินออกไปสูบบุหรี่หลังรั้วโรงเรียน แล้วเขาก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ ผมก็เห็นเขาแต่ก็ไม่ได้ทักอะไรและก้มหน้าลงประชุมฟังเรื่องแปลนสวนกับเพื่อนและพี่ๆคนอื่นต่อ อยู่ดีๆรุ่นพี่คนนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมากลางวงเลยครับ
"เมื่อกี้กูเห็นเด็กผู้ชายที่ดูไม่เต็มเล่นฟิตเนสอยู่ด้านหลังคนเดียว" (ขออนุญาตพูดก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีเจตนาพูดไม่ดีครับแต่นี่เป็นคำพูดที่เขาพูดจริงๆ)
ต่อ... พวกผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็นั่งฟังอธิบายงานต่อ แต่แล้ว... พวกผมทุกคนก็ได้ยินเสียงพร้อมกัน
"ช่วยด้วย"
เสียงร้องครวนครางว่าช่วยด้วยของผู้หญิง ย้ำว่า ของผู้หญิง ดังออกมาจากด้านหลังโรงเรียนหลายครั้งติดกัน เสียงของเขาเย็นและรู้สึกเจ็บปวดมากจนทุกคนขนลุกเลยครับ
ทุกคนมองหน้ากันทั้งหมดยกเว้นแต่รุ่นพี่คนเดิมที่เดินกลับมาเป็นคนสุดท้าย เขาถามทุกคนด้วยสีหน้าเหวอๆว่าเราควรจะออกไปไหม
ผมก็บอกว่าอย่าไปสนใจ ทำงานต่อ (พ่อแม่เคยเล่าเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ให้ฟัง เลยรู้ว่าต้องทำยังไง)
เมื่อเสียงร้องดังได้สักพักหนึ่ง เสียงก็เงียบลง พวกเราก็ทำงานต่อยันมืดแล้วเข้านอนเหมือนเมื่อวาน
วันต่อมาก็ทำกิจกรรมกันตามปกติและไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจนเข้าวันที่ 4 ได้ถ้าผมจำไม่ผิด
คืนวันนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ความเชื่อของผมและเพื่อนเปลี่ยนไปกันหมดเลยครับ
วันนั้นมีงานเลี้ยงหมูกระทะให้สตาร์ฟทั้งหมดที่ลานประชุมในโรงเรียน ทางโรงเรียนได้จัดเตาอังโล้ (ไม่แน่ใจสะกดถูกไหม) มาให้ ประมาณ 20 ชุดได้ และเอาไปตั้งไว้บนพื้นกระเบื้องในลานประชุม
แต่พอจุดไฟก็กลัวว่าจะไปทำกระเบื้องเขาเสีย ก็เลยมีรุ่นพี่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าใคร แต่อย่าให้รู้นะว่าใคร! เขาเอากระดาษ a4 มารองใต้เตาอังโล้
...
พวกผมทั้งสี่เอามือตบหน้าผากพร้อมกัน นี่เหรอวิศวะสีชมพู... อับอายสายตาผู้อื่นมากครับ
เราก็รีบเข้าไปห้ามพี่ๆท่านอื่นที่กำลังเริ่มทำตาม (เห้อ...) แล้วอาสาว่าเดี๋ยวเราไปเอาอิฐก้อนใหญ่ด้านหลังโรงเรียนที่พวกเราใช้ทำสวนมาให้
ผมก็ชวนเพื่อนอีกคนหนึ่งไปด้วยกันครับ เพราะว่าด้านหลังโรงเรียนมืดมาก ไม่มีไฟสักดวง
พวกเราเดินไปหยิบอิฐมาคนละสองก้อนแล้วก็เดินกลับไปยังลานประชุม แต่ในขณะที่เดินกลับได้ประมาณครึ่งทาง พวกผมทั้งคู่ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง กรี๊ด ดังมากมาจากหลังรั้วโรงเรียน
บอกก่อนว่าตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มครึ่งแล้วนะครับ มืดจนมองเท้าตัวเองแทบไม่เห็น
เราสองคนยกอิฐเหนือหัววิ่งกันอย่างเร็วเลย จากหนักๆเป็นเบาหวิว
พวกเราตกลงไม่เล่าอะไรให้ใครฟังในคืนนั้น
จนถึงกลางวันวันต่อไป
พวกผมสองคนที่เจอก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเจอเรื่องแบบนี้มาเมื่อคืน
เพื่อนผมคนหนึ่งเขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาฝันแปลกๆว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหา แล้วบอกเลขอะไรสักอย่าง เขาก็เลยโทรไปเล่าให้แม่ตัวเองฟัง
พอทำกิจกรรมอะไรตามเดิมเสร็จ หลังพระอาทิตย์ตก พวกเราก็เริ่มเข้านอนกัน
แต่... สิ่งที่แปลกที่สุดก็เกิดขึ้นกับผม
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วลงไปนอน ผมก็นอนหงายหน้าตามปกติ แล้วผมก็เห็น... ชุดไทย ครับ
ชุดไทยหลากสี 7-8 ชุดแขวนอยู่บนหัวนอน อยู่ติดกับหน้าต่างพอดี
ผมร้องตกใจเลย "เห้ย มีชุดไทยอยู่บนหัวเราตั้งแต่ตอนไหน"
เพื่อนผมทุกคนก็บอกว่ามันมีตั้งแต่วันแรกแล้ว ก็งงอยู่ว่าทำไมผมชวนให้ไปนอนในมุ้งนั้น
แต่ผมไม่เห็น... ไม่เห็นตั้งแต่วันแรกที่เดินไปเลือกมุ้งนั้น ไม่เห็นทั้ง 4 คืนที่นอน ผมไม่เข้าใจเลยว่าเป็นไปได้อย่างไร
คืนนั้นนอนแบบกลัวเลยครับ 555
เช้ามาก็แยกย้ายกันกลับ แล้วเพื่อนผมก็ทักมาว่าแม่มันเอาเลขที่บอกไปซื้อหวยใต้... แล้วถูกด้วย
เรื่องราวก็ประมาณนี้ครับ
อยากถามว่ามันใช่สิ่งเหนือธรรมชาติหรือเปล่า ถ้าใช่มันน่าจะเป็นประเภทอะไรครับ หรือมีคำอธิบายไหมว่ามันไม่ใช่เพราะอะไร
โรงเรียนอยู่ติดกับวัด แลัววัดอยู่ติดแม่น้ำ... หมายความว่าตั้งแต่หลังโรงเรียนเป็นต้นไปไม่มีบ้านคนอยู่ครับ
แล้วหลังจากวันที่เจอ พวกผมก็เข้าไปไหวพระขอขมากันครับ ในวัดมีรอยพระพุทธบาทให้มากราบไหว้ แล้วก็มีเจดีย์ทรงเก่ามากๆเป็นอิฐแดง ที่ถล่มไปเกือบทั้งหมดแล้วครับ
หากอยากได้ชื่อสถานที่ก็ลองคอมเม้นกันนะครับ เผื่อจะมาตอบให้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ปล. เพิ่งสมัครพันทิป และเป็นโพสแรกครับ
ปล. พิมพ์ผิดเยอะ ขออภัยครับ ไม่ได้เรียบเรียงเรื่องก่อนเล่าเพราะมันออกมาจากความทรงจำ แล้วก็ไม่ได้รีเช็คก่อนโพสครับ
หากมีคำพูดที่ไม่สมควรรบกวนแจ้งให้หน่อยครับ จะลบให้ครับ
ได้ยินเสียงร้อง ช่วยด้วย มาจากลานเก็บเจดีย์ใส่โกศ
มันมีวันหนึ่งตอนช่วงปี 1 ... ทางมหาลัยได้จัดโครงการของนักศึกษาคณะผมให้ไปค่ายอาสาช่วยเหลือโรงเรียนชนบท รายละเอียดกิจกรรมก็จะเป็นการทาสีโรงเรียน สอนหนังสือ ทำสวนหน้าโรงเรียน และทำแปลงผักสวนครัวด้านหลังโรงเรียน ... โรงเรียนที่พวกผมมีโอกาสได้ไปเป็นโรงเรียนวัดที่ใช้ชื่อวัดเป็นชื่อโรงเรียน ประมาณว่า โรงเรียนวัด... ครับ
ผมสมัครไปค่ายนี้กับเพื่อนอีกสามคนรวมทั้งหมดเป็น 4 คน... ทั้งสี่ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องนอกเหนือวิทยาศาสตร์เหมือนกัน (ปกติวัยรุ่นสายวิทย์)
ตอนก่อนจะออกเดินทาง ทางมหาลัยได้จัดรถทัวร์เพื่อพานักศึกษาไปยังโรงเรียนที่ว่า แต่ผมคิดว่าตัวเองอยากกลับบ้านเลยหลังจากจบค่าย ไม่อยากเข้ามหาลัยแล้ววนกลับบ้านอีก เลยขับรถเก๋งไปเองครับ
เมื่อไปถึงก็ได้ทักทายรุ่นพี่ที่ไปค่ายด้วยกันและทางบุคลากรของทางโรงเรียน ผอ.ท่านมารบกวนให้นำรถไปจอดด้านหน้าโรงเรียนใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะว่าเด็กอาจจะเตะฟุตบอลโดนกระจกเอา ผมเลยต้องทำตาม
หลังจากเข้าโรงเรียนไป ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งอาสาพาเราไปเก็บของที่ห้องพักชาย เปิดประตูเข้าไปก็เห็นมุ้งกางเต็มห้องแล้วมีกระเป๋าสัมภาระอยู่ทุกมุ้ง ปล. เรามาสายกว่ารถทัวร์ประมาณ 3 ชั่วโมง รุ่นพี่เลยเลือกที่นอนไปก่อนแล้ว
เมื่อเดินวนดูไปเรื่อยๆเพื่อหามุ้งที่ว่าง ผมก็เห็นมุ้งด้านในสุดที่มุมห้องและอยู่ติดหน้าต่างที่ไม่มีใครจอง ผมเรียกเพื่อนอีกสามคนให้มาดูและจัดแจงเก็บของให้เรียบร้อยก่อนออกไปทำกิจกรรมกัน ในระหว่างที่เก็บของกันอยู่ในมุ้ง ผมก็คุยกับเพื่อนว่า 'ทำไมมุ้งด้านในสุดไม่มีคนจองวะ ตอนกลางคืนไม่ต้องกลัวคนเดินผ่าน แถมติดหน้าต่าง น่าจะเย็นดีด้วย' เพื่อนผมก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
หลังจากที่ทำกิจกรรมสันทนาการณ์จนมืดค่ำ พวกเราก็ไปอาบน้ำนอนกัน
คืนแรกไม่มีอะไร แถมหลับสบายเต็มอิ่มมาก
วันที่สอง พวกผมได้รับหน้าที่เป็นผู้นำสันทนาการตอนเย็น ช่วงกลางวันเลยไม่มีงานอะไรให้ทำ เราเลยไปช่วยเหลือฝ่ายอื่นๆ เช่นทาสี และทำสวนหลังโรงเรียน
เมื่อทำสวนอยู่ถึงเวลาประมาณบ่ายสอง พวกผมสี่คนก็เลยแอบเดินไปพักกัน พวกเราเดินออกจากประตูหลังโรงเรียนแล้วก็พบกับเครื่องออกกำลังกายของเทศบาลอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนพอดี ด้วยความที่ผมและเพื่อนอีกคนชอบออกกำลังกาย ก็เลยตื่นเต้นรีบเดินไปเล่นกันครับ แต่พอพวกเราเลิกคุยเล่นกันแล้วสนใจรอบข้างมากขึ้น ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน
ข้างหน้าผมเป็นถนนเลนสวนเส้นเล็กๆที่กั้นระหว่างโรงเรียนและ ... เจดีย์เก็บโกศครับ
ผมก็สะดุ้งเล็กน้อย รู้สึกเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อะไร เราก็อยู่ส่วนของเรา
เมื่อพักผ่อนได้ประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเราก็เดินกลับเข้ารั้วโรงเรียนเพื่อมาช่วยงานต่อ
ประมาณ 4 โมงเย็น เรื่องมันก็เริ่มแปลกครับ...
รุ่นพี่คนหนึ่งเขาเดินออกไปสูบบุหรี่หลังรั้วโรงเรียน แล้วเขาก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ ผมก็เห็นเขาแต่ก็ไม่ได้ทักอะไรและก้มหน้าลงประชุมฟังเรื่องแปลนสวนกับเพื่อนและพี่ๆคนอื่นต่อ อยู่ดีๆรุ่นพี่คนนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมากลางวงเลยครับ
"เมื่อกี้กูเห็นเด็กผู้ชายที่ดูไม่เต็มเล่นฟิตเนสอยู่ด้านหลังคนเดียว" (ขออนุญาตพูดก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีเจตนาพูดไม่ดีครับแต่นี่เป็นคำพูดที่เขาพูดจริงๆ)
ต่อ... พวกผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็นั่งฟังอธิบายงานต่อ แต่แล้ว... พวกผมทุกคนก็ได้ยินเสียงพร้อมกัน
"ช่วยด้วย"
เสียงร้องครวนครางว่าช่วยด้วยของผู้หญิง ย้ำว่า ของผู้หญิง ดังออกมาจากด้านหลังโรงเรียนหลายครั้งติดกัน เสียงของเขาเย็นและรู้สึกเจ็บปวดมากจนทุกคนขนลุกเลยครับ
ทุกคนมองหน้ากันทั้งหมดยกเว้นแต่รุ่นพี่คนเดิมที่เดินกลับมาเป็นคนสุดท้าย เขาถามทุกคนด้วยสีหน้าเหวอๆว่าเราควรจะออกไปไหม
ผมก็บอกว่าอย่าไปสนใจ ทำงานต่อ (พ่อแม่เคยเล่าเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ให้ฟัง เลยรู้ว่าต้องทำยังไง)
เมื่อเสียงร้องดังได้สักพักหนึ่ง เสียงก็เงียบลง พวกเราก็ทำงานต่อยันมืดแล้วเข้านอนเหมือนเมื่อวาน
วันต่อมาก็ทำกิจกรรมกันตามปกติและไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจนเข้าวันที่ 4 ได้ถ้าผมจำไม่ผิด
คืนวันนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ความเชื่อของผมและเพื่อนเปลี่ยนไปกันหมดเลยครับ
วันนั้นมีงานเลี้ยงหมูกระทะให้สตาร์ฟทั้งหมดที่ลานประชุมในโรงเรียน ทางโรงเรียนได้จัดเตาอังโล้ (ไม่แน่ใจสะกดถูกไหม) มาให้ ประมาณ 20 ชุดได้ และเอาไปตั้งไว้บนพื้นกระเบื้องในลานประชุม
แต่พอจุดไฟก็กลัวว่าจะไปทำกระเบื้องเขาเสีย ก็เลยมีรุ่นพี่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าใคร แต่อย่าให้รู้นะว่าใคร! เขาเอากระดาษ a4 มารองใต้เตาอังโล้
...
พวกผมทั้งสี่เอามือตบหน้าผากพร้อมกัน นี่เหรอวิศวะสีชมพู... อับอายสายตาผู้อื่นมากครับ
เราก็รีบเข้าไปห้ามพี่ๆท่านอื่นที่กำลังเริ่มทำตาม (เห้อ...) แล้วอาสาว่าเดี๋ยวเราไปเอาอิฐก้อนใหญ่ด้านหลังโรงเรียนที่พวกเราใช้ทำสวนมาให้
ผมก็ชวนเพื่อนอีกคนหนึ่งไปด้วยกันครับ เพราะว่าด้านหลังโรงเรียนมืดมาก ไม่มีไฟสักดวง
พวกเราเดินไปหยิบอิฐมาคนละสองก้อนแล้วก็เดินกลับไปยังลานประชุม แต่ในขณะที่เดินกลับได้ประมาณครึ่งทาง พวกผมทั้งคู่ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง กรี๊ด ดังมากมาจากหลังรั้วโรงเรียน
บอกก่อนว่าตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มครึ่งแล้วนะครับ มืดจนมองเท้าตัวเองแทบไม่เห็น
เราสองคนยกอิฐเหนือหัววิ่งกันอย่างเร็วเลย จากหนักๆเป็นเบาหวิว
พวกเราตกลงไม่เล่าอะไรให้ใครฟังในคืนนั้น
จนถึงกลางวันวันต่อไป
พวกผมสองคนที่เจอก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเจอเรื่องแบบนี้มาเมื่อคืน
เพื่อนผมคนหนึ่งเขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาฝันแปลกๆว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหา แล้วบอกเลขอะไรสักอย่าง เขาก็เลยโทรไปเล่าให้แม่ตัวเองฟัง
พอทำกิจกรรมอะไรตามเดิมเสร็จ หลังพระอาทิตย์ตก พวกเราก็เริ่มเข้านอนกัน
แต่... สิ่งที่แปลกที่สุดก็เกิดขึ้นกับผม
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วลงไปนอน ผมก็นอนหงายหน้าตามปกติ แล้วผมก็เห็น... ชุดไทย ครับ
ชุดไทยหลากสี 7-8 ชุดแขวนอยู่บนหัวนอน อยู่ติดกับหน้าต่างพอดี
ผมร้องตกใจเลย "เห้ย มีชุดไทยอยู่บนหัวเราตั้งแต่ตอนไหน"
เพื่อนผมทุกคนก็บอกว่ามันมีตั้งแต่วันแรกแล้ว ก็งงอยู่ว่าทำไมผมชวนให้ไปนอนในมุ้งนั้น
แต่ผมไม่เห็น... ไม่เห็นตั้งแต่วันแรกที่เดินไปเลือกมุ้งนั้น ไม่เห็นทั้ง 4 คืนที่นอน ผมไม่เข้าใจเลยว่าเป็นไปได้อย่างไร
คืนนั้นนอนแบบกลัวเลยครับ 555
เช้ามาก็แยกย้ายกันกลับ แล้วเพื่อนผมก็ทักมาว่าแม่มันเอาเลขที่บอกไปซื้อหวยใต้... แล้วถูกด้วย
เรื่องราวก็ประมาณนี้ครับ
อยากถามว่ามันใช่สิ่งเหนือธรรมชาติหรือเปล่า ถ้าใช่มันน่าจะเป็นประเภทอะไรครับ หรือมีคำอธิบายไหมว่ามันไม่ใช่เพราะอะไร
โรงเรียนอยู่ติดกับวัด แลัววัดอยู่ติดแม่น้ำ... หมายความว่าตั้งแต่หลังโรงเรียนเป็นต้นไปไม่มีบ้านคนอยู่ครับ
แล้วหลังจากวันที่เจอ พวกผมก็เข้าไปไหวพระขอขมากันครับ ในวัดมีรอยพระพุทธบาทให้มากราบไหว้ แล้วก็มีเจดีย์ทรงเก่ามากๆเป็นอิฐแดง ที่ถล่มไปเกือบทั้งหมดแล้วครับ
หากอยากได้ชื่อสถานที่ก็ลองคอมเม้นกันนะครับ เผื่อจะมาตอบให้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ปล. เพิ่งสมัครพันทิป และเป็นโพสแรกครับ
ปล. พิมพ์ผิดเยอะ ขออภัยครับ ไม่ได้เรียบเรียงเรื่องก่อนเล่าเพราะมันออกมาจากความทรงจำ แล้วก็ไม่ได้รีเช็คก่อนโพสครับ
หากมีคำพูดที่ไม่สมควรรบกวนแจ้งให้หน่อยครับ จะลบให้ครับ